เปิดห้องสังหาร ผอ.สวนสัตว์ พบหนังสือเตรียมสอบ 11 ปาก ปมเก้งหาย - จนท.พาพิสูจน์กรงช็อก! เจอรูงูเข้าเขมือบสบาย (คลิป

กรณีนายสุริยา แสงพงค์ ผอ.องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ถูกยิงเสียชีวิตภายในที่ทำการสวนสัตว์สงขลา ขณะลงพื้นที่ติดตามและตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณี “ลูกเก้งเผือก” สายพันธุ์พระราชทาน 2 ตัวที่หายไปอย่างปริศนา

โดยผู้ที่ลงมือก่อเหตุดังกล่าว ทราบชื่อ นายภูวดล สุวรรณะ สัตวแพทย์หัวหน้าฝ่ายอนุรักษ์วิจัยและสุขภาพสัตว์ สวนสัตว์สงขลา หลังก่อเหตุได้หลบหนีไปยิงตัวตายที่บ้านพักในสวนสัตว์สงขลา ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

เปิดปมมรณะ สัตวแพทย์สงขลายิง "ผอ.สุริยา" คาดเครียดถูกสอบเก้งหายหวั่นเป็นแพะ

ล่าสุดวันที่ 4 ต.ค.63 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้พูดคุยกับนายอัศม์เดช แสงพงค์ ลูกชายของนายสุริยา เปิดเผยว่า คุณพ่อเพิ่งเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 3 ก.ย.63 ที่ผ่านมา หลังจากที่ทำงานมา30 ปี คุณพ่อต้องการปฎิรูปองค์กรให้ดีขึ้น แต่ไม่คิดว่าเหตุการณ์จะรุนแรง ถามว่าโกรธมั้ยก็โกรธแต่ถ้าจะไปถือโทษโกรธแค้นก็ไม่มีอะไรดีขึ้น

ส่วนเรื่องคดีก็ให้ตำรวจดำเนินการไสป ส่วนตัวเชื่อว่าขบวนการค้าสัตว์ป่าในสวนสัตว์มีอยู่แล้วซึ่งเรื่องนี้พ่อเคยพูดมาตลอดและจะเข้ามาแก้ไขให้เด็ดขาด

ทีมข่าวลงพื้นที่ไปยังสวนสัตว์สงขลา ซึ่งเป็นพื้นที่เกิดเหตุ โดยเมื่อเวลา 11.30 น. นายชวลิต ชูขจร ประธานกรรมการองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เดินทางมาเยี่ยมให้กำลังใจพนักงานเจ้าหน้าที่ประจำสวนสัตว์สงขลา

โดยทีมข่าวสังเกตว่า ก่อนที่นายชวลิต จะเดินทางมาถึง เจ้าหน้าที่ของสวนสัตว์ได้ทยอยเดินทางเข้าไปรอภายในห้องประชุม ซึ่งก่อนที่จะเข้าไปได้มีการตรวจอาวุธอย่างเข้มงวดจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสงขลา เพราะป้องกันเหตุซ้ำรอย อีกทั้งทีมข่าวยังสังเกตว่า ขบวนรถและคนที่ตามมาด้วยกับนายชวลิต เป็นกลุ่มการ์ดพิเศษของกองทัพบก และรถที่ใช้เป็นพาหนะสำหรับรับส่ง ยังเป็นรถตู้ของกองทัพบกเช่นเดียวกัน

ภายหลังนายชวลิต ได้เข้าไปพูดคุยกับทีมเจ้าหน้าที่ พร้อมทั้งรับทราบปัญหาที่เกิดขึ้น โดยใช้เวลานานเกือบ 2 ชั่วโมง ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า ในวันนี้ตนเดินทางมาเพื่อติดตามความคืบหน้าเรื่องเก้งเผือกที่สูญหาย และมาแสดงความเสียใจ เพราะมีเจ้าหน้าที่เสียขวัญมาก

ส่วนเรื่องเก้งที่หายไป ตัวแรก คือ คุณภูมิ ที่หายไปเมื่อวันที่ 19 ก.พ.63 ซึ่งมีการตั้งคณะกรรมการสอบแล้ว และข้อเท็จจริงจะปรากฏในวันที่ 6 ต.ค.63 หากมีการพิสูจน์ทราบว่า มีคนขโมยหรือเอาเก้งออกจากกรง ก็ให้ดำเนินการตามกฎหมาย และในขณะนี้การตรวจสอบใกล้จะเสร็จสิ้นแล้ว

ขณะที่ ปัญหาภายในสัวนสัตว์สงขลา เบื้องต้นทราบว่าเกิดจากความบกพร่องของเจ้าหน้าที่ ที่ไม่มีการรายงานเก้งหายมายังองค์การสวนสัตว์ ดังนั้นต้องรวบรวมหลักฐานชัดเจนก่อนเพื่อให้สังคมหายสงสัย ทั้งนี้ส่วนตัวเชื่อมั่นในตัวของ นายสุริยา แสงพงค์ ผอ.องค์การสวนสัตว์ แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ที่ลงพื้นที่มาพิสูจน์และหาข้อเท็จจริงว่าเก้งหายไปได้อย่างไร และสาเหตุอะไร แต่ไม่คิดว่าจะมาพบกับการสูญเสียบุคลากร ในเรื่องไม่เป็นเรื่อง ดังนั้นจากเหตุการที่เกิดขึ้นองค์กรก็จะรับไปแก้ไข และไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก เจ้าหน้าที่สวนสัตว์ก็ต้องหาแนวทางป้องกัน แก้ปัญหาสัตว์สูญหาย

ส่วนการสั่งย้ายบุคคลในสวนสัตว์ 4 คน เป็นการทำงานที่พิสูจน์ตามขั้นตอน และระเบียบเกี่ยวกับการหายไปของเก้ง และการไม่รายงานให้องค์การสวนสัตว์ทราบ อีกทั้งต้องมีการชี้แจงให้สังคมเข้าใจ จึงมีความจำเป็นต้องย้ายบุคคลทั้ง 4 คนออกจากพื้นที่ให้ไปปฏิบติงานจุดอื่น เพื่อการตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมาและโปร่งใส หากบุคคลที่ได้รับการตรวจสอบยังอยู่ในพื้นที่ ก็จะทำให้คนที่ตรวจสอบทำงานไม่เต็มที่ และเอื้อประโยชน์ต่อกัน

ดังนั้นการสั่งย้ายแค่ชั่วคราว หากสอบเสร็จก็กลัมา ไม่ได้เรียกว่าสั่งย้ายขาด ฉะนั้นส่วนตัวคิดว่านายภูวดล หรือ หมอภู อาจมีความคิดที่เข้าใจผิดกับคำสั่งดังกล่าว เพราะคิดว่าเป็นคำสั่งย้ายขาด ทั้งที่เป็นคำสั่งชั่วคราว จึงทำให้เกิดบันดาลโทสะ และคิดน้อยไปหน่อย จึงเกิดเหตุดังกล่าวขึ้น ส่วนตัวในฐานะบอร์ดบริหาร ไม่คิดว่าจะต้องมาสูญเสียบุคลากรไปถึง 2 คน

หลังจากนี้ขั้นตอนการตรวจสอบเก้งที่หายไป จะมีขั้นตอนตามระเบียบโดยเก้งตัวที่ 1 คือ คุณภูมิ ที่หายไปเมื่อวันที่ 19 ก.พ. 63 แต่ยังพิสูจน์ไม่แน่ชัด เพระต้องรอฝ่ายนิติวิทยาศาสตร์ยืนยันและตรวจเซลล์ที่ลึกลงไปกว่าตรวจผิวเผิน แต่เบื้องต้นกระดูกที่พบยืนยันว่าเป็นกระดูกเก้ง แต่ยังไม่มีผลชัดเจนว่าป็นเก้งเผือกหรือไม่ เพราะต้องใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยตรวจลึกระดับเซลล์อีกครั้ง

ขณะที่เก้งตัวสุดท้ายที่ตายในช่วง 1 ก.ย.63 คือ คุณภาค อายุ 9 เดือน ซึ่งมีความชัดเจนด้วยหลักฐานอยู่แล้ว เพราะยังอยู่ในกรงแต่ถูกงูกินจนทำให้ตาย ดังนั้นก็จะมีขั้นตอนการตรวจสอบให้เกิดความชัดเจนอีกครั้ง กรณีงูเข้าไปในกรงว่าเข้าไปได้อย่างไร

วันเดียวกันนี้ภายหลังนายชวลิต ได้ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ภายในสำนักงานสวนสัตว์สงขลาแล้ว จึงพาทีมข่าวลงพื้นที่ไปตรวจสอบสภาพกรงเก้งจุดที่เกิดเหตุ ภายในพื้นที่สวนสัตว์สงขลา พบว่าลักษณะกรงทำด้วยตะข่ายเหล็ก ทาสีด้วยสีน้ำเงิน ยกสูงจากพื้นประมาณ 2 เมตร และมีการแก้ไขจุดบกพร่อง หรือส่วนที่เป็นรูของตาข่ายที่อาจเป็นสาเหตุทำให้งูแอบเข้าไปได้ มีการปิดและซ่อมแซมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และในระหว่างที่ทีมข่าวลงพื้นที่มานั้น สังเกตว่ายังพบมีคราบงูที่ลอกคราบเอาไว้ อยู่ด้านหลังต้นไม้ติดกับรั้วของกรงเก้ง

นายชวลิต พร้อมด้วยนายอุทัย พูลยรัตน์ หัวหน้าโภชนาการสัตว์ (คนดูแลสัตว์ในสวนสัตว์) ได้มาบรรยายจุดที่พบซากของคุณภาค เก้งตัวที่ถูกงูกิน และจุดที่เจอโครงกระดูกของคุณภูมิ โดยบอกสาเหตุว่า งู สามารถแอบลอบเข้าไปภายในได้ เพราะเนื่องจากมีรอยรั่ว อีกทั้งสามารถลงมาจากต้นไม้ เพื่อแอบเข้าไปกินเก้งเผือกได้ เพราะเนื่องจากเก้งเผือกมีขนาดตัวเล็ก จึงทำให้ง่ายต่อการเป็นเหยื่อ

ด้านนายอุทัย พูลยรัตน์ หัวหน้าโภชนาการสัตว์ (คนดูแลสัตว์ในสวนสัตว์) หนึ่งในบุคคลที่ถูกออกคำสั่งย้ายให้ไปประจำที่สวนสัตว์ดุสิต โดยเป็นบุคคลที่มีรายชื่อลำดับที่ 4 เปิดเผยเพิ่มเติมกับทีมข่าวอีกว่า สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะเกิดเหตุรุนแรงขึ้น แต่การสั่งย้ายถือว่าเป็นเรื่องปกติ หลังจากนี้ก็ต้องมีขั้นตอนการตรวจสอบและพิสูจน์ความบริสุทธิ์ รวมทั้งหาข้อเท็จจริงว่าเกิดอะไรขึ้น ภายหลังที่ผลการตรวจสอบแล้วเสร็จ หากความกระจ่างเกิดขึ้นทุกอย่างก็คงจะจบได้ แต่ส่วนตัวไม่ได้มีความกังวลหรือความเครียด เพราะถือว่าเป็นขั้นตอนที่ต้องตรวจสอบตามระเบียบ

ขณะที่ตัวของนายภูวดล หรือหมอภู คนก่อเหตุนั้น ส่วนตัวไม่ทราบว่ามีความเครียดหรือกังวลอะไรเกี่ยวกับเหตุการณ์ครั้งนี้ แต่อาจเป็นเพราะถูกตั้งกรรมการสอบ และถูกสั่งย้ายในฐานะที่เป็นหมอชันสูตรซากเก้ง แต่ก่อนที่จะไปก่อเหตุ ก็ไม่ได้มาปรึกษาหรือมาตัดพ้ออะไรให้ฟัง ซึ่งนิสัยของหมอเป็นคนไม่ค่อยคุยกับใครอยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่เข้าใจเหตุผลการก่อเหตุครั้งนี้ ที่ทำให้เกิดความสูญเสีย

นายอุทัย ยังเปิดเผยอีกว่า เหตุการณ์งูแอบกินเก่ง เป็นเรื่องสุดวิสัย เพราะโดยนิสัยของงู เวลาแอบลักลอบเข้าไปภายในกรงเก้ง ก็จะอาศัยรูของตาข่ายขนาดใหญ่แอบเข้าไป แต่หลังจากที่เกิดเหตุเก้งหาย หรือโดนกิน ก็ได้มีมาตรการดูแลและปรับปรุงเพิ่มเติม แต่วันนี้ได้มีการรือถอนออกไปชั่วคราว เพราะมีการทาสีและปรับปรุง หลังจากนี้ก็จะนำมาติดตั้งเอาไว้เหมือนเดิม

ส่วนมาตรการการดูแลสัตว์ในสวนสัตว์ ได้ทำเป็นขั้นตอนและวิธีการเป็นประจำทุกวัน คือ มีการตรวจนับจำนวนสัตว์ ซึ่งเป็นหน้าที่ของพนักงานเลี้ยงสัตว์ และการตรวจนับจะต้องรับทั้งก่อนปฏิบัติงานและหลังการปฎิบัติงาน ก่อนที่จะมีการล็อกประตูกุญแจ

วันเดียวกันนี้ ทีมข่าวยังได้พูดคุยกับ นายทวีศักดิ์ แก้วประดิษฐ์ พนักงานบำรุงรักษาสัตว์ ผู้ทำรายงานและบึนทึกข้อความความผิดปกติและการหายไปของเก้ง เรียนถึงผอ.สวนสัตว์

นายทวีศักดิ์ เปิดเผยว่า ตนในฐานะคนเลี้ยงและอนุบาลเก้ง กวาง ในสวนสัตว์สงขลา ก็ทำหน้าที่เฝ้าระวังเป็นอย่างดี ซึ่งช่วงที่คุณภูมิคลอด ทีมเจ้าหน้าที่ได้ชุดเฝ้าระวัง ติดสปอตไลต์ กางเต็นท์เฝ้าเวรยาม ถือเป็นการร่วมเฝ้าระวังช่วงที่เก้งคลอดใหม่ จะทำเพียงแค่ช่วง 1 เดือน ซึ่งช่วงนั้นจำได้ว่าฝนใกล้ตก และเป็นเดือน ธ.ค.62 จึงได้ยกเลิกจุดเฝ้าระวัง แล้วเปลี่ยนไปให้ รปภ.ขับตรวจตราแทน

ส่วนกรณีเหตุงูกินเก้งเผือก เกิดจากจุดช่องว่างของรูตาข่าย และต้นไม้ใหญ่ที่งูสามารถเลื้อนลงไปได้ โดยยอมรับว่ากรงค่อนข้างเปิดโล่ง ทำให้โอกาสที่งูจะเข้าไปขายในกรงเก้งเป็นเรื่องง่าย และเวลาที่งูกินเก้งแล้ว ก็จะหาที่ซ้อนตัวหรือหลบอยู่ด้านในตามโพรงหรือรู หลังจากที่เริ่มย่อยแล้วจึงหนีออกมาจากกรง

สำหรับคุณภูมิ เก้งวัย 3 เดือน ตัวแรกที่ถูกกินนั้น ยอมรับว่าภายหลังรับแจ้งหรือหาตัวคุณภูมิไม่เจอ เจ้าหน้าที่ฝ่ายดูแล 3 คน และชุดรักษาความปลอดภัย 7 คนก็ได้ช่วยกันออกตามหาตั้งแต่ช่วงเช้าที่ทราบว่าหายไป อีกทั้งเน้นหาเบาะแสของงู แต่ก็ไม่พบตลอดทั้งสัปดาห์ และได้เปลี่ยนเป้าหมายพุ่งเป้าไปที่กลุ่มคนงานก่อสร้าง ซึ่งเป็นแรงงานต่างด้าว จะเข้ามาทำการก่อสร้างและต่อเติมช่วงหลังจากสวนสัตว์ปิด แต่ภายหลังค้นหาเบาะแสก็ยังไม่พบ กระทั่งมีทีมเจ้าหน้าที่เจอโครงกระดูกเก้งขนาดเล็ก อยู่บริเวณร่องน้ำในกรง จึงเชื่อได้ว่าอาจเป็นเศษซากของคุณภูมิ จึงรายงานพร้อมทั้งส่งให้ทีมแพทย์ตรวจพิสูจน์ เบื้องต้นจากการสังเกตคาดว่าเป็นกระดูกของคุณภูมิเอาไว้ก่อน แต่หลังจากนั้นขั้นตอนการตรวจสอบก็คงเป็นเรื่องของนิติวิทยาศาสตร์และทางแพทย์

นายทวีศักดิ์ ยังบอกกับทีมข่าวว่า ตนในฐานะเจ้าหน้าที่ที่ทำงานในสวนสัตว์สงขลา มานานกว่า 20 ปี ซึ่งรู้จักและสนิทสนมกับนายภูวดล หรือหมอภู ตนจะรู้จักกับหมอในฐานะผู้ที่มารักษาสัตว์ในยามเจ็บป่วย แต่ในระยะหลังไม่ค่อยได้เจอกัน เพราะจะมารักษาเฉพาะสัตว์ที่ป่วยหนักเท่านั้น สาเหตุความกดดันที่ทำให้ก่อเหตุดังกล่าวขึ้น ตนก็ไม่ทราบว่ามีความกดดันเรื่องอะไร เพราะนายภูวดลไม่ได้เกี่ยวข้องกับการหายไปของเก้ง เชื่อว่ากระบวนการในฐานะหมอไม่ได้เกี่ยวข้องอยู่แล้ว แต่อาจถูกโยงเพราะว่าเป็นผู้ตรวจชันสูตรก็ได้

อย่างไรก็ตาม นายทวีศักดิ์ หนึ่งในกลุ่มเจ้าหน้าที่ที่ถูกเรียกสอบเมื่อวันที่ 2 ต.ค.63 เวลา 13.00 น. ก่อนที่คำสั่งจะออกช่วงเย็นวันเดียวกัน เปิดเผยว่า วันดังกล่าวได้มีการเรียกเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง และเป็นบุคคลกลุ่มที่ดูแลกรงเก้งไปทำการสอบ ซึ่งตนถูกสอบเวลานานถึง 2 ชั่วโมง ส่วนอีก 2 คนถูกสอบคนละ 1 ชั่งโมงครึ่ง ก่อนที่จะจบการสอบสวนเวลาประมาณ 17.00 น. จากนั้นวันที่ 3 ต.ค.63 เป็นรอบชุดของนายอุทัย พูลยรัตน์ (คนที่โดนย้าย) และรปภ.สวนสัตว์อีก 7 คน รวมทั้งสิ้น 11 คน ที่ถูกเรียกสอบ

โดยเนื้อหาการสอบสวนครั้งนี้ เป็นการสอบถามช่วงเวลาการเข้าออกงาน ช่วงเวลาการปฏิบัติหน้าที่ทั้งหมด รวมถึงรูปแบบการทำงานช่วงก่อนและหลังวันที่คุณภูมิหายตัว โดยส่วนตัวเชื่อว่าการสอบสวนครั้งนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับคำสั่งย้าย 4 ตำแหน่ง เพราะในระหว่างการสอบสวนยังไม่แล้วเสร็จ แต่คำสั่งได้ออกมาก่อนช่วงเย็นของวันที่ 2 ต.ค.63 แต่ส่วนตัวไม่ได้มีความกังวลเกี่ยวกับการปฏิบัติงาน เพราะถือว่าเป็นผู้ปฏิบัติ และยังคงทำงานตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย ส่วนนายอุทัย ในฐานะหัวหน้างาน จึงต้องรับผิดชอบตามขั้นตอนและระเบียบการตรวจสอบ ซึ่งเชื่อว่าเจ้าตัวก็คงไม่มีความเครียดหรือกังวลแต่อย่างใด

นอกจากนี้ ทีมข่าวยังได้ย้อนกลับไปที่สำนักงานสวนสัตว์สงขลา ซึ่งวันนี้อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปเก็บภาพภายในห้องที่เกิดเหตุ พบว่าด้านในยังคงมีเลือดติดกระจายอยู่บริเวณผนังห้อง บนเพดาน หรือแม้แต่โต๊ะทำงานและโซฟา ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเศษเลือดที่กระเซ็นไปติดบริเวณต่าง ๆ ซึ่งแม้ว่าจะมีการทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว แต่ภายในห้องทำงานยังคงมีกินคาวเลือดคคลุ้งอยู่ทั่วบริเวณ

เช่นเดียวกับ จอมอนิเตอร์กล้องวงจรปิดที่ติดตั้งอยู่ภายในห้องผู้อำนวยการสวนสัตว์สงขลา เพราะว่าก่อนหน้านี้มีกล้องวงจรปิดสามารถใช้การได้ทั้งหมด 8 ตัว ซึ่งติดตั้งทั่วบริเวณอาคารสำนักงานสวนสัตว์ แต่วันนี้ภายหลังที่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปบันทึกเก็บภาพได้ พบว่ามีการปิดการใช้งานกล้องวงจรปิดออกไป 3 ตัว (ห้องทำงาน, หน้าห้อง, ทางเดิน)

และภายในห้องที่เกิดเหตุ ทีมข่าวยังพบเอกสารชุดหนึ่ง ถูกวางอยู่บนโต๊ะทำงาน โดยมีเลือดกระเซ็นติดอยู่ ซึ่งเป็นบันทึกข้อความ การสอบปากคำพยานบุคคลที่เกี่ยวข้อง กลับการหายไปเก้งตัวแรก เมื่อวันที่ 19 ก.พ.63 โดยเอกสารดังกล่าว มีการสอบสวนและลงบันทึกเอาไว้เมื่อวันที่ 30 มี.ค.63 ซึ่งนำเรียนถึง ผอ.องค์การสวนสัตว์ (นายสุริยา) และลงมือชื่อผู้ส่งบันทึกข้อความคือ นายเฉลิมวุฒิ ผอ.สวนสัตว์

นอกจากนี้ ทีมข่าวยังเดินทางไปที่วัดบ้านพร้าว หรือวัดไทรทอง อ.สิงหนคร จ.สงขลา ซึ่งเป็นที่ตั้งบำเพ็ญกุศลศพของ นายสัตวแพทย์ภูวดล สุวรรณะ หรือ หมอภู หัวหน้าฝ่ายอนุรักษ์วิจัยและสุขภาพสัตว์สวนสัตว์สงขลา ผู้ก่อเหตุยิง นายสุริยา แสงพงค์ ผู้อำนวยการองค์การสวนสัตว์ แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ หลังญาติเข้ารับศพที่ รพ.สงขลา และนำมาบำเพ็ญกุศล ที่ศาลาร่มไทร วัดบ้านพร้าวแห่งนี้ ซึ่งบรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า

เมื่อช่วงเวลา 16.00 น. ได้มีการประกอบพิธีรดน้ำศพ โดยสังเกตว่า มีชาวบ้านในพื้นที่ กลุ่มข้าราชการ เพื่อนที่ทำงานในสวนสัตว์สงขลา เละญาติพี่น้อง รวมกว่า 500 คน เดินทางมาร่วมแสดงความเสียใจในครั้งนี้

พ.ต.อ.ผล สุวรรณะ พี่ชายของผู้ก่อเหตุ เปิดเผยว่า ช่วงวันก่อนเกิดเหตุ คือวันที่ 2 ต.ค.63 ช่วงเย็นหลังจากที่คำสั่งย้ายออกมา น้องชายได้มีการส่งมาให้ดูผ่านให้ดูผ่านข้อความแชตไลน์ ซึ่งตนก็ได้ให้คำปรึกษาในฐานะพี่ชายว่า เรื่องการโยกย้ายในตำแหน่งหน้าที่ราชการเป็นเรื่องธรรมดา อย่าคิดมาก มีย้ายไปก็มีย้ายกลับ โดยสังเกตว่าน้องชายก็ไม่มีท่าทีเครียดหรือกดดัน กระทั่งเช้าวันที่ 3 ต.ค.63 เวลา 09.00 น. ตนได้โทรศัพท์คุยไปพูดคุยกับน้องชาย สอบถามเรื่องรับประทานอาหารเช้า โดยการพูดคุยในสายก็ยังยืนยันว่าน้องชายไม่มีอาการกังวล หรือความเครียด ซึ่งตนก็ยังคงให้กำลังใจ

จากนั้นช่วงสายตนจึงโทรหาน้องชายด้วยความเป็นห่วง กว่า 20 สาย กระทั่งช่วงเย็นน้องสะใภ้โทรศัพท์มาแจ้งข่าวร้าย ว่าน้องชายยิงตัวตาย ตนรู้สึกตกใจ ส่วนกรณีปมปัญหาการหายไปของเก้งเผือก แล้วน้องชายมีส่วนเกี่ยวข้องนั้น พ.ต.อ.ผล มองว่า น้องชายไม่มีหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ในการรับผิดชอบต่อความสูญหายที่เกิดขึ้น เพราะเป็นสัตวแพทย์มีหน้าที่ในการรักษาสัตว์ในสวนสัตว์ ไม่ได้มีหน้าที่ในการรับผิดชอบในการสูญหายของสัตว์ แต่เหตุใดกลับมีคำสั่งย้ายเกิดขึ้นกับน้องชาย

ขณะที่การใช้อาวุธปืนของน้องชาย ส่วนตัวไม่เคยเห็นอาวุธปืนดังกล่าว แต่เชื่อว่าเป็นปืนที่ถูกต้องตามกฎหมายและน้องชายอาจจะมี เพราะทำงานในฐานะข้าราชการอยู่แล้ว และภายหลังก่อเหตุมีการเปิดเพลงเอาไว้นั้น ตนไม่รู้ว่าเป็นเพลงอะไร และไม่รู้เหตุผลว่าทำไมต้องเปิด และตนไม่ได้คุยกับหลานชายและภรรยาของนายภูวดลว่าเปิดเพราะอะไร

อย่างไรก็ตาม ในฐานะญาติของผู้ก่อเหตุ ไม่มีอะไรฝากถึงครอบครัวของ ผอ.สุริยา เพราะต่างฝ่ายต่างสูญเสียเช่นกัน ไม่ถือโทษว่าใครผิดหรือถูก แต่ก็คือความสูญเสียที่เกิดขึ้นต่อครอบครัวทั้งสองฝ่าย