วันที่ 3 ต.ค. 63 จากกรณีนายสุริยา แสงพงค์ ผู้อำนวยการองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ถูกยิงเสียชีวิต 14 นัด ภายในที่ทำการสวนสัตว์สงขลา ขณะลงพื้นที่ติดตามและตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีลูกเก้งเผือก สายพันธุ์พระราชทาน 2 ตัว ที่อยู่ในส่วนจัดแสดงหายไปอย่างปริศนา
พบผู้ยิงคือ นายภูวดล สุวรรณะ เป็นสัตวแพทย์หัวหน้าฝ่ายอนุรักษ์วิจัยและสุขภาพสัตว์ สวนสัตว์สงขลา ซึ่งหลังก่อเหตุได้หลบหนีไปยิงตัวตายที่บ้านพักในสวนสัตว์สงขลา
โดยนายภูวดล ได้เข้าไปกอดภรรยา บอกว่าฝากดูแลลูก 2 คนด้วย และเข้าไปยิงตัวนายในห้องนอนของลูกชาย พร้อมกับได้เขียนจดหมายสั่งเสีย บอกที่เก็บสิ่งของต่าง ๆ และวางเงินไว้ 3,000 บาท ก่อนยิงตัวตายได้เปิดเพลงที่ชอบฟัง และใช้อาวุธปืนยิงตัวตาย 1 นัด
นายคล่อง อินสุวรรณ อายุ 51 ปี เพื่อนร่วมงานผู้ก่อเหตุ เปิดเผยว่า ผู้ก่อเหตุเป็นเจ้านายของตน อุปนิสัยสุภาพ ไม่ก้าวร้าว ส่วนสาเหตุเรื่องเก้ง ตนคิดว่าไม่น่าใช่จากประเด็นนี้ เนื่องจากนายภูวดล ทำงานอยู่ฝ่ายวิจัย และไม่ใช่คนสอบสวนในคดีเรื่องเก้ง
ส่วนสาเหตุที่แท้จริงคาดว่าเกิดจากความเครียดจากการถูกคำสั่งย้ายกะทันหัน เนื่องจากตัวเขาเองทำงานที่นี่มาตั้งแต่ปี 2538 และส่วนหนึ่งเป็นคนไม่ชอบเข้าสังคม เมื่อเกิดปัญหามาทำให้คิดอยู่คนเดียว ไม่ได้ปรึกษาเพื่อนร่วมงานหรือคนอื่น ๆ
ล่าสุด นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยนายนายอำพล พงศ์สุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา และนายไชยพร นิยมแก้ว นายอำเภอเมืองสงขลา ได้ลงพื้นที่ติดตามเหตุการณ์ในที่เกิดเหตุ
โดยนายนิพนธ์ เปิดเผยว่า เมื่อเช้านี้ นายสุริยา ได้ไปหาที่บ้านพัก และกินกาแฟกัน รวมทั้งพูดคุยกันเรื่องที่เก้งพระราชทานหายไป 2 ตัว โดยนายสุริยาบอกว่าจะแก้ปัญหาสวนสัตว์สงขลา และพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวหลักที่มีชื่อเสียง เพราะสงขลาเป็นบ้านเกิด ซึ่งตนก็พอรู้ปัญหานี้ แต่ก็ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้ และเชื่อว่าน่าจะมาจากอารมณ์ชั่ววูบของผู้ก่อเหตุ เพราะทั้ง 2 คนก็รู้จักกันและเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องที่โรงเรียนมหาวชิราวุธสงขลาด้วย
นางชนิตา มาละวรรรณโณ อายุ 56 ปี ญาติของผู้ก่อเหตุ บอกว่า นายภูวดลได้เข้าไปยิงตัวนายในห้องนอนของลูกชายที่รักมากเพราะเป็นลูกชายคนแรก พร้อมกับได้เขียนจดหมายสั่งเสียไว้ วางเงินไว้ให้อีก 3,000 บาท ก่อนยิงตัวตายด้วยอาวุธปืน ซึ่งครอบครัวตกใจมากที่เกิดเหตุการณ์ขึ้น
ด้านภรรยาของนายสุริยา แสงพงษ์ ผอ.องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย โพสต์เฟซบุ๊กถึงการจากไปของสามี ระบุว่า "พ่อรีบทิ้งครอบครัวไปทำไม รักพ่อนะ สักวันเราจะได้เจอกันอีก พ่อทำเพื่อครอบครัวเพื่อองค์กรที่พ่อรัก คนใจร้ายทำพ่อได้ยังไง แค่โดนย้ายเพื่อสอบสวน พ่อโดนกระทำมา 2-3 ปี กลั่นแกล้งทุกอย่าง พ่อก็ต่อสู้จนพ่อได้เป็น CEO
พ่อพูดว่าที่สมัครเพราะเมียให้สู้ คงจะเป็นความผิดของแม่ด้วยที่อยากทำให้ข้อกล่าวหาต่างๆกระจ่างขึ้น ตอนนี้เหมือนความฝันว่าพ่อจากไปแล้วจริงๆ 30 ปี ที่ร่วมชีวิตกันมาไม่เคยคาดคิดว่าจะมีวันนี้ พ่อไม่ต้องห่วงนะแม่จะพยายามเข้มแข็ง ไม่มีคำอำลา ขอให้พ่อสู่สุขคติ สู่ภพภูมิที่ดี"
ทีมข่าวลงพื้นที่สวนสัตว์ จังหวัดสงขลา ส่วนของสำนักงานยังคงมีผู้บริหารจากส่วนกลางเดินทางมาติดตามความคืบหน้า ภายหลังเดินทางมาถึง แต่ยังไม่เปิดเผยข้อมูลใด ๆ ซึ่งส่วนสำนักงานชั้น 2 จุดที่เกิดเหตุ ยังมีเจ้าหน้าที่ทำงานกันอยู่ เพราะต้องรอให้ข้อมูลกับทางบอร์ดบริหารขององค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์
ขณะที่ส่วนงานสวนสัตว์ ซึ่งอยู่ด้านบนส่วนของสำนักงาน พบว่าปิดให้บริการประจำวันตามเวลา เพราะช่วงที่ทีมข่าวลงพื้นที่มา คือ 17.40 น. เป็นเวลานอกทำการ เพราะปกติจะเปิดให้บริการ 08.30-16.30 น. ส่วนเจ้าหน้าที่ได้กลับลงไปรวมกันที่สำนักงานด้านล่างทั้งหมด และได้ใช้แผงกันเหล็กปิดเอาไว้
นายริม (นามสมมติ) เจ้าหน้าที่สวนสัตว์ ผู้เห็นเหตุการณ์อยู่ข้างห้องจุดที่ยิงกัน เปิดเผยว่า ช่วงเวลาเกิดเหตุตนเองอยู่บริเวณชั้นบนจุดเดียวกันกับที่เกิดเหตุ ซึ่งขณะนั้นกำลังเตรียมการประชุมช่วงประมาณ 10.30 น. โดยคณะผู้บริหารของสวนสัตว์ยังคงมีการพูดคุยอยู่ด้านบน ซึ่งมีนายสุริยา แสงพงค์ ผู้อำนวยการองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ อยู่ร่วมด้วยภายในห้องทำงานของผู้อำนวยการสวนสัตว์ และได้มีการพูดคุยในระดับผู้บริหารร่วมกัน โดยการประชุมวันนี้ จะมีการตรวจสอบและซักถามเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะเนื่องจากนายสุริยาลงพื้นที่มาเพื่อจะตรวจสอบกรณีเก้งที่หายไป
ในช่วงที่เกิดเหตุยิงกันภายในห้องผู้อำนวยการสวนสัตว์ ตนเองอยู่ห้องถัดไป เพราะรอเข้าไปถูกเรียกสอบเป็นคนต่อไป โดยหลังจากสิ้นเสียงปืนรัวยาว ตนเองก็เข้าไปดู พบว่ามีเหตุการณ์ยิงกันเกิดขึ้น ประกอบกับเริ่มมีคณะผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่วิ่งกันจ้าละหวั่น ลงจากชั้น 2 หนีตายกัน ตัวเองก็ได้ผลักประตูกระจกด้านหลัง ซึ่งเป็นประตูหนีไฟจนทำให้กระจกแตกบาดมือตัวเอง โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตัวเองไม่คิดว่าจะมีเหตุรุนแรง เพราะก่อนการเริ่มประชุมทุกคนต่างมีท่าทีเรียบเฉย โดยเฉพาะสัตวแพทย์คนก่อเหตุ ซึ่งไม่ได้มีการถืออาวุธปืนมาโชว์ให้เห็น และไม่ได้มีปฏิกิริยาถึงความเครียด
ส่วนสาเหตุที่เกิดขึ้น ตัวเองก็เชื่อว่าเป็นเพราะมีคำสั่งย้ายตำแหน่งผู้บริหาร และตำแหน่งสัตวแพทย์ที่เกี่ยวข้อง ทำให้เกิดความไม่พอใจ ส่วนตัวรู้จักกับสัตวแพทย์คนก่อเหตุ ซึ่งเป็นคนเรียบร้อย นิ่งเฉย และไม่มีความก้าวร้าว แต่ก็ตกใจที่มาก่อเหตุดังกล่าวขึ้นได้ ส่วนตัวตั้งข้อสังเกตว่าหากมีความเครียดเกี่ยวกับถูกย้าย ทำไมคนที่อยู่ในตำแหน่งอื่นที่โดนย้ายเหมือนกัน ไม่เก็บกดหรือก่อเหตุความรุนแรงแบบครั้งนี้
นอกจากนี้ ช่วงก่อนหน้านี้ สัตวแพทย์คนก่อเหตุเคยได้ตัดพ้อและบ่นเครียดภายหลังถูกคำสั่งย้าย ว่ายังไม่อยากไป อยากทำงานเพื่อดูแลลูกก่อน และแม้ว่ คำสั่งย้ายจะออกมาแล้ว แต่ตำแหน่งผู้บริหารและคนที่ถูกย้าย ก็ยังทำงานอยู่ที่ส่วนของสำนักงานตามปกติ เพราะจะมีผลวันที่ 5 ต.ค. เป็นต้นไป
นายต้น (นามสมมติ) หลานชายของคนก่อเหตุ เปิดใจว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทางครอบครัว ไม่คิดว่านายภูวดลจะก่อเหตุ ภายหลังมีคำสั่งย้ายออกมาเมื่อวานนี้ ทำให้เมื่อคืนที่ผ่านมานายภูวดลค่อนข้างเครียดและกังวล ทำให้นอนไม่หลับทั้งคืน เพราะเป็นแรงกดดันจากการทำงาน ไม่คิดว่าคำสั่งจะมีรายชื่อของตัวเองติดไปด้วย เพราะไม่ได้เกี่ยวข้องหรือรู้เห็นเกี่ยวกับการหายของเก้ง โดยหลังจากที่ต้องเข้าไปพัวพัน และถูกตั้งกรรมการสอบ ทำให้เจ้าตัวค่อนข้างเครียด
นอกจากนี้ น้าชายเคยมาเล่าให้กับพี่สาวตัวเองฟังว่า โดนผู้ตายใช้คำพูดเหยียดหยาม คำพูดไม่สุภาพ มีการดูถูก และกดดันให้ลาออก หรือออกมารับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนวันที่เกิดเหตุ พี่สาวของตนเองได้เดินทางไปทำงานที่สำนักงานสวนสัตว์สงขลา ตำแหน่งพนักงานบัญชี โดยพี่สาวจะออกบ้านก่อน จากนั้นน้าชายในฐานะคนก่อเหตุ ได้ออกตามหลังไป แล้วขึ้นไปยังห้องประชุมชั้นสอง ไปเจอกับผู้ตาย แต่คาดว่าในขณะที่อยู่ภายในห้องประชุม อาจถูกตำหนิ และด่าทอเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา ประกอบกับมีแรงกดดันเรื่องคำสั่งย้าย จึงทำให้ก่อเหตุดังกล่าวขึ้น
ตนอยากจะแสดงความเสียใจและฝากขอโทษครอบครัวของนายสุริยาด้วย ส่วนฝ่ายของครอบครัวของตนเองก็พบกับความสูญเสียด้วยเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ ก่อนที่คำสั่งย้ายจะออกมา น้าชายเคยเล่าแล้วตัดพ้อให้ฟังเสมอว่า "อยากจะขอลาออกจากตำแหน่งสัตวแพทย์ เพราะรับแรงกดดันไม่ได้ ไม่รู้เรื่องแต่ต้องออกมารับผิดชอบกรณีเก้งหาย" แต่ภรรยาพยายามบอกตลอดว่ารอให้ลูกเรียนจบมัธยมศึกษาปีที่ 6 ก่อน เพราะยังมีภาระต้องดูแลครอบครัว
โดยเก้งเผือกตัวแรก "คุณภูมิ" พบว่าหายไปช่วงเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา ช่วงเก้งหายเจ้าหน้าที่ระดมกันค้นหาแต่ไม่พบ ถัดมาเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา กลับพบซากสัตว์เหลือเพียงกระดูก ถูกใบไม้ทับถมอยู่ในส่วนจัดแสดงเก้งเผือก ส่วนเก้งเผือกตัวที่ 2 "คุณภูมิ" ที่หายไปจากกรงจัดแสดงเดือน ก.ย. สวนสัตว์มีหลักฐานเป็นภาพถ่ายยืนยันถูกงูเหลือมกิน
การสอบข้อเท็จวันนี้ การหายไปของเก้งเผือกตัวแรก ถูกตั้งข้อสังเกตว่า อาจมีการขโมยออกไปจากกรงจัดแสดง เพราะช่วงระดมค้นหาไม่พบเก้งเผือก ถัดมาอีก 2 เดือน กลับพบซากสัตว์ถูกทิ้งในกรง ตามขั้นตอนจะต้องส่งกระดูกสัตว์ตรวจดีเอ็นเอ เพื่อตรวจพิสูจน์ว่าเป็นเก้งเผือกที่หายไปหรือไม่ แต่ไม่ชัดเจนว่ากระบวนการนี้ ดำเนินการแล้วหรือไม่ รวมถึงขั้นตอนการแจ้งความกับพนักงานสอบสวน หลังจากเก้งหายไป ซึ่งเป็นอำนาจของผู้อำนวยการสวนสัตว์สงขลา
สำหรับเก้งเผือกพระราชทาน สวนสัตว์สงขลา มี 3 รุ่น ตัวแรก คือคุณเทียน ได้รับพระราชทานจากสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ซึ่งคุณเทียนเสียชีวิตก่อนหน้านี้แล้ว รุ่นที่ 2 คือคุณมูมู่ เป็นเพศผู้ และรุ่นที่ 3 คือคุณภูมิ และคุณภาค
ปัจจุบันสวนสัตว์สงขลา เหลือเก้งเผือกเพียง "คุณมูมู่" เพียงตัวเดียวส่วน "คุณภูมิ" หายไปจากส่วนจัดแสดงเมื่อเดือน ก.พ. และ "คุณภาค" หายไปเมื่อเดือน ก.ย. แต่มีหลักฐานชัดเจนว่าถูกงูเหลือมกิน
โดยการตรวจสอบครั้งนี้ มีการสั่งย้าย 4 เจ้าหน้าที่
- นายเฉลิมวุฒิ เกษตรสมบูรณ์ ผู้อำนวยการสวนสัตว์สงขลา ไปปฏิบัติงานในหน้าที่รักษาการผู้อำนวยการสวนสัตว์ดุสิต
- นายอาคม มณีกุล ผู้อำนวยการสวนสัตว์ดุสิต ไปปฏิบัติหน้าที่รักษาการผู้อำนวยการสวนสัตว์สงขลาแทน
- นายภูวดล สุวรรณะ หัวหน้าฝ่ายอนุรักษ์ วิจัยและสุขภาพสัตว์ สวนสัตว์สงขลา ไปปฏิบัติงานในหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญสวนสัตว์ สังกัดสำนักอนุรักษ์ และวิจัย
- นายอุทัย พูลยรัตน์ หัวหน้าโภชนาการสัตว์ รักษาการหัวหน้าฝ่ายบำรุงสัตว์ สวนสัตว์สงขลา ไปปฏิบัติงานในหน้าที่หัวหน้างานบำรุงสัตว์เลื้อนคลานฝ่ายบำรุงสัตว์ สวนสัตว์ดุสิต
สำหรับสวนสัตว์สงขลา พื้นที่รวม 878 ไร่ เปิดวันที่ 3 ต.ค. 2541 มีพนักงานรวม 310 คน ประกอบด้วย สัตวแพทย์ 3 คน พนักงานประจำ 95 คน และลูกจ้างอีก 212 คน
