จากกรณีหญิงสาวรายหนึ่งโพสต์คลิป ถูกป้าหัวร้อนกระชากหัวจากบันไดเลื่อนอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ กรุงเทพฯ เหตุไม่พอใจเรื่องวางกระเป๋าจองที่นั่งในรถตู้ เหตุที่เกิดขึ้นวันที่ 14 ก.ย. 63 เวลาประมาณ 06.30 - 07.30 น.
ล่าสุดวันที่ 15 ก.ย.63 น.ส.อัมพิกา หนองอุดม ผู้เสียหาย เล่าเหตุการณ์ว่า ตอนนี้ตนยังอยู่ในอาการตกใจ เพราะไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน เมื่อวานหลังเกิดเหตุ เวลา 11.00 น. ได้เดินทางไปเเจ้งความกับตำรวจ สน.พญาไท ยืนยันเอาเรื่องให้ถึงที่สุด
ขณะที่ตอนนี้มีอาการปวดคอ เพราะขณะที่ถูกดึง ตนพยายามเกร็งไม่ให้ล้ม จนคอเคล็ด โดยหลังจากนี้จะนำใบรับรองเเพทย์ไปให้ตำรวจ เพื่อเป็นหลักฐานในการดำเนินคดี
จากเหตการณ์ที่เกิดขึ้น ตนพยายามมีสติ พยายามระงับอารมณ์ ไม่ตอบโต้ เพราะตนทำงานราชการ และมีธุรกิจส่วนตัว จึงไม่อยากให้หน้าที่การงานต้องเสื่อมเสียเพราะเรื่องแย่งที่นั่งรถตู้ ส่วนผู้ก่อเหตุ ตนมองว่าพฤติกรรมดังกล่าวไม่เหมาะสม ถึงแม้จะทะเลาะกันอย่างไร ก็ไม่ควรทำร้ายร่างกายกันเเบบนี้
จากนั้น น.ส.อัมพิกา ผู้เสียหาย เดินทางมาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน สน.พญาไท พร้อมนำใบรับรองแพทย์มอบให้กับพนักงานสอบสวนด้วย หลังจากนั้น พนักงานสอบสวนได้พาผู้เสียหายเดินทางไปชี้จุดที่เกิดเหตุ บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เพื่อประกอบในสำนวนคดี
ส่วนความคืบหน้าทางคดี ตำรวจชุดสืบสวนอยู่ระหว่างลงพื้นที่ไล่กล้องวงจรปิด เพื่อติดตามหาตัวป้าหัวร้อน เบื้องต้นการกระทำดังกล่าว เข้าข่ายข้อหาทำร้ายร่างกาย ส่วนจะมีข้อหาอื่นเพิ่มเติมด้วยหรือไม่นั้น อยู่ระหว่างการสอบปากคำเพิ่มเติม
ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี โทรศัพท์สอบถาม นายหมอ คนขับรถตู้ วินฟิวเจอร์พาร์ครังสิต-อนุสาวรีย์ชัยฯ เล่าว่า ฝ่ายผู้เสียหายมาถึงรถตู้ก่อน และนำกระเป๋าวางไว้ที่แถวที่ 2 ของรถ เป็นเบาะเดี่ยวใกล้กับประตู จนกระทั่งหญิงผู้ก่อเหตุมาขึ้นรถคนสุดท้าย และเห็นว่ามีคนวางของไว้ที่เบาะและต้องการที่จะนั่งเบาะนั้น ตนจึงเข้ามาคุยและขอให้หญิงผู้เสียหายเข้าไปนั่งเบาะด้านใน เพราะเกรงใจผู้โดยสารคนอื่น ซึ่งผู้เสียหายก็ยอมแต่โดยดี
ส่วนขณะขับรถหญิงผู้ก่อเหตุก็ยังมีบ่นปนด่าลอย ๆ ในรถตู้ แต่ไม่มีการตอบโต้หรือโต้เถียงกัน ส่วนผู้เสียหายก็นั่งนิ่งไม่ได้ตอบโต้ จนกระทั่งลงรถที่อนุสาวรีย์ชัย ตนก็เห็นว่าทั้งคู่เดินแยกกันไป ไม่คิดว่าจะไปมีเรื่องตามคลิปที่ปรากฏ สำหรับหญิงผู้เสียหายได้บอกแต่แรกว่าที่ไม่นั่งเบาะหลังเพราะเวียนหัว ทั้งนี้ ตนมองว่าทั้งคู่ต่างคนมีเหตุผล ฝ่ายหญิงคนก่อเหตุก็มองว่ามาก่อนทำไมไม่นั่งหลัง ส่วนอีกฝ่ายก็มองว่าตนมาก่อนมีสิทธิ์จะเลือกที่นั่งได้