สาวเล่านาทีผัวดักฉุดต่อหน้าลูก วิ่งโร่ขอเด็กปั๊มช่วย แอบในตู้แคชเชียร์ ผวาถูกขู่ฆ่า - แม่ผู้ชายขอจ่ายเงินจบ (คลิป)

13 ก.ย. 63

กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ สภ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ได้รับแจ้งว่ามีเหตุทะเลาะวิวาทบนถนนสุคนธวิท ห่างจากปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งเพียงเล็กน้อย ต.ตลาดกระทุ่มแบน อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร แต่เมื่อมาถึงก็พบเพียงรถยนต์เก๋งสีขาว ทะเบียน 8 กผ 1109 กรุงเทพฯ จอดอยู่ในช่องทางขวาสุดของถนน

858118

ภายในรถยนต์มีเด็กชายวัย 7 ขวบนั่งอยู่ที่เบาะนั่งข้างคนขับด้านหน้า โดยกระจกฝั่งคนขับเปิดอยู่แต่รถดับสนิท ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจได้เข้าไปอุ้มเด็กออกมาจากรถ สอบถามเบื้องต้นทำให้ทราบว่ามีคนมาทำร้ายแม่ ทราบชื่อผ่านหลังคือ น.ส.นุสบา ศรีธวัช หรือ ใบเฟิร์น อายุ 24 ปี ชาวอ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร แล้วนำแม่ขึ้นรถยนต์หายไป

595913

ทั้งนี้ต่อมาไม่นาน บุคคลใกล้ชิดของแม่เด็กโทรศัพท์เข้ามาในเครื่องโทรศัพท์มือถือที่แม่เด็กวางทิ้งไว้ในรถ จึงได้เดินทางมารับตัวเด็กที่ สภ.กระทุ่มแบน และได้ให้ข้อมูลกับ พ.ต.ท.ทวีศักดิ์ เหล็กกล้า สารวัตรสอบสวน สภ.กระทุ่มแบน ว่าน.ส.นุสบา ถูกสามีอายุ 26 ปี ที่อยู่กินด้วยกันมา 3 ปี มีลูกสาวด้วยกัน 1 คน ขับรถยี่ห้อฮอนด้า รุ่น CR-V สีเงินไล่ตาม และพาตัวขึ้นรถหายไปต่อหน้าต่อตาเด็กชายวัย 7 ขวบ ซึ่งเป็นลูกติดของฝ่ายหญิง

โดยขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กระทุ่มแบน กำลังพูดคุยกับบุคคลใกล้ชิดของน.ส.นุสบา ฝ่ายหญิงก็ได้ใช้โทรศัพท์ของพนักงานปั๊มน้ำมันโทรเข้ามาหาบุคคลใกล้ชิด ขอความช่วยเหลือ โดยกำลังหลบซ่อนตัวอยู่ในห้องน้ำของปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งในพื้นที่จ.สมุทรสงคราม 

537250

พ.ต.ท.ทวีศักดิ์ เหล็กกล้า สารวัตรสอบสวนฯ จึงได้รีบประสานไปยังศูนย์ 191 จ.สมุทรสงคราม เพื่อเข้าให้การช่วยเหลือน.ส.นุสบาโดยด่วน ซึ่งในเวลาประมาณ 21.00 น. ก็ได้รับแจ้งว่า สามารถช่วยน.ส.นุสบาไว้ได้อย่างปลอดภัย

ล่าสุดวันที่ 13 ก.ย.63 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวีได้เดินทางไปหาบุคคลใกล้ชิดของน.ส.นุสบา ซึ่งก็คือนายจ้าง หรือเจ้าของร้านอาหารย่านสามพราน จ.นครปฐม ที่น.ส.นุสบา ทำงานเป็นพนักงานแคชเชียร์ให้ตั้งแต่วันที่ 23 ก.ค.63 ที่ผ่านมา โดยทีมข่าวยังคงพบกับรถยนต์สีขาว ที่นายจ้างของน.ส.นุสบา ลากมาจอดไว้ภายในร้าน

820001

น.ส.บุณญรัศมิ์ สันติภูมิ อายุ 25 ปี นายจ้างของน.ส.นุสบา บอกกับทีมข่าวว่า ฝ่ายหญิงเริ่มทำงานเป็นพนักงานแคชเชียร์ให้ตั้งแต่วันที่ 23 ก.ค.63 โดยที่ผ่านมาน.ส.นุสบา มักจะมาเล่าให้ฟังว่ามีปากและถูกสามีทำร้ายร่างกายอย่างรุนแรงอยู่เป็นประจำ โดยเฉพาะเวลามึนเมา

ในวันที่ 9 ก.ย.63 ที่ผ่ายมา น.ส.นุสบา พยายามที่จะเลิกกับนายสุรเสกข์ ด้วยการย้ายออกจากบ้านที่อยู่ด้วยกันที่จังหวัดนครปฐม พาลูกสาววัย 3 ขวบ ย้ายกลับไปอยู่ที่จังหวัดสมุทรสาครกับครอบครัว แต่ในวันที่ 10 ก.ย.63 นายสุรเสกข์เกิดความไม่พอ จึงบุกไปที่บ้านของฝ่ายหญิง แต่น.ส.นุสบา ไม่ยินยอมคืนดีด้วย นายสุรเสกข์จึงใช้ขวดสุราทุบกระจกหน้ารถยนต์สีขาว คันที่ถูกนายสุรเสกข์ดักหน้ารถที่สมุทรสาคร

cg-1_2

จากนั้นในวันที่ 11 ก.ย.63 น.ส.นุสบาก็ได้กลับมาทำงานที่ร้านของตนตามปกติ แล้วได้เล่าเหตุการณ์ให้คนในร้านฟัง จากนั้นวันที่ 12 ก.ย.63 เมื่อน.ส.นุสบา เดินทางมาถึงร้านในเวลา 09.00 น. พร้อมกับลูกชายวัย 7 ขวบ เพื่อเตรียมตัวปิดร้านในเวลา 10.00 น. นายสุรเสกข์ก็ได้บุกเข้ามายังร้านของตนในเวลาประมาณ 09.30 น. แล้วฉุดกระชากน.ส.นุสบาขึ้นรถยนต์ ต่อหน้าลูกชายวัย 7 ขวบของน.ส.นุสบา พากลับบ้าน ไปตัวเปล่า เหลือทิ้งไว้เพียงรองเท้าแตะข้างเดียวของน.ส.นุสบาไว้ภายในร้าย

771091

จากนั้น นายสุรเสกข์ก็ได้ใช้สายไฟมัดมือมัดเท้านางสาวนุสบา ทำร้ายร่างกายและกักขังนางสาวนุสบาไว้ในห้องนอน โดยในเวลาประมาณ 09.53 น. น.ส.นุสบาได้แอบหยิบโทรศัพท์มือถือเครื่องหนึ่ง ทักแชตมาหาพนักงานภายในร้าน เพื่อขอความช่วย บอกว่าถูกมัดแขนมัดขาและถูกขู่ว่าจะฆ่า

594250997863

เมื่อตนมาถึงร้านในเวลา 10.00 น. พนักงานและลูกชายของน.ส.นุสบา ก็ได้วิ่งเข้ามาเล่าเหตุการณ์ให้ตนฟัง ตนจึงได้โทรแจ้ง สภ.สามพราน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เดินทางเข้าไปช่วยเหลือ โดยนายสุรเสกข์ ได้บอกกับเจ้าหน้าที่ว่าสามีภรรยาทะเลาะกันเล็กน้อย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงถอยกลับออกมา

ทั้งนี้ตนคิดว่าเหตุการณ์นี้อุกอาจเกินไป ในฐานะลูกผู้หญิงด้วยกัน ตนยอมไม่ได้ นานสุรเสกข์หากไม่เมาก็มักจะซื้อของมาฝากน.ส.นุสบา ที่ร้านอยู่เป็นประจำ แต่หากวันไหนทะเลาะกัน นายสุรเสกข์ก็จะดื่มสุรา แล้วจะขับรถมาดักเฝ้าฝ่ายหญิงที่ร้านอยู่เป็นประจำ ตนสงสาร ตนยินดีเป็นพยานให้น.ส.นุสบา ขออย่าให้ใจอ่อนยกโทษให้นายสุรเสกข์ หากหนีไม่ทันน.ส.นุสบาอาจจะเสียชีวิตไปแล้ว

153456

น.ส.นุสบา เปิดเผยว่า ตนมีลูกชายกับสามีเก่า 1 คน ขณะนี้อายุ 7 ปี โดยเมื่อประมาณ 3 ปีก่อนตนตั้งครรภ์ แต่นายสุรเสกข์ไม่ยอมรับ จึงตรวจดีเอ็นเอ เมื่อทราบว่าเป็นลูกสาวของตัวเองจริง จึงรับตนไปดูแล โดยนายสุรเสกข์มีนิสัยชอบดื่มสุรา ทุกครั้งที่มึนเมา นายสุรเสกข์ก็จะต่อว่าตนปากดี แล้วลงมือทำร้ายร่างกายตนอยู่เป็นประจำ อีกทั้งยังขู่ฆ่าตนและครอบครัว แต่เมื่อสร่างเมานายสุรเสกข์ก็จะสำนึกผิด

โดยเมื่อวันที่ 10 ก.ย.63 ที่ผ่านมา นายสุรเสกข์ได้ออกไปดื่มสังสรรค์กับเพื่อน ตนได้ทะเลาะกับนายสุรเสกข์ว่า ทำไมออกไปดื่มสุรา ไม่ยอมกลับบ้านมาดูแลลูก ตนจึงขับรถไปหานายสุรเสกข์ที่ร้านแล้วถามว่า "กลับบ้านกี่โมง?" แล้วตนก็ได้ขับรถกลับบ้านที่จ.สมุทรสาคร แต่นายสุรเสกข์ก็ได้ขับตามมา โวยวายใส่ตนว่า ตนเอากุญแจบ้านไป เข้าบ้านไม่ได้ แล้วใช้ขวดสุราทุบกระจกหน้ารถตนจนเป็นรอยร้าว ญาติของตนจึงขู่ว่าจะแจ้งตำรวจ นายสุรเสกข์จึงเดินทางกลับ

804620

จากนั้นในวันที่ 11 ก.ย.63 นายสุรเสกข์ก็ได้เงียบหายไปทั้งวัน แต่ได้มีการคุยไลน์กันบ้าง จนวันที่ 12 ก.ย.63 นายสุรเสกข์ก็ได้มาหาตนที่ร้านอาหารที่ตนทำงานอยู่ บอกกับตนว่าจะให้เงิน 5,000 บาท เป็นค่าซ่อมกระจกรถยนต์ที่ร้าว แต่นายสุรเสกข์ก็พูดขึ้นว่า "มึงเป็นอะไรของมึง" แล้วฉุดตนขึ้นรถ CR-V ใช้สายไฟมัดแขนมัดขา พาขึ้นไปนอนบนเตียง เมื่อตนส่งเสียงร้อง นายสุรเสกข์ก็ได้ใช้ผ้าเช็ดหน้าอุดปากตน จากนั้นนายสุรเสกข์ ก็ไปนั่งเล่นเกมมือถือที่ปลายเตียงอย่างสบายใจ

cg-2_1

ทั้งนี้ตนได้ใช้จังหวะที่นายสุรเสกข์เผลอ แอบหยิบโทรศัพท์มือถือที่ซ่อนไว้ พิมพ์แชตหาเพื่อนพนักงานร้านอาหาร เพื่อขอความช่วยเหลือ เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึง ตำรวจบอกให้ตนไปแจ้งความที่โรงพักเอง เนื่องจากเป็นเหตุสามีภรรยาทะเลาะกัน อีกทั้งนายสุรเสกข์ ก็ได้บอกกับตำรวจว่า "ไม่มีอะไร แค่คุยกันเฉย ๆ"

จากนั้นเมื่อตนกลับไปทำงานที่ร้าน โดยในเวลา 13.40 น. นายสุรเสกข์ได้โอนเงินให้ตน 5,000 บาท ค่าซ่อมกระจกหน้ารถ ตนคิดว่าเรื่องทั้งหมดจะจบ จึงขับรถออกจากร้านในเวลา 17.00 น. ตนก็ถูกนายสุรเสกข์ขับรถตาม แล้วถูกขับรถปาดหน้าในเลนขวา จากนั้นนายสุรเสกข์ก็ใช้กุญแจสำรองไขรถตน ฉุดตนออกไป ซึ่งตลอดทางนายสุรเสกข์พูดออกมาตลอดว่า "อยากตาย ๆ" อีกทั้งยังดื่มสุรามาตลอดทาง

360666

เมื่อเดินทางมาถึงปั๊มน้ำมันใกล้เคียงจุดเกิดเหตุ นายสุรเสกข์ได้แวะเข้าปั๊ม จอดรถที่หน้าร้านสะดวกซื้อ เพื่อเข้าไปซื้ออะไรบางอย่าง โดยลืมปิดประตูรถ ตนจึงใช้จังหวะหนีออกมาและขอความช่วยเหลือจากพลเมืองดีรถคันข้าง ๆ โดยพนักงานปั๊มน้ำมันให้ที่หลบซ่อน และเรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาช่วยเหลือ ตนพยายามหนีนายสุรเสกข์หลายครั้ง แต่ตนเห็นแก่ลูกสาว จึงยอมคืนดีด้วยทุกครั้ง ตนไม่เคยกีดกันนายสุรเสกข์ในการเจอลูก เพียงแต่ตนอยากแยกกันอยู่ ไม่อยากถูกทำร้ายร่างกาย ตนขอดำเนินคดีกับนายสุรศักดิ์ให้ถึงที่สุด ไม่ต้องมาขอโทษ ไม่ต้องมาดูแล

461814

ทั้งนี้เจ้าของปั๊มน้ำมันดังกล่าว ยังได้อนุเคราะห์ทีมข่าว โดยมอบเป็นภาพจากกล้องวงจรปิด คลิปที่ 1 ความยาว 30 วินาที เผยให้เห็นผู้เสียหายลงมาจากรถได้ เนื่องจากนายสุรเสกข์ไม่ได้ล็อกรถ ผู้เสียหายลงมาขอความช่วยเหลือจากพลเมืองดี พลเมืองดีจูงผู้เสียหายมาหาพนักงานปั๊มน้ำมัน ซึ่งพนักงานได้ชี้ให้พลเมืองดีพาผู้เสียหายไปซ่อนในตู้แคชเชียร์

518315

คลิปที่ 2 กล้องภายในตู้แคชเชียร์ ความยาว 8 วินาที พลเมืองดีขอความช่วยเหลือ "เขาโดนอุ้มมา" คลิปที่ 3 กล้องภายในตู้แคชเชียร์ ความยาว 2.07 นาที เผยบทสนาทาของผู้เสียหายกับพนักงานปั๊มน้ำมันภายในตู้แคชเชียร์ "เขาเป็นแฟนเก่า เขามาตาม" และคลิปที่ 4 ความยาว 52 วินาที นายสุรเสกข์ ถอยรถหาผู้เสียหายที่หายตัวไป

745045

ทีมข่าวได้พูดคุยกับ นายนิรันดร์ สาตสำอางค์ อายุ 25 ปี พนักงานปั๊มน้ำมันที่ให้ความช่วยเหลือนางสาวนุสบา เล่าว่า ในช่วงค่ำวันเกิดเหตุ ขณะที่รถจำนวนมากกำลังขับเข้ามาเติมร้ำมันภายในปั๊ม ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งจูงผู้เสียหายมาหาตนที่กำลังเติมน้ำมันให้ลูกค้า บอกว่า "ช่วยหน่อย เขาถูกอุ้มมา หนีออกมาได้ เพราะอีกฝ่ายลืมล็อกประตูรถ" ตนจึงได้ชี้ให้ผู้เสียหายเข้าไปหลบอยู่ภายในตู้แคชเชียร์ แล้วแจ้งตำรวจ

โดยเมื่อผู้ก่อเหตุออกมาจากร้านสะดวกซื้อแล้วไม่เจอผู้เสียหาย ผู้ก่อเหตุก็ได้ขับรถ CR-V วนหาอยู่ภายในปั๊มหลายรอบ ก่อนจะขับออกไป แต่ไม่นานนักผู้ก่อเหตุก็วนรถกลับเข้ามาวนหาผู้เสียหายอีกครั้ง และถามหาผู้เสียหายกับร้านค้าบริเวณที่จอดรถ แต่ไม่พบตัว ตนสงสารผู้เสียหายเป็นอย่างมากที่ต้องนั่งแอบอยู่ภายในตู้แคชเชียร์ พยายามทำตัวให้เล็กที่สุด ไม่ให้ใครเห็น ตามร่างกายมีคราบเลือด มีแผลถลอกตามร่างกาย มีรอยถูกมัดตามแขนขา มีรอยช้ำทั่วทั้งตัว ขณะรอเจ้าหน้าที่ตำรวจ ผู้เสียหายก็เล่าให้ตนฟังว่า "ถูกทำร้ายร่างกายมานานแล้ว ไม่อยากทนแล้ว"

338224

ทั้งนี้ ผู้เสียหายมีอาการหวาดผวาเป็นอย่างมาก กลัวแม้กระทั่งตำรวจนอกเครื่องแบบ จนเจ้าหน้าที่ต้องโชว์บัตรประจำตัวให้ดู ตนคิดว่าผู้เสียหายนั้นโชคดีที่รอดมาได้ เพราะหากไม่มาขอความช่วยเหลือ อาจจะถูกฆ่าไปแล้ว ตนขอให้ตำรวจจัดการดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุให้ถึงที่สุด "เขาเป็นภรรยาคุณ เขาเป็นอดีตภรรยาคุณ ทำไมคุณทำแบบนี้"

ขณะเดียวกัน ทีมข่าวทราบมาว่า แม่ของนายสุรเสกข์ ผู้ก่อเหตุ อาศัยอยู่ไม่ไกลกับบ้านของนายสุรเสกข์มากนัก ห่างกันเพียง 2 กิโลเมตรเท่านั้น ทีมข่าวจึงเดินทางไปสอบถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อทีมข่าวเดินทางไปถึง พบว่าบ้านของครอบครัวนายสุรเสกข์เปิดเป็นฟาร์มเลี้ยงหมูขนาดใหญ่ ทีมข่าวส่งเสียงเรียกอยู่นานจนแม่ของนายสุรเสกข์ได้เดินมาเปิดประตูรั้ว

452105

ทีมข่าวได้พูดคุยกับแม่ของนายสุรเสกข์ บอกว่า ตนยอมรับว่าลูกชายและลูกสะใภ้มักจะทะเลาะกันเป็นประจำ แต่ตนไม่ค่อยรับรู้อะไรมาก เนื่องจากทั้งคู่แยกไปอยู่บ้านของตัวเอง อีกทั้งลูกชายตนยังชอบปกปิดปัญหา ไม่ยอมเล่าให้ตนฟัง ตนทราบมาว่าทั้งคู่เคยพูดคุยถึงการเลิกกันอยู่หลายครั้ง แต่ตกลงไม่ได้ว่าใครจะดูแลลูกสาววัย 3 ขวบ โดยลูกชายของตนขอดูแลลูกสาวเอง แต่น.ส.นุสบานั้นไม่ยอม ซึ่งตนก็เคยเตือนทั้งคู่ไปว่า "จะทำอะไรก็ขอให้นึกถึงลูก" ซึ่งตนขอยืนยันว่าลูกชายตนรักลูกสาวมาก

404457

ทั้งนี้ตนได้พูดคุยกับลูกชายครั้งสุดท้ายผ่านทางโทรศัพท์เมื่อวันที่ 12 ก.ย.63 เวลาประมาณ 20.00 น. ตนได้โทรศัพท์ไปหาลูกชาย เนื่องจากตนทราบข่าวว่าลูกชายได้ก่อเหตุ ตนพยายามพูดกล่อมลูกชาย แต่ลูกชายตอบเพียงว่า "อยากตาย ๆ ไม่อยากอยู่แล้ว" จากนั้นก็ติดต่อกันไม่ได้อีกเลย

ตนคิดว่าเหตุการณ์ทั้งหมดเกิดจากการที่น.ส.นุสบา คิดจะแยกทางกับนายสุรเสกข์ และไม่ยอมให้นายสุรเสกข์เลี้ยงลูก เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ตนรู้สึกเป็นห่วงทั้งลูกชายและลูกสะใภ้ โดยเมื่อคืนนี้หลังจากที่ลูกสะใภ้เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาล ได้โทรศัพท์มาหาพี่ชายของนายสุรเสกข์ว่าค่ารักษาอยู่ที่ประมาณ 17,000 บาท ซึ่งฝ่ายตนก็ยินดีให้ความช่วยเหลือ

จากนี้ ตนคิดว่าลูกชายและลูกสะใภ้ คงจะไม่สามารถกลับมาคืนดีกันได้อีก หากลูกชายตนติดต่อมา ตนจะเป็นคนกลางในการเจรจาการเลิกกัน และตกลงการเลี้ยงดูบุตร หากฝ่ายหญิงจะแจ้งความ ตนก็ขอให้เป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย ยินดีที่จะให้นายสุรเสกข์รับผิดในสิ่งที่ทำ

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส