สึกแล้ว! พระนักรักแชตจีบอ.สาว อ้างไม่แตะตัวไม่ผิด สำนึกรุดไหว้เหยื่อพร้อมสู้คดี (คลิป)

กรณีครูสาวท่านหนึ่ง แจ้งความร้องทุกข์ที่ สภ.เกาะคา จ.ลำปาง ต่อพระอำพล พระนิสิตจาก มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาลัยสงฆ์นครลำปาง ว่ามีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ส่งข้อความและคลิปผ่านทางไลน์ในลักษณะจีบ จนเป็นเหตุให้มีการแจ้งความดำเนินคดีไปแล้วหลายข้อหา เช่น หมิ่นประมาท นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่มีลักษณะอันลามก และกำลังพิจารณาดำเนินคดีเพิ่มเติมอีกนั้น

โดยแชตที่ผู้เสียหาย นำมาให้ทีมข่าวดู เผยให้เห็นบทสนทนาเชิงลามก ที่พระอำพลทักไปหาครูสาวรายนี้ ซึ่งฝ่ายหญิงก็ตอบโต้ด้วยการด่ากลับไป เพราะมองว่าเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม

บางส่วนของข้อความที่พระอำพล ทักแชตมาหาครูสาว ยังอ้างว่าถ้าคบกันแล้วไปได้ราบรื่น ก็จะยอมลาสิกขาออกมาใช้ชีวิตอยู่กินกับฝ่ายหญิง พร้อมกับแสดงความจริงใจและมอบความรักให้กับฝ่ายหญิง 

นอกจากนี้ครูสาว ยังได้ตอบโต้ไปด้วยการสั่งสอนว่า เป็นพระควรทำตัวให้เหมาะสมมากกว่านี้ และต้องให้เกียรติตัวเองและให้เกียรติคนอื่น โดยเฉพาะเพศแม่ 

ล่าสุดวันที่ 2 ก.ย.63 พระอำพล บอกว่า จากการที่พระผู้ใหญ่ได้มาแจ้งให้กลับไป จ.ลำปาง ตนจะเดินทางไปตามที่ได้รับแจ้ง และจะไปพบกับคณะสงฆ์ที่ จ.ลำปาง จะอธิบายเรื่องราวให้ท่านเข้าใจ และขอความเมตตาทางเจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะอำเภอ และคณะสงฆ์ อย่างเพิ่งรีบด่วนตัดสินใจให้ตนต้องลาสิกขา เพราะตนอยากจะเรียกร้องความยุติธรรม อยากจะชี้แจงข้อเท็จจริงต่าง ๆ มากกว่าการถูกใส่ความข้างเดียว ส่วนเรื่องคิ้วได้ขออนุญาตจาพระผู้ใหญ่แล้ว 

ทั้งนี้อยากให้คู่กรณีเอาความจริงมาสู้กัน เพราะเท่าที่ติดตามข่าว นำเสนอเกินกว่าความจริงไปมาก จึงอยากให้คณะสงฆ์ได้รับข้อมูลของทั้ง 2 ฝ่าย แต่ตนก็กราบขอโทษคณะสงฆ์ที่ทำให้เกิดความเสื่อมเสีย โดยเฉพาะการแชตไลน์ที่ไม่เหมาะสม แต่การกระทำดังกล่าวไม่น่าจะต้องถึงขั้นต้องให้ลาสิกขาทันที

ส่วนการดำเนินของคู่กรณีนั้น พระอำพล ระบุว่า อยากให้เปิดเผยข้อเท็จจริง ตนอยากจะกู้ศักดิ์ศรีของตนและความเป็นพระคืนมาด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะคลิปต่าง ๆ ที่เป็นคลิปเก่าและไม่เกี่ยวข้องกับตน กระนั้นก็ไม่อยากให้มีเรื่องลุกลามไปกว่านี้ จึงอยากให้สังคมเข้าใจด้วย

สำหรับพระอำพล เป็นชาว จ.เชียงราย บวชมาแล้ว 14 พรรษา โดยบวชที่ จ.ลำปาง และเข้าเรียนที่ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาลัยสงฆ์นครลำปาง แต่เนื่องจากเป็นชาวเชียงราย จึงได้กลับไปจำวัดอยู่ที่พุทธสถานดังกล่าว

โดย พ.ต.อ.กฤษฎา พงษ์สุวรรณ ผกก.สภ.เกาะคา อ.เกาะคา จ.ลำปาง เปิดเผยว่า ผู้เสียหายมาแจ้งความ รวมแล้ว 2 ครั้ง ครั้งแรกตำรวจได้ส่งสำนวนให้อัยการฟ้องแล้วรวม 5 ข้อหา

ในเวลา 17.30 น. ที่วัดพระแก้วดอนเต้าสุชาดาราม พระจินดารัตนาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดลำปาง เจ้าอาวาสวัดพระแก้วดอนเต้าสุชาดาราม พระอารามหลวง จังหวัดลำปาง ได้เรียกพระรูปดังกล่าวมาตักเตือนและสอบสวนเบื้องต้นก่อนที่จะขอให้พระรูปดังกล่าวลาสิกขา ซึ่งพระรูปดังกล่าวก็ยอมสึกแต่โดยดี

หลังจากที่ทำการสึกแล้ว นายอำพล เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตนสำนึกผิดแล้วในสิ่งที่กระทำลงไป และกราบขอโทษที่ทำให้พุทธศาสนาเสียหาย หลังจากนี้ก็จะรับกรรมในสิ่งที่ทำลงไป และจะไปสู้ตามกระบวนการของกฎหมาย ส่วนในอนาคตจะบวชอีกหรือไม่นั้น ยังตอบไม่ได้ ตอนนี้ขอไปสู้ด้านของคดีก่อน

อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นก็ได้ไปกราบของขมากับ น.ส.เอ (นามสมมติ) ซึ่งเป็นอาจารย์ผู้ที่เสียหาย โดยอาจารย์รายดังกล่าวได้อโหสิกรรมให้ แต่ในด้านของคดีก็ต้องปล่อยให้เป็นเรื่องของกฎหมายต่อไป