จากกรณีคุณพ่อรายหนึ่ง โพสต์ขอความเป็นธรรมผ่านเฟซบุ๊ก เป็นภาพงานศพของลูกสาว โดยระบุว่าลูกสาว อายุ 11 ปี เสียชีวิต เนื่องจากไปโรงเรียนเเล้วมีไข้ ทางโรงเรียนได้นำหมอมาฉีดวัคซีนมะเร็งปากมดลูก โดยที่ไม่ตรวจวัดไข้ก่อนฉีดวัคซีน ลูกเกิดอาการแน่นหน้าอก อาเจียน แล้วก็เสียชีวิตในเวลาต่อมา ซึ่งลูกไม่มีโรคประจำตัว แข็งแรงปกติ ตอนนี้ทำใจไม่ได้ เพราะอีกไม่กี่วันจะถึงวันเกิดลูก
ล่าสุดวันที่ 31 ส.ค.63 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ได้เดินทางไปที่ วัดโพธิ์ทองหนองจิก ตำบลกระทุ่ม อำเภอมหาราช จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นสถานที่จัดพิธีศพของผู้เสียชีวิต คือ เด็กหญิงอริสรา สุขขะ หรือน้องครีม อายุ 11 ปี บรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า
ทีมข่าวได้พูดคุยกับผู้โพสต์ ซึ่งเป็นคุณพ่อ คือ นายสุรพจน์ สุขขะ เล่าว่า ลูกสาวเรียนอยู่ชั้น ป.6 เมื่อวันที่ 28 ส.ค.63 ที่ผ่านมา ตอนเช้ายังไปโรงเรียนตามปกติ จนกระทั่งเวลา 12.00 น. ครูให้นักเรียนนอนกลางวัน เมื่อตื่นขึ้นเพื่อนร่วมชั้นได้โดนตัว พบว่าลูกสาวตัวร้อน จากนั้นเวลา 14.00 น. มีเจ้าหน้าที่จากสาธารณสุขตำบล มาฉีดวัคซีนมะเร็งปากมดลูกโดยที่ไม่มีการวัดไข้
จากนั้นเวลา 15.30 น. ลูกสาวเลิกเรียนกลับมาที่บ้าน เกิดอาการแน่นหน้าอก อาเจียน วิงเวียนศีรษะ อยากนอนอย่างเดียว จึงให้ลูกนอนพักผ่อน
จนรุ่งเช้าวันที่ 29 ส.ค.63 เวลา 07.00 น. ลูกสาวก็ไปโรงเรียน เเต่เวลา 08.00 น. ครูประจำชั้นมาส่งที่บ้าน เพราะเห็นว่าอาการไม่ดี หน้าซีด ปากซีด จากนั้นเวลา 12.00 น. ภรรยาจึงพาลูกสาวไปโรงพยาบาล ซึ่งเเพทย์ก็ตรวจวัดไข้ พบว่าไข้สูง 39 องศาเซลเซียส จึงเจาะเลือดหาไข้เลือดออก เเต่ไม่พบ
จากนั้นเวลา 14.00 น. ทางโรงพยาบาลก็ให้กลับบ้าน ตนก็เเปลกใจว่าทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเด็กมีอาการผิดปกติหลังฉีดวัคซีน เเต่เหตุใดจึงไม่ให้นอนเพื่อดูอาการ เเต่ให้กลับบ้าน ให้ยาเเก้ไข้ เเละยาเเก้อาเจียนมาทาน
เมื่อกลับมาถึงบ้าน ลูกสาวมีอาการวิงเวียนศีรษะ เเน่นหน้าอก เเละเริ่มเป็นหนักเวลา 00.00 น. เริ่มอาเจียน จนกระทั่งเวลา 02.00 น. อาการหนักขึ้น ถึงขั้นวูบในห้องน้ำ จึงรีบพาลูกไปที่โรงพยาบาล ซึ่งตอนนั้นยังมีชีพจรอยู่ เเต่เมื่อไปถึงโรงพยาบาล ชีพจรเต้นช้าลงมาก เเพทย์จึงทำการปั๊มหัวใจ เเต่ไม่เป็นผลสุดท้ายลูกสาวก็เสียชีวิตในเวลา 03.00 น.
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนรับไม่ได้ เหตุใดทางโรงเรียนไม่มีการวัดไข้ก่อนการฉีดวัคซีน ซ้ำร้ายทางโรงเรียนยังไม่รับผิดชอบใด ๆ เลย ซึ่งวัคซีนดังกล่าว ลูกเคยฉีดเมื่อตอน ป.5 เเต่ไม่มีอาการผิดปกติ เเต่ครั้งนี้เชื่อว่าเป็นเพราะลูกมีไข้จึงทำให้เสียชีวิต ซึ่งตนมีลูกสาวคนเดียว ตนรักลูกสาวมาก ดังนั้นจึงตั้งใจว่าจะไม่เผาศพลูกจนกว่าจะได้รับความเป็นธรรม
คุณพ่อ ยังกล่าวอีกว่า หลังจากลูกเสียชีวิต ได้ส่งศพไปชันสูตรที่ โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติศูนย์รังสิต ซึ่งต้องรอผล 20 วัน จึงจะทราบสาเหตุการเสียชีวิตที่เเน่ชัด
ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ได้พูดคุยกับเเม่ของผู้เสียชีวิต คือ นางรุ่งทิพย์ ทองพูน ยังอยู่ในอาการเสียใจ กล่าวถึงความผูกพันระหว่างเเม่ลูก ว่าที่ผ่านมาผูกพันกันมาก เพราะลูกจะอยู่กับตนเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นเวลาลูกไม่สบาย ตนจะเป็นผู้พาไปหาหมอ เเม้เเต่วันที่ลูกเสียชีวิต ตนก็เป็นผู้พาไป ซึ่งตลอดทั้งวันลูกพูดเพียงว่า "เเน่นหน้าอก เหนื่อย" ซึ่งตนก็ไม่คาดคิดว่าจะเป็นเสียงสุดท้ายที่จะได้ยินจากลูก
ลูกเป็นเด็กน่ารัก เป็นคนเข้มเเข็ง ไม่เคยงอเเง ตนยังจดจำภาพทุกอย่างของลูกได้ดี การเสียชีวิตของลูกเร็วเกินไป ตนรับไม่ได้ อยากให้โรงเรียนรับผิดชอบบ้าง ตนไม่ได้ต้องการเงิน เเต่ต้องการเพียงความเป็นธรรม
ทั้งนี้รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษา พระนครศรีอยุธยา เขต 1 ได้เดินทางมาร่วมประชุมกับคณะผู้บริหาร เเละคณะครู โรงเรียนวัดบางสงบ อำเภอมหาราช จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อติดตามข้อเท็จจริง กรณีการเสียชีวิตของน้องครีม เด็กนักเรียนวัย 11 ปี
หลังจากเสร็จสิ้นการประชุม นางจินตนา จุงใจ ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดบางสงบ ได้ชี้เเจงต่อสื่อมวลชน ว่าการที่นักเรียน ฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก เป็นไปตามแผนเฝ้าระวังมะเร็งปากมดลูกของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบางนา โดยนัดฉีดครั้งที่ 1 ในวันที่ 21 ก.พ.63 ครั้งที่ 2 วันที่ 28 ส.ค.63 โดยทั้ง 2 ครั้งได้รับอนุญาตจากผู้ปกครองมาก่อนแล้ว ซึ่งการฉีดวัคซีนครั้งที่ 1 ในวันที่ 21 ก.พ.63 นั้น ผ่านไปด้วยดี นักเรียนไม่มีอาการผิดปกติแต่อย่างใด
ส่วนในการฉีดครั้งที่ 2 คุณหมอได้นัดมาเพื่อฉีดวัคซีนตามรอบใบนัด ครูจึงได้นัดนักเรียนมาโรงเรียนในช่วงเช้า ซึ่งนักเรียนมีอาการร่าเริงตามปกติ ไม่มีอาการไข้แต่อย่างใด จนกระทั่งช่วงบ่าย คุณหมอเข้ามาฉีดยา ซึ่งระหว่างที่รอคุณหมอ เด็กนักเรียนก็นั่งหลับในห้องเรียน เเต่ไม่ใช่การหลับเพราะป่วย เเละทางโรงเรียนก็ไม่ทราบมาก่อนว่าเด็กป่วย ซึ่งหลังจากนั้นช่วงเย็นก็ปล่อยกลับบ้าน ขอเน้นย้ำว่าทางโรงเรียนไม่ได้มีหน้าที่ในการฉีดวัคซีน เเต่ทำหน้าที่อำนวยความสะดวกให้กับคุณหมอเท่านั้น
ส่วนในเรื่องการวัดไข้ ทางโรงเรียนมีมาตรการป้องโควิดในสถานศึกษา ในการตรวจวัดไข้เด็กนักเรียนตอนเช้าเป็นประจำทุกวันอยู่เเล้ว เเต่ก็ยอมรับว่าอาจจะเกิดข้อบกพร่อง เนื่องจากโรงเรียนมีทางเข้าหลายทาง อาจตรวจวัดไม่ทั่วถึง
อย่างไรก็ตาม ได้เเจ้งกับผู้ปกครองเเล้วว่า หากเด็กมีความผิดปกติให้รีบโทรเเจ้งทันที เเต่ผู้ปกครองของน้องครีมไม่ได้เเจ้งโรงเรียน อีกทั้งตอนเช้าวันรุ่งขึ้นผู้ปกครองยังมาส่งที่โรงเรียนตามปกติ ซึ่งเมื่อมาถึงที่โรงเรียน เด็กมีการอาเจียน หน้าซีด ปากซีด เเละมีอาการเเน่นหน้าอก ทางโรงเรียนจึงนำตัวไปส่งที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบางนา ก่อนจะไปส่งเด็กที่บ้าน เเล้วเเจ้งผู้ปกครองในเรื่องอาการที่เด็กเป็น
เมื่อถามย้ำอีกว่า ก่อนฉีดวัคซีน ได้มีการวัดไข้เด็กหรือไม่ ทางโรงเรียนตอบไม่ได้ เพราะเป็นหน้าที่ของเเพทย์ที่ทำการฉีดวัคซีน อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้โรงเรียนจะหาเเนวทางช่วยเหลือครอบครัวตามความเหมาะสมต่อไป เเต่ทั้งนี้จะต้องรอผลการชันสูตรศพอย่างละเอียดอีกครั้ง
ในเวลา 17.00 น. คณะผู้บริหารสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษา พระนครศรีอยุธยา เขต 1 พร้อมด้วย คณะผู้บริหาร เเละคณะครู โรงเรียนวัดบางสงบ ได้เดินทางไปที่ วัดโพธิ์ทองหนองจิก ตำบลกระทุ่ม อำเภอมหาราช จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อเคารพศพน้องครีม อายุ 11 ปี ที่เสียชีวิต บรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า
พร้อมกันนี้คณะครูยังได้พูดคุยให้กำลังใจคุณย่าของน้องครีม ซึ่งทางคุณย่าก็บอกกับคณะครู ว่าตอนนี้ทั้งคุณพ่อเเละคุณเเม่ของน้องครีม เริ่มมีสติมากขึ้น อารมณ์เย็นขึ้นเเล้ว ไม่ได้โทษโรงเรียน หรือครู ว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้น้องครีมเสียชีวิต เพราะยังเชื่อว่าครูยังดูเเลลูกเป็นอย่างดี ส่วนก่อนหน้านี้ที่พ่อเเม่ออกมาต่อว่าโรงเรียนนั้น เนื่องจากอยู่ในอารมณ์ของความเสียใจ อยู่ในอารมณ์สูญเสีย เพราะอยากทราบว่าลูกเสียชีวิตด้วยสาเหตุใด ซึ่งส่วนตัวคุณย่าเอง ก็ยังไม่ทราบสาเหตุการเสียชีวิตที่เเท้จริงของหลาน ดังนั้นตอนนี้ทุกคนกำลังรอผลการชันสูตรศพอย่างละเอียด คาดว่าผลจะออกภายใน 20 วัน
ขณะที่อดีตคุณครูประจำชั้นของน้องครีม กล่าวกับคุณย่าว่า ตนรู้สึกใจหาย เเละตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่คิดว่าน้องครีมจะจากไปเร็วขนาดนี้ เพราะปกติน้องครีมเป็นคนร่าเริง ดูเเข็งเเรง ไม่มีโรคประจำตัว
จากนั้นทีมข่าว ได้เดินทางไปที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบางนา เพื่อจะสอบถามข้อเท็จจริง พบว่ามีเจ้าหน้าที่จากกรมควบคุมโรค มาร่วมประชุมกับบุคลากรภายในโรงพยาบาล เพื่อหาข้อเท็จจริงจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เเต่เจ้าหน้าที่ปฏิเสธการให้สัมภาษณ์ ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามว่า มีการวัดไข้เด็กก่อนการฉีดวัคซีนหรือไม่ เจ้าหน้าที่ระบุว่า ยังตอบไม่ได้ เนื่องจากยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อมูล เเต่หากพบว่าเป็นข้อบกพร่องของเจ้าหน้าที่ ก็จะมีการดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ได้พูดคุยกับเพื่อนสนิทของน้องครีม โดยน้องเอ (นามสมมุติ) อายุ 12 ปี ชั้นป.6 เป็น 1 ใน 5 เด็กนักเรียนหญิง ที่เข้ารับการฉีดวัคซีนพร้อมกับน้องครีม เล่าว่า ในวันที่ 28 ส.ค.63 เวลา 12.00 น. นักเรียนหญิงชั้น ป.6 ทั้ง 5 คน รวมถึงน้องครีม ได้นอนรอคุณหมออยู่ในห้องเรียนชั้น 2 นอนที่พื้น โดยการใช้กระเป๋าหนุนศีรษะ ซึ่งน้องเอบังเอิญไปจับที่หน้าผากของน้องครีม พบว่าตัวร้อนเป็นอย่างมาก แต่ตอนนั้นยังไม่ทราบว่าน้องครีมไม่สบาย คิดว่าน้องครีมตัวร้อนเพราะอากาศร้อน
หลังจากนั้นในเวลา 14.00 น. ก็เริ่มมีการฉีดวัคซีน โดยน้องเอฉีดคนที่ 2 ส่วนน้องครีมฉีดคนที่ 3 ซึ่งหมอที่เดินทางมามี 3 คน เเต่คนที่ฉีดมีเพียงคนเดียว สถานที่ฉีดคือหน้าห้อง "ไม่ได้มีการวัดไข้"
จากนั้น เวลา 15.30 น. เป็นเวลาเลิกเรียน เด็กทุกคนก็เดินทางกลับบ้าน จนกระทั่งรุ่งเช้าวันที่ 29 ส.ค.63 เจอน้องครีมที่โรงเรียน ซึ่งน้องครีมมีอาการอาเจียน หน้าซีด ปากซีด น้องเอก็ได้ถามเพื่อนว่า เป็นอะไร น้องครีมก็ตอบว่าเเน่นหน้าอก จึงรีบไปเเจ้งคุณครู ซึ่งหลังจากที่ทราบว่าน้องครีมเสียชีวิตก็ตกใจมาก เพราะที่ผ่านมาสนิทกัน เล่นด้วยกันตลอด
จากข้อมูลของ รพ.กรุงเทพ มะเร็งปากมดลูกเป็นโรคที่พบมากในหญิงไทยเป็นอันดับที่ 2 รองจากมะเร็งเต้านม วัคซีน HPV หรือวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก คือ วัคซีนป้องกันการติดเชื้อไวรัส HPV (Human Papilloma Virus) อันเป็นสาเหตุสำคัญในการเกิดมะเร็งปากมดลูก เนื่องจากการติดเชื้อไวรัส HPV ทำให้เซลล์ปากมดลูกอักเสบเรื้อรังและเปลี่ยนแปลงเป็นเซลล์มะเร็งได้
ฉีดวัคซีน HPV แบบไหนดีที่สุด ประสิทธิภาพวัคซีนสูง หากฉีดในวัยที่ยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์มาก่อน หรือฉีดในวัยที่ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันได้ดี จากงานวิจัยพบว่า ร่างกายของเด็กผู้หญิงสร้างภูมิคุ้มกันต่อไวรัสนี้ได้ดีในช่วง 9-15 ปี ซึ่งสามารถฉีดวัคซีนเพียง 2 ครั้ง แต่ได้ประสิทธิภาพเทียบเท่าการฉีด 3 ครั้ง
ผู้หญิงอายุ 9-26 ปี ควรฉีดวัคซีน HPV โดยเน้นให้ฉีดช่วงอายุ 11-12 ปี เด็กผู้ชายอายุ 9-26 ปี สามารถฉีดวัคซีน HPV ชนิด 4 สายพันธุ์เพื่อป้องกันโรคหูดหงอนไก่และมะเร็งทวารหนัก เน้นให้ฉีดช่วงอายุ 11-12 ปี
ข้อดีของวัคซีน HPV ผลข้างเคียงน้อยมาก อาจมีอาการปวดบวม คัน ไข้ ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน แต่หายได้เอง สามารถฉีดร่วมกับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก ป้องกันไวรัส HPV ได้ทั้งเพศหญิงและเพศชาย ส่วนผู้ที่ห้ามฉีดวัคซีน HPV ผู้ที่ภาวะภูมิไวเกิน (Hypersensitivity) ต่อสารประกอบในวัคซีน
