คุมตัวผัว-เมีย ทำแผน ฝ่ายชายสารภาพ ฆ่าเผานั่งยางชายอิตาลี ปมรักสามเส้า (คลิป)

จากกรณีพบศพของนายจูเซปเป เดอ สเตฟานี ชาวอิตาลีวัย 61 ปี ถูกฆ่าเผานั่งยางที่บริเวณป่าข้างอ่างเก็บน้ำบึงทับจั่น หมู่ที่ 3 ต.แหลมรัง อ.บึงนาราง จ.พิจิตร ใกล้กับองค์การบริหารส่วนตำบลแหลมรัง เมื่อวันที่ 19 ม.ค.ที่ผ่านมา ล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจจับคนร้าย คือนางสาวรุธจิรา เอี่ยมละม้าย อายุ 38 ปี และนายอาโมรี ริโก สามีใหม่ชาวฝรั่งเศส อายุ 34 ปี ได้เมื่อวาน (29 ม.ค.) ที่ผ่านมา

วันนี่ (30 ม.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ไปชี้จุดเกิดเหตุ จากคำให้การคำสารภาพของผู้ต้องหา เล่าว่า เมื่อเวลา 21.00 ของวันที่ 18 ม.ค.ที่ผ่านมา นางสาวรุธจิรา พร้อมด้วยอาโมรี ได้ขับรถไปพร้อมกับจูเซปเป  ผู้ตาย เพื่อตกลงปัญหากัน โดยทั้งหมดได้นั่งรถไปด้วยกันจนมาถึงถนนริมคลอง ซึ่งห่างจากจุดเผานั่งยางประมาณ 10 กม. นายอาโมรี กับ นายจูเซปเป ผู้ตายได้ลงจากรถเพื่อไปพูดคุยกัน จากนั้นได้มีการโต้เถียงกัน ซึ่งนายอาโมรี ได้ชกต่อยนายจูเซปเป ผู้ตายจนล้มลง

จากนั้น นายอาโมรี  ได้นำมีดออกมาจากท้ายรถ แล้วใช้สันมีดฟันไปที่ศีรษะ 1 ครั้ง ก่อนถูกนายจูเซปเป ผู้ตายด่าทออีกครั้ง จนทำให้เกิดความโกรธ จึงได้ใช้มีดฟันบริเวณลำคอจนเสียชีวิต จากนั้นนางสาวรุธจิรา ผู้ต้องหาอีกราย ได้

ช่วยกันนำศพใส่รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นยาริส สีขาว ขับไปซื้อน้ำมันจากตู้หยอดเหรียญในหมู่บ้าน มาทำการราดเผาศพนายจูเซปเป พร้อมกับกระเป๋าเสื้อผ้าที่บริเวณป่าข้างบึงทับจั่น ใน ต.แหลมรัง

จากนั้นได้เข้าไปพักท่ี่รีสอร์ทแห่งหนึ่ง ในเขต ต.ทุ่งใหญ่ อ.โพธิ์ประทับช้าง จ.พิจิตร ก่อนช่วงเช้ามืดจะนำยางรถยนต์กับถังน้ำมัน เพื่อเตรียมกลับไปเผาร่างส่วนที่เหลือ แต่มีผู้มาพบเห็นเสียก่อน และในช่วงเช้านางรุธจิราและนายนายอาโมรี ได้ช่วยกันล้างคราบเลือดของนายจูเซปเป ที่ติดในรถยนต์ ก่อนที่ทั้งคู่จะหลบหนีไป จนมาถูกตำรวจจับได้ในที่สุด

พ.ต.อ.ชัยเสถียร มณีจักร ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรบึงนาราง เปิดเผยว่า ในเบื้องต้นทางผู้ต้องหาทั้ง 2 คนได้รับสารภาพว่า มีผู้ก่อเหตุจำนวน 2 คน ปมสังหารครั้งนี้มาจากเรื่องเรื่องชู้สาว เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เก็บหลักฐานพร้อมผลพิสูจน์ เพื่อดำเนินคดีกับผู้ต้องหา ในข้อหา ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และปิดบังซ่อนเร้น เคลื่อนย้ายหรือทำลายศพหรือส่วนของศพ เพื่อปิดบังการตายหรือเหตุแห่งการตาย ก่อนนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 รายไปฝากขังที่ศาลจังหวัดพิจิตรต่อไป