จากกรณีเหตุยิงกันตาย 4 ศพในบริเวณโครงการพระราชดำริ บ้านเล็กในป่าใหญ่ ที่เป็นโครงการปลูกกาแฟแบบครบวงจร ที่บ้านหนองห้า ต.ร่มเย็น อ.เชียงคำ จ.พะเยา โดยพบผู้เสียชีวิตจำนวน 3 ราย เป็นพ่อแม่ลูกกัน นอนตายบนพื้นบ้าน ได้แก่ นายพงศ์เทพ เรี่ยวสกุลชาติ อายุ 37 ปี นางสุภาพร แซ่จ่าว อายุ 34 ปี และ ด.ญ.กัลยาพร เรี่ยวสกุลชาติ อายุ 5 ปี
อ่านข่าวเพิ่มเติม
พ่อเลี้ยงคลั่งหวั่นโดนฮุบร้านกาแฟ บุกยิงยกครัว 3 ศพ ก่อนเป่าขมับหนีผิด
ส่วนมือปืน คือนายยุทธนา เรี่ยวสกุลชาติ อายุ 51 ปี เป็นพ่อเลี้ยงของนายพงศ์เทพ ซึ่งหลังก่อเหตุนายยุทธนา ตัดสินใจใช้อาวุธปืนยิงตัวเองเสียชีวิต ใกล้บริเวณลานจอดเฮลิคอปเตอร์ในโครงการฯ ห่างจากบ้านที่เกิดเหตุไปประมาณ 300 เมตรเมื่อกลางดึกคืนวันที่ 25 ส.ค.63 ที่ผ่านมา
ล่าสุดวันที่ 27 ส.ค.63 กลุ่มญาติของผู้เสียชีวิตจากเหตุยิงกันตาย 4 ศพ ได้นำร่างทั้ง 4 ไปมาประกอบพิธีเผาศพทางศาสนา ที่ป่าสุสานบ้านน้ำยวนพัฒนา ต.ร่มเย็น อ.เชียงคำ จ.พะเยา บรรณยากาศเต็มไปด้วยความเศร้าโศกของญาติ ๆ ชาวเขาเผาเมี่ยน หรือเย้า
โดยศพนายนายพงศ์เทพ นางสุภาพร ลูกสะใภ้ และด.ญ.กัลยาพร อายุ 5 ปี ตั้งเรียงกัน 3 ศพ ญาติกำลังทำพิธี นำเสื้อผ้า ใส่ลงไปในโลงก่อนทำพิธีเผา ส่วนศพของนายยุทธนา พ่อเลี้ยงของนายพงศ์เทพ ตั้งไว้ลำพังยังจุดเผาศพ ตามพิธีทางศาสนาของชาวเขาเผาเมี่ยน หรือเย้า ในพิธีศพมีพระสงฆ์มาร่วมพิธีด้วย เนื่องจากนางสุภาพร ลูกสะใภ้ เป็นชาวพุทธ
จากนั้นมีการเผาศพ นายยุทธนาก่อน เป็นศพแรก ต่อมาถึงมีการทำพิธีเผาศพ นายพงศ์เทพ ลูกเลี้ยง, นางสุภาพร ลูกสะใภ้ และด.ญ.กัลยาพร อายุ 5 ปี ตั้งเรียงกัน 3 ศพ ตามลำดับ
ทีมข่าวพูดคุยกับนางเหมย เรียวสกุลชาติ ภรรยาผู้ก่อเหตุ และเป็นแม่ของนายพงษ์เทพ บอกกับทีมข่าวว่า คืนวันเกิดเหตุตนไปนั่งทำกับข้าวกินกันกับลูกชาย ลูกสะใภ้ และหลานสาว 5 ขวบ ส่วนสามีที่ก่อเหตุ อยู่ร้านขายกาแฟของโครงการหลวงใกล้กับบ้านลูกชาย
ในวงกินข้าวมี 7 คน คือ นายเอ ลูกชายตนกับคนก่อเหตุ และน.ส.บี แฟนลูกชาย นายพงษ์เทพ ลูกชาย, นางสุภาพร ลูกสะใภ้ และด.ญ.กัลยาพร หลานสาว และยังมีนายทรงพล เพื่อนลูกชายอยู่ด้วย กำลังทำกับข้าวกินกัน แต่ยังทำยังไม่เสร็จ
จากนายยุทธนา ผู้เป็นสามี ตะโกนมาจากร้านกาแฟ บอกให้นายเอ กลับบ้านพร้อมกับน.ส.บี แฟนสาว โดยเร็ว แต่ตอนนั้นลูกชายกับแฟนสาวกำลังนั่งกินข้าว ก่อนจะรีบกลับไป ดังนั้นในวงกินข้าวจึงเหลือ 5 คน เพราะตัดนายเอ และน.ส.บี ออกไป
จากนั้นไม่นาน สามีก็มาตาม ซึ่งมาเรียกตนให้กลับบ้าน ตนบอกยังไม่กลับ ขอกินข้าวก่อน สามีก็กลับไป ตอนนั้นตนกำลังลุกไปล้างจาน และได้ไปนั่งอยู่มุมเสา ตรงนั้นก็มีนายพงเทษ์ นั่งตรงข้าม นางสุภาพร นายทรงพล เพื่อนลูกชาย นั่งตรงข้ามหลานสาว
ต่อมาสามีเดินมาไม่พูดอะไร ใช้ปืนที่ถือมายิงใส่ลูกชาย โดนเพื่อน และยิงลูกสะใภ้ พร้อมกับยิงหลานสาว คนละนัด ส่วนตนแอบอยู่หลังเสา คิดว่าถ้าสามีเห็นคงยิงตนให้ตายไปด้วย แต่จังหวะนั้นไปหลบในห้องนอน เมื่อสามีหยุดยิงตนออกมาประคองร่างลูกชาย ลูกสะใภ้ และหลานสาว แต่พบว่านิ่งไปแล้ว จากนั้นตนและนายทรงพล จึงพากับวิ่งไปตามคนมาช่วย ที่ผ่านมาสามีคิดมากไปเอง เรื่องปมส่วนแบ่งขายเมล็ดกาแฟ ลูกชายไม่เคยคิดจะมาแย่งมาฮุบเลย
นอกจากนี้ทีมข่าวมีโอกาสพูดคุยกับ นายทรงพล กิจกรัณย์ เพื่อนนายพงษ์เทพ บอกว่า ตนนั่งกินข้าวกับเพื่อนนั่งข้างเพื่อน โดยนั่งตรงข้ามลูกสาววัย 5 ขวบ ส่วนภรรยาจะนั่งตรงข้ามนายพงษ์เทพ ก่อนเกิดเหตุนายยุทธนาตะโกนเรียกภรรยาให้กลับ แต่ไม่มีใครกลับ
จากนั้นก็ไปหยิบปืนมายิงผ่านประตูเข้ามาโดนนายพงศ์เทพคนแรก แล้วกระเด็นมาโดนตนบาดเจ็บที่หัวไหล่ฝั่งซ้าย จากกระสุนปืนเข้าที่หัวไหล่ซ้าย 3 นัด หลังเกิดเหตุตนได้เพียงแต่ขอความช่วยเหลือ และแจ้งข่าวกับเจ้าหน้าที่โครงการให้มาช่วยเหลือ ส่วนตัวรู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถามว่าโกรธพ่อเลี้ยงนายพงษ์เทพหรือไม่ ก็โกรธแต่ก็ให้อภัย เพราะคิดว่าคงไม่ตั้งใจ เป็นเรื่องภายในครอบครัว
นอกจากนี้ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี มีโอกาสพูดคุยกับ นายเฉลิมพงษ์ เยาวธานี หัวหน้าโครงการฯ ซึ่งเป็นพื้นที่เกิดเหตุ ยืนยันกับทีมข่าวว่า ตนในฐานะคนดูแลโครงการฯ รู้จักทุกคนดี เดิมทีนายยุทธนา เป็นคนนิสัยใจคอดี เพิ่งจะมาเครียดคล้ายป่วยซึมเศร้า มาระยะหนึ่งประมาณ 1 ปี มักจะคิดว่าลูกเลี้ยงมาแย่งส่วนแบ่งกาแฟ จริง ๆ แค่มาช่วยดูแลเฉย ๆ ทุกคนก็รักใคร่สามัคคีกันดี อยู่กันแบบครอบครัวชาวเขา ธุรกิจกาแฟก็เป็นของชาวบ้านทำกัน ไม่ใช่โรงงานใหญ่โต
นายยุทธนา เป็นคนดูแลสวนเกษตรของโครงการฯ ส่วนที่ทะเลาะกันมาจากปมครอบครัวที่มีปัญหากันมาระยะหนึ่ง เพราะ นายยุทธนา กังวลว่านายพงษ์เทพ จะมาแบ่งส่วนแบ่งขายเมล็ดกาแฟไป เป็นธุรกิจครัวเรือนเล็ก ๆ ที่โครงการฯ อนุญาตให้ชาวเขาเข้าอยู่และดูแลพื้นที่การเกษตร ตรงไหนเป็นพื้นที่ว่าง ชาวเขาจะปลูกต้นกาแฟ ขึ้นไปเก็บเมล็ดขาย โดยใช้พื้นที่โครงการฯ
ส่วนร้านกาแฟก็เป็นร้านเล็ก ๆ ชาวบ้านชาวเขาทำกันในครอบครัวดูแลกันเอง ไม่ใช่ธุรกิจโรงงานอะไรเลย เป็นชาวเขาทำเองเล็ก ๆ ส่วนตัวแล้วนายยุทธนากับภรรยา และลูกเลี้ยง ตนเคยพาไปไกล่เกลี่ยที่โรงพักแล้ว 3 ครั้ง เพราะนางเหมย ไม่สบายใจ สามีมีปัญหากับลูกชาย และขู่ฆ่าตลอด อยากจะเลิก แต่ก็จบด้วยไกล่เกลี่ยตลอด ล่าสุดก็วันที่ 24 ส.ค.63 ที่ผ่านมา ไม่คิดจะมาก่อเหตุดังกล่าว
