"อัจฉราวดี" ตอกกลับคนต่ำช้าใส่ร้าย ยันสมเด็จโตสอนวิชา คนฝึกจิตถึงรู้ (คลิป)

จากกรณีนางอัจฉราวดี วงศ์สกล หรือ อาจารย์อ้อย ผู้ก่อตั้งมูลนิธิโรงเรียนแห่งชีวิต และเจ้าสำนัก "เตโชวิปัสสนา" เชื่อว่าไม่ต้องบวช โกนผม ห่มเหลือง นุ่งผ้าขาว หรือแม้แต่เข้าวัด ก็สามารถปฏิบัติธรรมอยู่ที่บ้านได้ โดยไม่ต้องศึกษาจากพระไตรปิฎก และสามารถสื่อสารทางจิตกับพระเกจิดังที่ล่วงลับไปแล้วได้ ซึ่งทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากมายอยู่ในขณะนี้

วันนี้ (27 ม.ค.) นางอัจฉราวดี วงศ์สกล ได้แถลงข่าวชี้แจง กรณีที่ถูกกล่าวหาว่าบิดเบือนพระพุทธศาสนา ทั้งในเรื่อง การทำตัวเหนือพระสงฆ์, สร้างกระแสเพื่อลดคุณค่าของพระและวัด, สอนธรรมะที่ไม่มีอยู่ในพระไตรปิฎก, อวดอุตริ ที่อ้างว่าฆราวาสบรรลุธรรมได้ และไม่ให้เลื่อมใสพระไตรปิฎก นั้น

นางอัจฉราวดี กล่าวว่า ตนขอยืนยันว่าเรื่องทั้งหมดไม่เป็นความจริง ซึ่งตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ตนถูกโจมตีอย่างหนักแต่ก็มองว่าไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอะไร จนกระทั่งในช่วง 7 วันที่ผ่านมา ถูกโจมตีอย่างหนักว่าบิดเบือนพระพุทธศาสนา และตนก็พอทราบว่าบุคคลที่ปล่อยข่าว เป็นอดีตลูกศิษย์จำนวน 2 คน ที่เคยมีปัญหาขัดแย้งเรื่องผลประโยชน์ ซึ่งตนมองว่าเป็นการกล่าวหาที่เลวทราม ต่ำช้าที่สุด จึงตัดสินใจจะไปฟ้องร้องที่ศาลอาญา ในข้อหาดูหมิ่นกระทำการให้ผู้อื่นเสียหาย

ส่วนประเด็นที่มีภาพพระสงฆ์ ยกมือไหว้ตน ก็เป็นเพราะว่าพระสงฆ์รูปนั้นลืมตัว เพราะก่อนที่ท่านจะบวช ท่านก็เคยเป็นลูกศิษย์ตนมาก่อน ซึ่งเหตุการณ์วันนั้นตนได้บังเอิญเจอ และได้ยกมือไหว้ท่านเพื่อกราบลา แต่ท่านลืมตัว จึงยกมือไหว้กลับ และอีกประเด็นที่เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างมาก ก็คือ เรื่องที่ตนมีการอ้างว่าได้เรียนวิชามาจากสมเด็จโตฯ ทางจิต ซึ่งอาจดูแล้วเป็นเรื่องที่อวดอุตริ ตนก็ยืนยันว่า ตนไม่เคยนำเรื่องนี้ขึ้นมาอวดอ้าง ซึ่งตนกลับมองว่าเรื่องนี้ไม่ต่างอะไรกับนักวิทยาศาสตร์ที่ทำการพิสูจน์เรื่องอะไรขึ้นมาสักเรื่อง และนำไปพูด ไปเผยแพร่ คนก็อาจไม่เชื่อเพราะคนเหล่านั้นไม่ได้เป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ทำการพิพูจน์ด้วยตัวเอง ซึ่งไม่ต่างอะไรกับวิชาที่ตนเรียนรู้และฝึกฝน คนที่ฝึกจิตเท่านั้นถึงจะรับรู้ในเรื่องนี้ได้