พระไพรวัลย์หวั่นลัทธิใหม่ หลัง "อัจฉราวดี" อ้างรู้ธรรมจากสมเด็จโต ดึงสติพระไหว้สีกา (คลิป)

27 ม.ค. 61
หลังจากสังคมออนไลน์ ได้มีการวิพากษ์วิจารณ์ อาจารย์อัจฉราวดี วงศ์สกล ผู้ก่อตั้งมูลนิธิโรงเรียนแห่งชีวิต เจ้าของแนว ความคิดธรรมะสาย “เตโชวิปัสสนา” ที่อ้างว่าฝึกภาวนาจนสื่อทางจิตได้ พร้อมวิจารณ์ว่าพระสงฆ์ค่อนประเทศ “มอมเมาประชาชน” ส่วนแนวความคิดตนนั้นไม่ต้องบวช ไม่ต้องโกนผม ไม่ต้องห่มขาว-เหลือง ไม่ต้องเข้าวัด แค่ปฏิบัติอยู่ที่บ้านก็สามารถบรรลุได้นั้น
พระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ
วันนี้ (26 ม.ค.) พระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ พระนักคิดนักเขียนวัดสร้อยทอง เปิดเผยว่า กรณีที่มีพระสงฆ์ยกมือไหว้ นางอัจฉราวดี ตามหลักพระพุทธศาสนา พระภิกษุสงฆ์จะไม่ยกมือไหว้ผู้ที่มีศีลน้อยกว่าตัวเอง เพราะถ้าพระมาไหว้ตอบชาวบ้าน ถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม
พระสงฆ์ยกมือไหว้นางอัจฉราวดี
ส่วนที่มีการพูดเปรียบเทียบว่า วัดมีสภาพไม่ต่างกับตลาดสด เนื่องจากมีการร้องขายบุญกันทุกรูปแบบนั้น พระมหาไพรวัลย์ มองว่า แง่มุมหนึ่งก็เป็นความจริง เพราะวัดหลายวัดในปัจจุบันมีพฤติกรรมที่ชวนให้ ซื้อขายวัตถุมงคลกันอย่างมากมาย การที่ นางอัจฉราวดี ไม่ได้ออกบวชแล้วบรรลุธรรมนั้น พระมหาไพรวัลย์ บอกว่า ตามหลักทางพระพุทธศาสนา มีการบรรลุธรรมได้เป็นความจริง เพราะสมัยพุทธกาลมี อุบาสก อุบาสิกา บรรลุธรรมหลายราย การที่จะบรรลุธรรมไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากต้องมีพระอาจารย์ คอยแนะนำแนวทางปฏิบัติ ตามหลักพระพุทธศาสนา เพื่อไม่ให้การบรรลุธรรมแบบผิดเพี้ยน
พระมหาไพรวัลย์ กำลังให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวอมรินทร์ทีวี
พระมหาไพรวัลย์ บอกว่า ส่วนการนั่งวิปัสสนา แล้วได้ยินเสียงของ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี) หากบุคคลที่พูดเป็นภิกษุสงฆ์ คงจะโดนเพ่งเล็งทางวินัย เนื่องจาก การพูดเช่นนี้เป็นการอวดอุตริมนุสธรรม และเป็นไปไม่ได้ที่จะเห็นท่านสมเด็จพุฒาจารย์ฯ ที่สิ้นมาหลายปีแล้ว อาจเป็นการมโนภาพขึ้นมาเอง แต่การอวดอ้างในลักษณะดังกล่าวทำไม่ได้ และควรที่จะปฏิบัติธรรมแบบระมัดระวังให้มากขึ้น ส่วนที่การบอกว่า อย่ายึดติดกับพระไตรปิฎกนั้นเป็นไปไม่ได้ เนื่องจากหลักธรรมทุกอย่าง ล้วนมาจากพระไตรปิฏก เวลาที่จะปฏิบัติธรรมแล้วไม่ยึดสิ่งนี้ ก็อาจจะปฏิบัติธรรมในทางที่ผิด
สำนักวิปัสสนาของมูลนิธิโรงเรียนแห่งชีวิต ตั้งอยู่ที่อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี
พระมหาไพรวัลย์ มองว่า การที่นางอัจฉราวดี ตั้งสำนักเตโชวิปัสสนา แล้วออกมาพูด หรือทำหนังสือเรื่องอิทธิ ปาฏิหาริย์ เหมือนพยายามดึงชาวบ้านไปสู่สำนักของตน การกระทำเช่นนี้เป็นสิ่งที่อันตราย เนื่องจากถ้าชาวบ้านที่ไม่มีความรู้ไปเชื่อก็จะเกิดลัทธิขึ้น พระมหาไพรวัลย์ ฝากเตือนว่า การออกมาพูดว่า วัดมอมเมาประชาชน คนที่พูดต้องระมัดระวังตนเองเช่นกัน อย่าไปมอมเมาคนอื่นเสียเอง การออกมาพูดเหมือนปกป้องพระพุทธศาสนานั้น แท้จริงแล้วอาจเป็นการดึงคนที่เข้าหาวัด ให้หันไปเข้าสำนักตนเอง จึงอยากเตือนประชาชนให้ใช้สติให้มาก เพราะมีคนพยายามกำลังตั้งตัวว่า เก่งกว่าพระธรรม และพยายามสร้างลัทธิ พร้อมเตือนว่า อย่าเพิ่งปักใจเชื่อ ต้องรู้ว่าบุคคลเหล่านี้กำลังคิดที่จะปฏิบัติอะไร แล้วอย่าไปหลงกราบไหว้เป็นครูบาอาจารย์
มูลนิธิโรงเรียนแห่งชีวิต ตั้งอยู่ที่ถนนสุขุมวิท 67
ทีมข่าวไปยัง ซอยสุขุมวิท 67 ที่ตั้งของมูลนิธิโรงเรียนแห่งชีวิตของ อาจารย์อัจฉราวดี ขณะที่ทีมข่าวไปถึง ทางมูลนิธิได้ปิดประตู และเปิดไฟไว้เพียงดวงเดียว ทีมข่าวได้พบกับเจ้าหน้าที่ของมูลนิธิรายหนึ่ง อ้างว่ามีหน้าที่ดูแลมูลนิธิ แต่ไม่สามารถตอบคำถามได้ เพราะไม่ทราบรายละเอียด ทีมข่าวโทรศัพท์พูดคุยกับ ผู้ช่วยของอาจารย์อัจฉราวดี ได้ให้ข้อมูลว่า ขณะนี้ทางสำนักฯ ยังไม่ขอตอบคำถามสื่อมวลชน โดยในวันพรุ่งนี้ (27 ม.ค.) อาจารย์อัจฉรา จะมีการแถลงข่าวชี้แจงด้วยตนเอง ถึงข้อกล่าวหาต่างๆ ที่ถูกเผยแพร่ไปในทางบิดเบือนผ่านเว็บไซต์แห่งหนึ่ง
บรรยากาศบริเวณหน้ามูลนิธิโรงเรียนแห่งชีวิต ย่านถนนสุขุมวิท
ผู้ช่วยของอาจารย์อัจฉราวดี ยังให้ข้อมูลว่า ปกติแล้วลูกศิษย์ของอาจารย์ จะไปเรียนหรือเข้าอบรมที่ศูนย์ปฏิบัติธรรม ในอำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี แต่สำหรับที่อยู่ของมูลนิธิในซอยสุขุมวิทแห่งนี้ จะเปิดไว้เฉพาะขายสินค้า เช่น หนังสือ หรือเสื้อ เพื่อหารายได้เข้ามูลนิธิ และใช้เป็นที่เรียนวิปัสสนาสำหรับเด็กนักเรียนอายุไม่เกิน 15 ปี ที่จะเข้ามาเรียนในช่วงเวลาปิดภาคเรียน ส่วนเนื้อหาการสอนเด็กนักเรียนนั้น ก็จะเกี่ยวกับหลักธรรมคำสอนทางพระพุทธศาสนา เช่น หลักศีล 5 เป็นต้น จากนั้นทีมข่าวได้เดินสำรวจบริเวณโดยรอบ พื้นที่ใกล้เคียงกับมูลนิธิโรงเรียนแห่งชีวิต พบว่าส่วนใหญ่เป็นพื้นที่คอนโดมิเนียม ซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนบุคคล
นายสำราญ (นามสมมติ) กำลังให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวอมรินทร์ทีวี
นายสำราญ (นามสมมติ) ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ใกล้กับมูลนิธิฯ เปิดเผยว่า ตอนแรกตนเข้าใจว่ามูลนิธิแห่งนี้เป็นมูลนิธิช่วยเหลือคนทั่วไป แต่พอเริ่มสังเกต ก็เห็นว่ามีลูกศิษย์ของอาจารย์ เดินทางเข้ามายังมูลนิธิฯ เป็นจำนวนมาก โดยลูกศิษย์จะแต่งกายด้วยชุดสีขาวล้วน มีตั้งแต่อายุ 20-40 ปี บางครั้งก็เดินทางมากันเป็นครอบครัว โดยลูกศิษย์ส่วนใหญ่จะค่อนข้างเป็นคนมีฐานะ เพราะขับรถมาจอดกันเยอะมากจนเต็มทั่วซอย มีจำนวนกว่าร้อยคน นายสำราญ ยังเล่าว่า เคยเห็นอาจารย์อัจฉราวดี ลักษณะค่อนข้างเป็นคนวางตัว ลูกศิษย์ทุกคนจะเคารพมาก เวลาจะปิดประตูรถให้อาจารย์ ลูกศิษย์ก็ต้องนั่งจนถึงพื้นแล้วปิดประตู ลูกศิษย์บางคนถึงกับก้มกราบเวลาส่งอาจารย์ขึ้นรถเดินทางกลับ
ป้ายประกาศ ระเบียบการใช้สถานที่ภายในมูลนิธิโรงเรียนแห่งชีวิต
สำหรับหลักคำสอนของมูลนิธิ ตนก็ไม่ทราบว่ามีรายละเอียดอย่างไร แต่พักหลังเห็นว่าเริ่มมีการทยอยขนของออกมาจากมูลนิธิได้ประมาณ 2 เดือนแล้ว ซึ่งตนก็ไม่แน่ใจว่าย้ายไปไหน ส่วนตัวมองว่าลูกศิษย์ที่ศรัทธานั้นค่อนข้างแปลก ไม่รู้ว่านำหลักคำสอนของพระพุทธศาสนาไปไว้ที่ไหน ถึงมาเชื่อศรัทธาอาจารย์รายนี้ เพราะอาจารย์ไม่ใช่พระ หรือ แม่ชี ซึ่งตนก็ไม่เข้าใจว่าอาจารย์คนนี้เป็นใคร ถึงมีคนกราบไหว้แต่ก็ไม่อยากเข้าไปยุ่งเพราะคิดว่าเป็นความเชื่อส่วนบุคคล  

advertisement

ข่าวยอดนิยม

ข่าวที่ได้รับความสนใจ