บุกพิสูจน์กระต๊อบลับคาดซ่อนร่างชมพู่ เจ้าของแจงไม่เคยแวะดู อึ้งเจอนมตก (คลิป)

กรณีมีข้อมูลจาก รพ.สรรพสิทธิประสงค์ ระบุในใบชันสูตรศพของน้องชมพู่ วัย 3 ขวบว่า เด็กเสียชีวิตแล้วนานกว่า 18 ชม.

คลิกอ่านข่าว "น้องชมพู่" ทั้งหมดที่นี่ 

ล่าสุดวันที่ 19 ก.ค.63 ทีมข่าวได้ลงพื้นที่ ที่เถียงนาข้างบ้านพ่อแบม ที่พ่อแบมให้สัมภาษณ์ว่า ได้ยินเสียงหมาเห่าเมื่อเวลา 19.00 น. ของวันที่ 12 พ.ค.63  โดยเถียงแรกเป็นเถียงนาของนายฮง ชาวบ้านกกตูม อยู่อยู่ห่างจากบ้านพ่อแบม 200 เมตร ห่างจากบ้านลุงพล 20 เมตร และห่างจากเถียงนานายอบ ที่อยู่ในสวนยางพารา 100 เมตร

สภาพเถียงนาเป็นเถียงนาไม้สภาพเก่าผุพัง ขนาดความสูง 3 เมตร กว้าง 4 เมตร ยาว 4 เมตร เป็นเถียงนาที่มีแต่โครงไม้ ข้างในเถียงนามีเศษผ้าเก่า ขวดเบียร์ หมอนเก่า ด้านล่างเถียงนามีหญ้าขึ้นสูงระดับเข่า และมีสังกะสีเก่าอยู่ 1 แผ่น ทีมข่าวได้ทดสอบเดินไปเหยียบที่สังกะสี ก็มีเสียงดังแคร่กแคร่ก คล้ายกับที่พ่อแบมอ้าง

ต่อมาทีมข่าวเดินไปยังเถียงนาหลังที่สอง ซึ่งเป็นจุดลับตาคน อยู่ห่างจากเถียงนาหลังแรก 100 เมตร ห่างจากบ้านลุงพล 80 เมตร มีทางเข้าอยู่ที่เยื้องบ้านลุงพล สามารถมองเห็นทางเข้าได้ชัดเจน สภาพของเถียงนาหลังที่สอง เป็นเถียงนาอยู่ในสวนยางพาราของนายอบ ขนาดกว้าง 3 เมตร ยาว 2 เมตร สูง 2.5 เมตร สภาพเป็นเถียงนาสังกะสียกสูง ด้านหน้ามีแคร่ไม้ 1 อัน บนแคร่ไม้มีข้าวของเครื่องใช้เช่น กระติดน้ำ พัดลม ขวดเครื่องดื่มชูกำลัง ปลั๊กไฟ

ด้านหน้าถัดจากแคร่ไม้มีโอ่งน้ำอยู่ 3 อัน ด้านขวามือมีห้องน้ำอยู่ 1 หลัง ที่ด้านหลังเถียงนามีกระสอบถุงปุ๋ยอยู่ 1 ใบ มีถังน้ำสีดำ 3 ใบ สีขาว 1 ใบ มีเชือกไนร่อนสีแดง 1 เส้นวางอยู่บนโอ่ง และมีขวดน้ำกรดที่ใช้ผสมยางพาราวางกองกันจำนวนมาก

บริเวณรอบ ๆ เถียงนาพบกล่องนมเปรี้ยวสีชมพู ด้านหน้า 1 กล่อง กล่องนมเปรี้ยวสีเขียวด้านหลังบ้าน อีก 1 กล่อง ส่วนสภาพด้านในเถียงนา มีเตียงนอน 1 เตียง ด้านล่างเตียงเป็นพื้นโล่ง บนเตียงมีผ้าห่ม หมอน และหมวก 1 ใบ ด้านหลังมีหน้าต่างเป็นช่อง 1 ช่อง ใช้เสื่อ 1 ผืน ในการเปิดปิดหน้าต่าง มีขวดน้ำลายการ์ตูน

ทีมข่าวอมรินทร์ทีวีจำลองเหตุการณ์ ครั้งที่ 1 โดยได้จำลองแบกกระสอบใส่ข้าวสาร จำนวน 12 กิโลกรัม ซึ่งใช้เป็นตัวแทนน้องของน้องชมพู่ โดยทีมข่าวเริ่มออกเดินไปในเส้นทางที่ลับตาคน ผ่านสวนยางและสวนมันสำปะหลังของ น.ส.ขวัญใจ ซึ่งระหว่างทางก็มีเจ้าปลาส้ม สุนัขของน้องชมพู่วิ่งตามมาด้วย และเดินไปตามร่องเส้นทางซึ่งจะพาทีมข่าวอ้อมไปใกล้กับเชิงเขา และเดินผ่านร่องน้ำที่เป็นร่องมาจากเขาภูเหล็กไฟ ซึ่งบริเวณร่องน้ำนี้จะเป็นเชิงเขาภูเหล็กไฟแล้ว และมีหญ้าขึ้นรกทึบจำนวนมาก

โดยพื้นดินที่เดินก็มีความสูงชันสลับพื้นต่ำ พื้นที่ไม่เสมอกัน เมื่อเดินผ่านจุดที่มีหญ้ารกทึบไปก็จะเข้าบริเวณท้ายสวนยางของพ่อแบม ซึ่งต้องเดินเข้าสวนยางไปอีก 200 เมตร ก็จะถึงกระท่อมกลางสวนยาง ซึ่งทีมข่าวสังเกตว่าระหว่างเดินแบกกระสอบขึ้นหัวไหล่นั้น จำเป็นต้องสลับไหล่ตลอดเวลา เพราะเมื่อเดินไปซักระยะจะรู้สึกปวดไหล่และเมื่อยล้า ซึ่งระหว่างเดินก็จะรู้สึกเหนื่อยหอบ ไม่หิวน้ำ แต่ไม่ถึงกับเหนื่อยหอบจนทนไม่ได้ สามารถเดินต่อไปเรื่อย ๆ จนถึงกระท่อมกลางสวนยาง โดยใช้เวลา 14 นาที 26 วินาที เป็นระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร

จำลองเหตุการณ์ ครั้งที่ 2 โดยได้จำลองแบกกระสอบใส่ข้าวสาร จำนวน 12 กิโลกรัม จากหน้าบ้านลุงพลเดินไปยังกระท่อมกลางสวนยาง โดยแบกกระสอบเดินข้ามถนน ซึ่งเดินแค่ 100 เมตร ก็ถึงกระท่อมกลางสวนยาง ใช้เวลาประมาณ 2 นาที ซึ่งทีมข่าวไม่มีอาการเหนื่อยหรือหอบแต่อย่างใด เนื่องจากเป็นระยะทางค่อนข้างสั้น และมีทางเดินเข้าอย่างสะดวก ซึ่งระหว่างเดิน

ทีมข่าวได้พูดคุยกับพ่อแบม ถึงเหตุการณ์หมาเห่าในวันที่ 12 พ.ค.2563 โดยพ่อแบมให้สัมภาษณ์ว่า วันที่ 12 พ.ค.63 ที่ตนได้ยินสุนัขเห่านั้น สุนัขทั้ง 2 ตัวของตนได้เห่าที่บริเวณเถียงนานายฮง ซึ่งเป็นเถียงนาที่อยู่หน้าโกดังของตน เหตุการณ์วันที่ 12.พ.ค.63 นั้น เวลาประมาณ 19.00 น. ตนกำลังนอนดูโทรทัศน์อยู่ในบ้าน หมาทั้ง 2 ตัวของตนก็เห่าเสียงดัง และก็ไม่ยอมหยุดเห่า แถมยังมีเสียงดังแคร่ก ๆ คล้ายคนกำลังรื้อค้นสิ่งของ มาจากเถียงนาของนายฮง ซึ่งเป็นเถียงนาโครงไม้ สภาพเก่าที่อยู่หน้าโกดังของตน โดยเสียงรื้อค้นที่ดังแคร่ก ๆ นั้น เสียงดังประมาณ 5 นาที และรวมระยะเวลาที่หมาตนเห่านั้น รวมเวลาประมาณ 15 นาที

ทีมข่าวสอบถามพ่อแบมต่อว่า เป็นไปได้หรือไม่ ที่คนร้ายจะพาน้องชมพู่มาพักร่าง หรือมาซ่อนไว้ที่เถียงนาทั้ง 2 เถียงหลังนี้ พ่อแบมตอบว่า สำหรับเถียงนาโครงไม้ของนายฮง คนร้ายสามารถนำน้องชมพู่มาพักร่างที่ตรงนี้ได้ เนื่องจากสภาพพื้นที่รก แม้เถียงนาที่อยู่ติดถนน จะอยู่ใกล้ตาคน แต่ก็อยู่ไกลสภาพแวดล้อมที่จะเจอน้องได้ยาก แต่ทั้งนี้ ตนเองก็คิดอีกแง่หนึ่งว่า คนร้ายน่าจะเอาน้องชมพู่มาส่งก็เป็นไปได้

ส่วนเถียงนานายอบ ที่อยู่ด้านในสวนยาง พ่อแบมก็คิดว่า คนร้ายไม่น่าจะพาน้องชมพู่ไปพักร่าง หรือไปซ่อนได้แน่นอน เนื่องจากที่ผ่านมา เจ้าของสวนยางก็มากรีดยาง และพักอาศัยที่เถียงนาหลังดังกล่าวอยู่ตลอดเวลา

ทีมข่าวถามพ่อแบมว่า เห็นเจ้าของสวนยางมาที่สวนยางล่าสุดตอนไหน พ่อแบมก็ตอบว่า นายอบเจ้าของสวนยาง จะมากรีดยางครั้งล่าสุดถึงเช้าวันที่ 11 พ.ค.63 และหลังจากนั้น ก็ไม่เห็นนายอบมากรีดยางอีกเลย ส่วนเรื่องของ กล่องนมเปรี้ยวที่พบในเถียงนาของนายอบนั้น ตนก็คิดว่าไม่น่าจะเกี่ยว เพราะนายอบก็มีลูกเล็ก คิดว่าน่าจะเป็นของลูกนายอบที่เอานมเปรี้ยวมากิน

ทีมข่าวได้สอบถามข้อมูลกับนายอบ เจ้าของเถียงนาหลังที่ 2 ที่อยู่ในสวยนางพารา โดยนายอบไม่สะดวกให้สัมภาษณ์ เนื่องจากไม่อยากเป็นข่าว กลัวตำรวจเรียกสอบปากคำ แต่นายอบก็ให้ข้อมูลสั้น ๆ กับทีมข่าวว่า เถียงนาหลังดังกล่าวเป็นของตนจริง แต่ไม่ได้ไปกรีดยางพารานานแล้วตั้งแต่เดือน ก.พ.63 ที่ผ่านมา ส่วนรายละเอียดอื่น ๆ ตนไม่ขอให้ข้อมูล

พ่อแบม เล่าต่อว่า นอกจากนี้ในคืนวันที่ 11 พ.ค.63 ตนยังได้นอนฝันว่า ควายออกลูก ซึ่งตนได้ทำนายความฝันในวันนั้นว่า ชมพู่ไม่น่ามีชีวิตรอดแล้ว เนื่องจากความได้ออกจากท้องแม่ไปแล้ว ต่อมาวันที่ 12.พ.ค.63 ตนก็มาเจอเหตุการณ์หมาเห่า และในคืนวันที่ 13 พ.ค.63 ตนก็ได้ฝันอีก 2 ครั้ง ครั้งแรกตนฝันว่าผู้ใหญ่บ้านกกกอก เอาหนูนามาให้ 2 ตัว ตัวหนึ่งเป็นสีขาวเทา อีกตัวเป็นสีดำ และอีกหนึ่งความฝันตนฝันว่ามีพระ 4 รูป เอาสบงคลุมหัว ไม่เห็นหน้า แต่ตนก็ยังไม่ทราบความหมาย กระทั่งมาเห็นตอนพระสวดศพน้องชมพู่ในวันที่ 15 พ.ค.63 ถึงรู้ว่าสิ่งที่ตนฝันนั้น น่าจะหมายถึงงานศพน้องชมพู่

ทีมข่าวมาพูดคุยกับนายฮง เจ้าของเถียงนาหลังที่อยู่ตรงข้ามบ้านลุงพล และอยู่ฝั่งบ้านพ่อแบม ห่างจากบ้านพ่อแบมประมาณ 200 เมตร โดยนายฮง ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวอมรินทร์ทีวีว่า ตนยอมรับว่าเถียงนาที่เหลือแต่โครงไม้นั้น เป็นเถียงนาของตนจริง และพื้นที่ด้านหลังเถียงนาหลังนั้น ก็เป็นสวนยางพาราของตนอีกด้วย แต่ทั้งนี้ตนก็ไม่ได้ไปเถียงนาหลังนั้น ได้กว่า 1 ปีแล้ว ส่วนต้นยางตนก็ไม่ได้กรีดเป็นปีแล้วเหมือนกัน

ถามว่าตนมีลูกจ้างที่จะไปกรีดยางแทนตนหรือไม่ นายฮงก็ตอบว่า ลูกจ้างสวนยางของตนก็คือลุงพล แต่ตนก็อยู่ในระหว่างพูดคุยกันกับลุงพลตั้งแต่เดือน เม.ย.63 ลุงพลยังไม่เข้ามากรีดยางพาราให้ตน เนื่องจากมาเกิดเรื่องน้องชมพู่ก่อน

ถามว่าเป็นไปได้ไหม ที่คนร้ายจะเอาน้องชมพู่มาซ่อน หรือมาส่งไว้ที่เถียงนาของตน นายฮงก็ตอบว่าเป็นไปไม่ได้ เนื่องจากเถียงนาของตนอยู่ติดถนนเส้นหลักของหมู่บ้าน มีผู้คนพลุกพล่าน และก็เป็นไปไม่ได้ที่คนร้ายจะนำน้องชมพู่ไปพักร่างไว้เถียงนานายอบ ที่อยู่ด้านในสวนยางของเขาอีกด้วย

นายไชย์พล วิภา ลุงของชมพู่ กล่าวว่า กระท่อมในสวนยางของเสี่ยอบเชย ตนมองว่าสวนนั้นติดถนน ช่วงค้นหาวันที่ 11-13 พ.ค.63 คนก็หากันเยอะมาก หากมีการเอาศพ เอาร่างน้องชมพู่ไปซ้อน โดยเฉพาะช่วงเวลาตามที่น้องสะดิ้งบอกว่าน้องชมพู่หายตัวไป เชื่อว่าคนที่หาน้องชมพู่ น่าจะเจอเด็กแน่นอน ขนาดตนกลับมาจากส่งพระ ยังมาหาแถวนี้ คนก็หากันเยอะแล้ว แทบจะพลิกใบไม้ทุกใบหา ตนมองว่าจุดนี้เป็นไปได้ยาก 

ทีมข่าวสอบถาม นางสมพร หลาบโพธิ์ ป้าของชมพู่ เปิดเผยว่า เสียงหมาเห่าที่ตนได้ยิน อยู่ตรงข้ามบ้านตน ซึ่งเป็นสวนยางของเสี่ยอบเชย คนบ้านกกตูม ที่ผ่านมารู้จักกันเพราะเคยไปขายยางด้วยกัน ตอนหมาเห่าตนยืนดูแต่ก็ไม่เห็นใคร ยังคิดว่าเสี่ยอบเชยมากรีดยางหรือไม่ ตนพยายามดูแต่ไม่เห็นแสงไฟแบตอะไร

ประเด็นเรื่องกระท่อมว่าจะเป็นจุดซ้อนศพ ซึ่งจุดพักร่าง ตนคิดว่าคงเป็นไปไม่ได้ เพราะตั้งแต่วันที่ 11 พ.ค.63 ก็มีคนออกตามหา โดยเฉพาะที่จุดนั้นอยู่ติดถนน คนหาก็เยอะ ที่โล่งมองเห็นหมด ถึงแม้จะมีโอ่งคนก็ไปส่องดูกันหมด จุดกระท่อมอยู่ใกล้ถนน ไม่น่ารอดสายตาคน จุดนี้คนก็ค้นหากันรอบไปหมด

จุดนี้หากเป็นคนร้ายคนไม่เอามาซ้อน หากน้องชมพู่ยังไม่ตายก็คงร้อง และหากน้องชมพู่ตายแล้วก็คงพบร่างตั้งแต่วันนั้นเลย

ทีมข่าวได้จำลองการเดินทั้ง 2 ครั้ง พบว่าการเดินมาจากบ้านน้องชมพู่ มาถึงกระท่อมต้องสงสัย เป็นระยะทาง 1 กิโลเมตร ใช้เวลา 14 นาที 26 วินาที ส่วนการเดินจากบ้านลุงพลไปกระท่อมต้องสงสัย เป็นระยะทาง 100 เมตร ใช้เวลาประมาณ 2 นาที ซึ่งตลอดการจำลองนั้นก็มีเจ้าปลาส้ม สุนัขของน้องชมพู่เดินตามตลอดเวลา ซึ่งก็เป็นที่น่าสงสัยว่าเป็นไปได้หรือไม่ว่าในวันเกิดเหตุคนร้ายอาจจะอุ้มน้องชมพู่หนีไป และมีเจ้าปลาส้มวิ่งตามไปด้วย โดยที่ไม่เห่าและไม่กัด

ส่วนลักษณะของกระท่อมนั้น เป็นกระท่อมกว้าง 3 เมตร ยาว 2 เมตร สูง 2.5 เมตร ล้อมรอบด้วยสังกะสี ข้าง ๆ กระท่อมมีห้องน้ำที่ทำด้วยสังกะสี สภาพเหมือนไม่ถูกใช้งานซักระยะแล้ว ซึ่งภายในกระท่อมมีเตียงตั้งอยู่ ไม่มีข้าวของเครื่องใช้อื่น ๆ และเหมือนไม่มีคนอยู่อาศัยมาซักระยะแล้ว ซึ่งถ้าหากพาน้องชมพู่มาแอบในกระท่อม ก็จะค่อนข้างลับตาคน ไม่สามารถมองเห็นได้จากบนถนนได้