กรณีนางดอกไม้ (นามสมมติ) เป็นชาวบ้านที่ได้ค้นหาในวันที่ชมพู่หายตัวไป และเป็นคนรับโทรศัพท์สายปริศนา โดยสายดังกล่าวโทรเข้ามา ก็มีคนเรียกให้ตนมารับสาย ตนจึงไปรับสาย ตอนรับสาย ปลายสายก็แค่ “ฮัลโหล ๆ” และเรียกชื่อ “นุชๆๆ” ตนก็บอกว่านุชไปรับลูกแถวบ้านกกตูม ไม่ได้เอาโทรศัพท์ไป
คลิกอ่านข่าว "น้องชมพู่" ทั้งหมดที่นี่
นางสาวิตรี ระบุว่า สายแรก คนโทรผิด ส่วนสายที่ 2 พูดคุยกับชาวบ้านเรื่องร่างทรง แต่ได้ให้ตำรวจตรวจเช็กข้อมูลในโทรศัพท์เรียบร้อยแล้ว
นางดอกไม้ กล่าวอีกว่า ในสายก็มีผู้ชายปริศนาพูดขึ้นมาว่า “รู้หรือเปล่า ว่าเราเป็นใคร” โดยพูดประโยคนี้ย้ำ 2 ครั้ง จากนั้นนางสาวิตรีแม่น้องชมพู่ก็ตอบว่า “ฉันไม่รู้ว่าคุณคือใคร แต่คิดว่าคุณคงจะเป็นคนหนึ่ง ที่ช่วยตามหาน้องชมพู่” จากนั้นชายปริศนาจึงพูดต่อว่า “ลูกไม่ได้หายหรอก เดี๋ยวมีคนเอามาคืน”
เสียงปลายสายเป็นเสียงผู้ชาย จากนั้นได้ยินเสียงเหมือนประมาณว่า “ลูกมึงหายหรอ” ตอนนั้นเพื่อน ๆ ที่นั่งตรงแคร่ก็คุยกับตน โดยมีน้องคนหนึ่งนั่งข้าง ๆ ตน ได้ยินเสียงหัวเราะ คล้ายมีการเยาะเย้ย ซึ่งตนไม่ได้สนใจ แต่น้องที่นั่งข้าง ๆ ตั้งข้อสังเกตทำนองว่าหากรู้ว่าลูกเขาหายทำไมถึงหัวเราะออกมา ส่วนคนที่ได้ยินเสียงว่าคุยโทรศัพท์เรื่องอะไรกัน เพราะตนเปิดลำโพง
นางสาวิตรี ระบุว่า วันที่ 12 พ.ค.63 ที่มีโทรศัพท์มาหาตนนั้น ตนจำไม่ได้ แต่ได้ให้ตำรวจตรวจเช็กข้อมูลในโทรศัพท์เรียบร้อยแล้ว
ล่าสุดวันที่ 14 ก.ค.63 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ได้พูดคุยกับนางฟ้าใส (นามสมมติ) ชาวบ้านกกกอก เปิดเผยว่า เมื่อช่วงสายของวันที่ 12 พ.ค.63 หลังจากที่น้องชมพู่หายตัวไป 1 วัน มีสายปริศนาโทรศัพท์มาหาแม่น้องชมพู่จริง
โดยเหตุการณ์วันนั้น มีผู้ชายคาดว่าอายุประมาณ 30 ปี โทรมาหาแม่น้องชมพู่ แล้วพูดทำนองว่าเห็นน้องชมพู่อยู่ตรงนั้น ตรงนี้ หลังจากพูดเสร็จ ในสายผู้ชายคนนั้น ก็หัวเราะเยาะเย้ย เหมือนกำลังสะใจอยู่ จนนางสาวิตรี ต้องกดวางสายไป จากนั้นนางสาวิตรี ก็เล่าให้ตนและชาวบ้านกว่า 10 คนที่นั่งอยู่แคร่หน้าบ้านฟังว่า “ใครโทรมาไม่รู้ แล้วก็หัวเราะ”
นางฟ้าใส เล่าต่อว่า ตอนนั้นพวกตนก็ยังไม่ติดใจอะไรเกี่ยวกับสายปริศนาดังกล่าว แต่ตอนนี้ตนก็เริ่มมาคิดแล้วว่า สายโทรศัพท์ปริศนาที่โทรเข้ามาหาแม่น้องชมพู่นั้น น่าจะเป็นคนร้ายก็ได้ ทั้งนี้เสียงชายปริศนาดังกล่าว นางสาวิตรีก็เล่าให้พวกตนฟังว่า ไม่คุ้นเสียง และไม่ใช่เสียงคนในหมู่บ้านอีกด้วย
