จากกรณีเด็กหญิงวัย 9 ขวบ ชอบเล่นหลอกผีน้อง ๆ แต่กลับพลาดท่าจนถูกผ้าห่มที่นำมาตอกยึดกับประตู เพื่อใช้ทำเป็นผ้ากั้น รัดคอจนขาดอากาศหายใจ ถึงแม้คุณพ่อจะพยามยามปั๊มหัวใจและนำตัวส่งโรงพยาบาลอย่างเร็วที่สุด ก็ไม่สามารถสร้างปาฏิหาริย์นำชีวิตของเด็กหญิงกลับมาได้
ล่าสุดวันที่ 14 ก.ค.63 ทีมข่าวได้เดินทางไปยังบ้านของเด็กหญิงคนดังกล่าว ในพื้นที่ตำบลบางวัว อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา พื้นที่บ้านติดถนนใหญ่และคลอง มีบ้านหลายหลังอยู่ในพื้นที่ อาศัยอยู่ด้วยกันเป็นครอบครัวใหญ่ ซึ่งบ้านของเด็กหญิงเป็นบ้านไม้ชั้นเดียว ยกพื้นสูงประมาณ 50 เซนติเมตร ตั้งอยู่ติดคลอง
ทีมข่าวได้พูดคุยกับ ด.ญ.เอ (นามสมมติ) อายุ 13 ปี พี่สาวของด.ญ.บี (นามสมมติ) วัย 9 ขวบ ที่ถูกผ้าห่มพันคอจนเสียชีวิต
ด.ญ.เอ (นามสมมติ) เล่าว่า น้องสาวชอบเล่นแผลง ๆ เหมือนเด็กผู้ชาย ชอบเล่นซ่อนแอบ ชอบเล่นต่อสู้ และชอบหลอกพี่น้องสาวอีก 2 คน (ด.ญ.ซี , ด.ญ.ดี) บางครั้งน้องสาวก็จะจับผ้าห่มผืนนี้ ดึงเล่นไปมา แต่ไม่เคยเอามาผูกคอมาก่อน
โดยในวันเกิดเหตุเมื่อวานนี้เป็นช่วงค่ำ พ่อกับแม่ออกไปทำธุระข้างนอก น้องสาวคนเล็กก็ได้มาสะกิดบอกตนว่า ด.ญ.บี (นามสมมติ) ยืนนิ่งอยู่ ให้รีบไปดู ตนจึงรีบวิ่งไปดู เห็นน้องสาวถูกผ้าห่มกั้นประตูพันคอแน่น ยืนนิ่งขาห้อยลอยเหนือพื้น ตนได้อุ้มน้องสาวมานั่งบนบ้าน และพยายามแกะผ้าที่พันออก ตนคิดว่าน้องแกล้งจึงตีน้องเบา ๆ เรียกให้ตื่น แต่น้องสาวก็ไม่ตอบ ปากเขียว น้ำลายไหลออกมา ตนก้มฟังหัวใจน้อง หัวใจน้องก็ไม่เต้น
ขณะนั้นพ่อกับแม่ก็กลับมาพอดี เพราะพ่อแม่ไปทำธุระข้างนอก 10 นาที แม่ก็ได้วิ่งเข้ามาดูพร้อมเรียกพ่อมาปั๊มหัวใจให้น้อง และพ่อก็อุ้มน้องขึ้นรถเก๋งไปส่งโรงพยาบาล ตนรู้สึกว่าเหตุการณ์นี้เป็นเหตุการณ์ที่น่ากลัว ตนรู้สึกสงสารน้อง อยากจะบอกน้องว่าตนรักน้อง
น.ส.ศุภาณี ภวภูตานนท์ อายุ 30 ปี แม่ของเด็กที่เสียชีวิต บอกว่า ปกติตนจะคอยเตือนและสอนลูก ๆ เสมอว่าเล่นกันก็ให้ระวัง ระวังตกน้ำคลองหลังบ้าน ระวังปีนต้นไม้แล้วจะตก ระวังอย่าวิ่งไปที่ถนนใหญ่เดี๋ยวรถชน ไม่คิดว่าผ้าห่มที่ตอกไว้กั้นประตูจะก่อเหตุพรากชีวิตลูกสาวของตนไป
ทั้งนี้ตนคิดถึงลูกสาว ชีวิตครอบครัวเพิ่งกลับมาอยู่ด้วยกัน 20 วัน ชีวิตกำลังจะไปได้ดี จิตใจของตนยังไม่ค่อยดี ลูกสาว 4 คน ขณะนี้หายไปคนหนึ่ง อยากจะบอกลูกว่ารักลูก หลับให้สบาย
ขณะเดียวกันทีมข่าวได้พูดคุยกับนายสันติ ภาคยกุล อายุ 31 ปี พ่อของ ด.ญ.บี (นามสมมติ) ที่ถูกผ้าห่มพันคอเสียชีวิต ให้สัมภาษณ์ทั้งน้ำตา ขอให้เหตุการณ์นี้เป็นอุทาหรณ์แก่พ่อแม่ทุกคน
นายสันติ เล่าว่า เมื่อคืนวันที่ 12 ก.ค.63 เวลาประมาณ 20.30 น. ตนได้ขี่รถจักรยานยนต์ออกไปกับภรรยาคนละคัน เพื่อนำรถไปคืนพี่สาว ซึ่งอาศัยอยู่ใกล้บ้าน ซึ่งก่อนจะออกไป ด.ญ.บี (นามสมมติ) ยังได้นำขนมมาป้อนให้ตนกิน ตนใช้เวลาไปคืนรถประมาณ 10 นาที เมื่อกลับมาถึงบ้าน ด.ญ.เอ (นามสมมติ) ลูกสาวคนโตก็ได้ตะโกนเรียกตนและภรรยาให้มาดู ด.ญ.บี (นามสมมติ) พูดว่าด.ญ.บี (นามสมมติ) เล่นผูกคอแกล้งตาย
ภรรยาของตนก็ได้อุ้มลูกสาวขึ้น เรียกตนให้มาช่วย เนื่องจากลูกสาวตนตาลอย แขนขาทิ้งลงข้างตัว ตนจึงวางลูกลงกับพื้นปั๊มหัวใจ เรียกครอบครัวให้พาขึ้นรถไปส่งโรงพยาบาล
แต่ตลอดระยะทางจากบ้านไป รพ.บางปะกง ใช้เวลา 15 นาที ด.ญ.บี (นามสมมติ) ไม่มีทีท่าว่าจะฟื้น ร่างกายยังคงแน่นิ่ง ทำให้ใจเริ่มจะไม่ดี เมื่อส่งตัวถึงโรงพยาบาลตนก็ใจชื้นขึ้น เนื่องจากแพทย์ได้ฉีดยากระตุ้นและปั๊มหัวใจจนหัวใจกลับมาเต้นอีกครั้ง จึงนำตัวลูกสาวตนส่งไปอีกโรงพยายาลที่มีเครื่องมือดีกว่า แต่ก็ไม่สามารถยื้อชีวิตลูกสาวเอาไว้ได้ เสียชีวิตในคืนวันอาทิตย์เข้าสู่วันจันทร์ที่ 13 ก.ค.63 เวลา 01.10 น. สาเหตุการเสียชีวิตคือขาดอากาศหายใจนานเกินไป
นายสันติ บอกว่า ปกติแล้วลูกสาวของตนก็จะชอบมาโหนผ้าห่มกั้นประตูเล่น แต่ตนไม่คิดว่าผ้านี้จะพันคอลูกสาวตนจนขาดอากาศหายใจ ตนพยายามช่วยชีวิตลูกสาวถึงที่สุดแล้ว หวังพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ก็ไม่เป็นผล ตนต้องทนเห็นลูกสาวมีสายโยงตามร่างกาย ตาลอย เรียกลูกสาว “ตื่นลูก กลับมาหาพ่อ กลับมาแม่ อย่าทิ้งพ่อไป พ่อเพิ่งกลับมาหาลูกเอง”
โดยเมื่อ 2 วันก่อน ตนคิดจะตัดผ้าห่มผืนนี้ออก และทำประตูบ้านแบบจริงจัง แต่เนื่องจากตนขายของที่ตลาดนัดทั้งวัน ตนรู้สึกโทษตัวเอง ถ้าตนตัดผ้าห่มทิ้งแต่แรก ลูกสาวคงจะไม่ตาย ตนอยากให้เหตุการณ์นี้เป็นอุทาหรณ์ให้กับพ่อแม่ทุกคน อย่าชะลาใจที่จะทำอะไรเพื่อความปลอดภัยของลูก ๆ และคนในครอบครัว
