สภามีมติ เห็นชอบ 273 เสียง รับหลักการร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ ปี 64 วงเงิน 3.3 ล้านล้านบาท ฝ่ายค้านชี้คนไทยเจอวิกฤติหนี้สิน ท้านายกฯ รับผิดชอบหากจีดีพีโตไม่ถึงร้อยละ 5
เมื่อเวลา 23.20 น. วันที่ 3 ก.ค. 2563 ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรมีมติ 273 เสียงรับหลักการร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 วงเงิน 3.3 ล้านล้านบาท ไม่เห็นชอบ 200 เสียง งดออกเสียง 3 เสียง
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เผยในนามรัฐบาลขอขอบคุณสมาชิกอันทรงเกียรติที่พิจารณา งบประมาณในปี 2564 เป็นการวางรากฐานในการพัฒนาและแก้ปัญหาทุกด้าน ดูแลผู้มีรายได้น้อยเกษตร แหล่งน้ำ เสริมสร้างความเข้มแข็งให้ทุกส่วนเพื่อยกระดับประเทศให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ หวังให้การใช้จ่ายของแผ่นดินเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศชาติและประชาชน
ขณะที่ นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย และประธานวิปฝ่ายค้าน ระบุว่าว่า งบ 3.3 ล้านล้านบาท ปีนี้มีความสำคัญ เพราะรายได้หลักของประเทศจากการท่องเที่ยวหายไปเพราะโควิด จึงมีแต่งบประมาณแผ่นดินเท่านั้นที่จะใช้ขับเคลื่อนประเทศ การส่งออกติดลบ เกิดการเลิกจ้างจำนวนมาก คนไทยกำลังเผชิญกับหนี้ 5 ประเภท คือ 1.หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นสูงถึงร้อยละ 60 ของจีดีพี 2.หนี้ครัวเรือนเพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 80 ของจีดีพี 3.หนี้ภาคธุรกิจล้มละลายมากขึ้น 4.หนี้เสียหรือเอ็นพีแอลในระบบการเงินมากขึ้น 5.ปัญหาหนี้นอกระบบ ดอกเบี้ยโหด
ปี 2564 จะเป็นปีที่หลายคนบอกว่าเผาจริง และอาจจะลอยอังคารในปีเดียวกัน วันนี้สถานะเงินคงคลังก็เริ่มไม่ดี แต่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ บอกว่าฐานะการคลังดีมาโดยตลอด แต่ทำไมประชาชนเป็นหนี้เยอะ คุณภาพชีวิตถึงแย่แบบนี้ และหากสถานะการคลังดีจริง ทำไมพอเจอวิกฤติโควิด-19 รัฐบาลถึงต้องกู้เงินมาใช้จ่าย
นายสุทิน กล่าวว่า ขอให้ทบทวนปรับงบประมาณฉบับนี้ใหม่ ไปจัดทำตัวร่างใหม่หรือปรับในชั้นกรรมาธิการ เพราะยังมีงบประมาณปี 2563 และเงินจาก พ.ร.ก.กู้เงินอยู่แล้ว นายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ควรสร้างความเชื่อมั่นรับประกันว่า ถ้าจีดีพีโตไม่ถึงร้อยละ 5 จะแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออก เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่น เป็นการประกันคุณภาพทางการเมือง
