เมื่อวันที่ 29 มิ.ย.63 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ได้พิสูจน์หมวกชาวบ้านจำนวน 3 ราย ได้แก่ นายเบิร์ด ช่างประปา, นายริท และนายวัชรินทร์ หรือพ่อแบม เพื่อคลายความสงสัยของชาวบ้านในหมู่บ้านกกกอก จ.มุกดาหาร
คลิกอ่านข่าว "น้องชมพู่" ทั้งหมดที่นี่
จากการสำรวจหมวกพ่อแบม พบว่าพ่อแบมมีหมวกทั้งหมด 3 ใบ เป็นหมวกไอ้โม่งทั้งหมด ลักษณะเป็นหมวกไหมพรม สามารถพลิกใส่ได้ 2 ด้าน ใบเแรกเป็นสีดำออกน้ำเงิน ด้านในเป็นไหมพรมสีฟ้า ใบที่ 2 เป็นหมวกไอ้โม่ง สีม่วงเข้ม ไหมพรมด้านในเป็นพื้นสีขาว และใบที่ 3 เป็นหมวกไอ้โม่งสีม่วงอ่อน ไหมพรมด้านในเป็นสีขาว
นายวัชรินทร์ให้สัมภาษณ์ว่า ตนมีหมวกไอ้โม่งทั้งหมด 3 ใบ ประกอบด้วยสีดำ สีม่วงเข้ม สีม่วงอ่อน หมวกทั้ง 3 ใบ ตนจะใช้งานเหมือน ๆ กันคือจะใช้ใส่ไปไถนา และไปขึ้นเขา ส่วนวันที่ 11 พ.ค.63 ตนก็เคยใส่หมวกไอ้โม่ง ตอนไปตามหาน้องชมพู่ แต่ก่อนหน้าที่น้องชมพู่จะหายตัวไปนั้น ตนไม่เคยไปแถวบ้านน้องชมพู่แต่อย่างใด
นายวัชรินทร์ เล่าต่อว่า เมื่อสักครู่เจ้าหน้าที่ตำรวจก็โทรศัพท์มาแจ้งให้ตนทราบว่า จะเชิญตัวตนไปสอบปากคำเกี่ยวกับกรณีรถสีบรอนซ์ดำที่ต้องสงสัย ซึ่งตนก็เป็น 1 ใน 3 ที่มีรถสีบรอนซ์ดำในหมู่บ้าน แต่ตนก็ไม่รู้สึกเครียดแต่อย่างใด เพราะตนบริสุทธิ
จากการสำรวจนายริท ชาวบ้านกกกอก พบว่าหมวกของนายริท มีทั้งหมด 3 ใบ ใบแรกเป็นหมวกแก๊ปสีม่วง ใบที่ 2 เป็นหมวกแก๊ปลายทหาร และใบที่ 3 เป็นหมวกแก๊ปสีเขียวขี้ม้า มีรูปดาวอยู่ตรงกลาง
นายริท ให้สัมภาษณ์ว่า ส่วนตัวแล้วชอบใส่หมวก 3 ใบนี้ เพราะเป็นหมวกแก๊ปทั้งหมด ตนจะใช้งานจุดประสงค์เดียวกัน คือ ใส่ไปไร่นา ใส่ไปกรีดยาง นอกจากนี้กรณีนายนริน น้องชายต่างแม่ของตน ทราบว่าช่วงเช้าวันนี้ญาติ ๆ ก็พากันเตรียมหลักทรัพย์ไปประกันตัวนายนริน และตนก็เชื่อมาตลอดว่าน้องขายตนไม่ได้ก่อเหตุคดีข่มขืน เพราะไม่ค่อยยุ่งเกี่ยวกับใคร
จากการสำรวจนายเบิร์ด ช่างประปาประจำหมู่บ้านกกกอก ได้สวมหมวกทั้งหมด 2 ใบ ใบแรกเป็นหมวกปีกชาวนาสีเหลืองอ่อน ใบที่สองเป็นหมวกแก๊ปสีเขียวลายทหาร
โดยนายเบิร์ด ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวอมรินทร์ทีวีว่า สำหรับหมวกตนที่ชอบใส่มี 2 ใบ ใบแรกเป็นหมวกชาวนาสีเหลืองอ่อน ตนจะชอบใส่หลบแดด ส่วนใบที่สองหมวกแก๊ปสีเขียวลายทหาร ตนจะชอบใส่ขึ้นเขาไปต่อน้ำประปา ที่ภูผาแอด ภูผาเหี่ย และภูหลวง
นายเบิร์ด เล่าต่อว่า ช่วงวันที่ 10-11 พ.ค.63 ที่ผ่านมา ตนก็ไม่ได้ไปแถวบ้านน้องชมพู่แต่อย่างใด เพราะตนไปสวนปาล์มของตน
อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบหมวกผู้ต้องสงสัยทั้ง 3 คน สามารถสรุปได้ดังต่อไปนี้
1.พ่อแบมมีหมวกทั้งหมด 3 ใบ เป็นหมวกไอ้โม่งทั้งหมด ลักษณะเป็นหมวกไหมพรม สามารถพลิกใส่ได้ 2 ด้าน ใบเแรกเป็นสีดำออกน้ำเงิน ด้านในเป็นไหมพรมสีฟ้า ใบที่ 2 เป็นหมวกไอ้โม่ง สีม่วงเข้ม ไหมพรมด้านในเป็นพื้นสีขาว และใบที่ 3 เป็นหมวกไอ้โม่งสีม่วงอ่อน ไหมพรมด้านในเป็นสีขาว
2.นายริท มีทั้งหมด 3 ใบ ใบแรกเป็นหมวกแก๊ปสีม่วง ใบที่ 2 เป็นหมวกแก๊ปลายทหาร และใบที่ 3 เป็นหมวกแก๊ปสีเขียวขี้ม้า มีรูปดาวอยู่ตรงกลาง
3.นายเบิร์ด ช่างประปาประจำหมู่บ้านกกกอก มีหมวกทั้งหมด 2 ใบ ใบแรกเป็นหมวกปีกชาวนาสีเหลืองอ่อน ใบที่สองเป็นหมวกแก๊ปสีเขียวลายทหาร
ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี เดินทางมาพบ นางสายสมร แสนทะวงศ์ ภรรยานายโชติช่วง ซึ่งพาทีมข่าวมาจำลองเหตุการณ์วันที่ 10 และ 11 พ.ค.63 ที่เห็นรถจักรยานยนต์สีบรอนซ์ดำและชายเสื้อดำ
โดยนางสายสมร พาทีมข่าวมายืนอยู่ใต้ถุนบ้านนางจันทร์ ซึ่งเช้าวันที่ 10 พ.ค.63 นั่งเล่นอยู่กับยายช่วง 06.00-08.00 น. ตนก็เห็นมีผู้ชายใส่ขุดดำ หมวกมีปีก เสื้อแขนยาว กางเกงขายาว ซึ่งจอดรถในจุดป่ายาง จุดเดียวกับที่ทีมข่าวนำรถไปยอดไว้
วันดังกล่าว ชายรายนี้ขับรถมาเพียงลำพัง จากนั้นก็มุ่งหน้าไปขึ้นเขา มีหันหลังมามองเพียงเล็กน้อย ยายจันทร์ยังพูดว่า ”รถใคร” ตนก็ไม่ทราบว่ารถคันนี้ขี่ออกไปตอนไหน เพราะตนกลับเข้าบ้าน แล้วช่วงเวลา 16.00 น. รถก็หายไปแล้ว
ส่วนเหตุวันที่ 11 พ.ค.63 ตนนั่งอยู่ข้างบ้าน โดยเล่นกับลูกสาว ซึ่งวันดังกล่าวไม่มีรถกระบะจอดอยู่ ซึ่งตอนนั้นช่วงประมาณ 05.00-06.00 น. ตนมองออกไปเห็นรถจักรยานยนต์จอดอยู่จุดเดียวกันที่ตนเห็นวันที่ 10 พ.ค.63 โดยสามารถมองเห็นได้ ตอนนั้นไม่เห็นคน แต่ยืนยันว่ารถคันเดียวกัน รถไม่มีตะกร้า
รถคันนี้ตนเห็นว่ามาบ่อย แต่ไม่รู้เป็นใคร ยืนยันได้ว่าเป็นคนนอกหมู่บ้าน เพราะมีหมวกปิดใบหน้าเอาไว้ โดยวันนั้นตนเข้าบ้านเวลา 18.00 น. ก็ไม่รู้ว่ารถคันดังกล่าวขี่ออกไปในช่วงไหน
ต่อมาทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ได้นำภาพของชายทั้ง 3 คน มาให้ตัวแทนเด็ก ๆ ต้นจำปาเล็ก และต้นจำปาใหญ่ดู โดยเด็กต้นจำปาใหญ่ ได้ดูภาพของชายทั้ง 3 และบอกกับทีมข่าวว่า ตนไม่เคยเห็นชายที่แต่งกายลักษณะนี้
