เมื่อวันที่ 29 มิ.ย.63 ตำรวจภูธรเมืองกระบี่ เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานแพทย์เวรโรงพยาบาลกระบี่ กู้ภัยมูลนิธิกระบี่พิทักษ์ประชา ร่วมตรวจสอบและเก็บพยานหลักฐาน หลังเกิดเหตุยิงกันจนทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 คน ภายในบ้านเลขที่ 81 หมู่ 3 ต.กระบี่น้อย อ.เมืองกระบี่ ที่เกิดเหตุเป็นบ้านปูนชั้นเดียว ข้างบ้านเปิดเป็นจุดรับซื้อเศษยาง ภายในบ้านบริเวณห้องโถงหน้าชั้นวางทีวี พบศพนายจรูญ ดวงขวัญ อายุ 55 ปี เจ้าของบ้าน ซึ่งมีอาชีพรับซื้อเศษยาง โดยที่ขมับขวามีรอยกระสุนปืน 1 รู และในมือขวาของผู้ตายยังกำปืนลูกโม่ขนาด .38
ใกล้กันพบศพ น.ส.เรณู ดำหาย อายุ 48 ปี ถูกยิงด้วยปืนชนิดเดียวกัน กระสุนเข้าบริเวณต้นแขนขวา 1 นัด ใต้คางทะลุท้ายทอย 1 นัด
และภายในห้องนอนยังพบศพของ ด.ช.พงศกร ดวงขวัญ อายุ 12 ปี ลูกชายของนายจรูญ ถูกยิงด้วยปืนชนิดเดียวกันกระสุนเข้าที่แขนขวา 1 นัด และด้านบนกลางศีรษะ 1 นัด ตรวจสอบภายในบ้านไม่พบร่องรอยการต่อสู้
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังพบ ด.ช.วัย 10 ปี ซึ่งเป็นหลานชายของนายจรูญ อยู่ในที่เกิดเหตุด้วย แต่ไม่ถูกยิง เบื้องต้นตำรวจสอบสวน ด.ช.วัย 10 ขวบจนทราบว่านายจรูญเป็นผู้ก่อเหตุยิงภรรยาและลูกจนเสียชีวิต ก่อนที่จะยิงตัวเอง
น.ส.จันทิมา ดวงขวัญ อายุ 38 ปี ลูกสาวคนโตของนายจรูญ บอกว่า ครั้งสุดท้ายที่คุยกับพ่อ คือเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาช่วงเย็น ในวันนั้นนางเรณู ไม่ได้อยู่ที่บ้าน และสังเกตเห็นว่าพ่อร่าเริงสดใสปกติดี กระทั่งเมื่อวานนี้ ช่วงเวลา 17.00 น. โทรไปหาก็ยังปกติ และไม่ได้พูดอะไรมาก บอกแค่ว่าวันนี้ตอนเย็นตนจะไปหาเพื่อรับลูก แต่มาเกิดเรื่องเสียก่อน
โดยเมื่อวานนี้ เวลา 21.00 น. ลูกชายอายุ 10 ปี ที่รอดชีวิต โทรมาหาด้วยเสียงสั่นเครือ พร้อมกับพูดว่า “มาม๊า ช่วยน้องด้วย” และได้ยินเสียงวิ่ง จึงพยายามถามว่าอยู่ไหน แต่ได้ยินเพียงคำว่า “เลือดเต็ม ๆ” เมื่อถึงที่เกิดเหตุเห็นลูกชายก็ดีใจที่ไม่เป็นอะไร
ทั้งนี้ ทราบว่า พ่อมีโรคประจำตัวรุมเร้าต้องกินยาเป็นประจำ ทั้งยาเกี่ยวกับโรคเบาหวาน ความดัน ยาคลายเครียด และเชื่อว่าพ่อน่าจะกินยาอยู่ตลอดเวลา โดยหลังจากแม่เสียชีวิตพ่อก็ได้คยหากับนางเรณู และมีความสุขดี ส่วนตัวไม่ทราบว่าทั้งสองคนเคยทะเลาะกันหรือไม่
นายเมซี เขียวดำ อายุ 60 ปี น้าของนายจรูญ เชื่อว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเกิดจาก นายจรูญ น่าจะมีอาการคลุ้มคลั่งแล้วก่อเหตุยิงเองมากกว่า สาเหตุเกิดจากผู้ตายน่าจะขาดยามาประมาณ 2-3 วัน ทำให้ควบคุมตัวเองไม่ได้ และเกิดอาการประสาทหลอน เพราะผู้ตายป่วยเป็นโรคซึมเศร้ามาประมาณ 10 ปีแล้ว อีกทั้งช่วงหลังมานี้ผู้ตายมักจะบ่นให้ญาติฟังเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพตลอดว่า รู้สึกปวดหัว และ สุขภาพไม่ค่อยดี
ส่วนอาวุธปืนที่ใช่ก่อเหตุเป็นของนายจรูญ โดยมักจะพกปืนติดตัวเป็นประจำ เพราะทำธุรกิจซื้อเศษยาง แต่คนตายเป็นคนนิสัยดี ใจเย็น สุขุม มารยาทดี และไม่เคยทำร้ายตัวเองมาก่อน โดยก่อนหน้านี้นายจรูญเคยพูดเป็นลางกับน้องสาวว่า “หากมีอันเป็นไป ฝากลูกชายด้วย” แต่กลายเป็นว่า นายจรูญเป็นคนพรากลูกชายไปอยู่ด้วยเอง
