กรณีนางสาวชลธิชา จินดาวงค์ อายุ 29 ปี ถูกคนร้ายใช้ไขควงแทงคอและหน้าอก รวม 11 แผล เสียชีวิตในบ้านพัก หมู่ 3 ต.บ้านลำนาว อ.บางขัน จ.นครศรีธรรมราช โดยคนร้ายขโมยเงินในกระปุกออมสิน 5,000 บาท หนีไปด้วย เหตุเกิดเวลา 01.30 น. วันที่ 11 เม.ย.63 ที่ผ่านมา
ล่าสุด วันที่ 2 มิ.ย.63 พล.ต.ต.สนธิชัย อาวัฒนกุลเทพ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช บอกว่า คดีนี้มีพนักงานสืบสวนหลายหน่วยลงมาตรวจสอบข้อเท็จจริง ทั้งสืบสวน สภ.บางขัน สืบสวนจังหวัด และสืบสวนตำรวจภูธรภาค 8 ใช้เวลารวบรวมข้อมูล ทั้งหลักฐาน พยานบุคคล และพยานแวดล้อมต่าง ๆ จนเชื่อได้ว่า นางประทีป จินดาวงศ์ แม่บังเกิดเกล้า วัย 54 ปี เป็นคนลงมือฆ่าลูกสาวตัวเอง จึงสรุปหลักฐานทั้งหมดนำเสนอต่อศาลจังหวัดทุ่งสง เพื่อขอออกหมายจับ ต่อมา นางประทีป ได้เข้ามอบตัว พร้อมใช้หลักทรัพย์ 200,000 บาท ประกันตัวออกไป
โดยพนักงานสอบสวน สภ.บางขัน พิจารณาแล้วว่า เป็นเรื่องในครอบครัว ผู้ต้องหาไม่น่าจะหลบหนีไปไหน อย่างไรก็ตาม จากการสอบปากคำเบื้องต้น นางประทีป ให้การปฏิเสธ แต่ตำรวจมีทั้งพยานหลักฐาน พยานแวดล้อม รวมถึงพฤติการณ์ของผู้ต้องหาที่ผิดปกติหลายอย่าง อีกทั้งสอบปากคำญาติใกล้ชิด ซึ่งมีความเชื่อเช่นเดียวกับพนักงานสอบสวน ส่วนมูลเหตุเบื้องต้น มาจากความขัดแย้งภายในครอบครัวเรื่องทรัพย์สิน
ทีมข่าวได้เดินทางไปยังบ้านที่เกิดเหตุและเป็นบ้านของผู้ตายและผู้ต้องหา พบว่าบ้านถูกปิดล็อคทั้งประตูและหน้าต่าง แต่มีรถจักรยายนต์จอดอยู่หน้าบ้าน พยายามเรียกคนที่อยู่ในบ้านแต่ไม่มีเสียงตอบรับแต่อย่างใด
นายวีรวัฒน์ พี่ชายผู้เสียชีวิต และเป็นลูกของผู้ต้องหา บอกว่า ส่วนตัวไม่เชื่อว่าแม่จะทำแบบนั้น ไม่มีสาเหตุที่แม่จะก่อเหตุ แม่กับน้องไม่เคยทะเลาะหรือกระทบกระทั่งกัน ประกอบกับแม่มีโรคประจำตัวแรงก็ไม่ค่อยจะมี จะไปสู้แรงของน้องที่ยังสาวได้อย่างไร ส่วนกรณีก่อนเกิดเหตุเงินของแม่หายไป 11,000 บาท อาจจะเป็นชนวนเหตุได้หรือไม่ เชื่อว่าเป็นไปไม่ได้ที่น้องจะขโมยของเงินแม่ เพราะวันที่เงินหายน้องยังมาถามว่ารู้ไหมว่าเงินแม่ถูกขโมย
ทั้งนี้ เชื่อว่าคนนอกเป็นคนก่อเหตุ เพราะแม่เคยไปทะเลาะกับคนในพื้นที่ หลังเกิดเหตุแม่เสียใจมากกับเรื่องที่เสียน้อง และยังต้องมารับชะตากรรมเป็นผู้ต้องหาทั้งที่ไม่ได้เป็นคนทำ ตอนนี้แม่เป็นผู้ต้องหาก็จริง แต่ยังมีขั้นตอนกระบวนการทางศาล หากศาลตัดสินไม่ฟ้อง นั้นหมายความว่าแม่ไม่ผิด จึงไม่อยากให้ใครตัดสินแม่ในตอนนี้
ข้อพิรุจหลายอย่างที่พบในคดีนี้ คือ ที่ศพคนตายพบบาดแผลที่ถูกแทงด้วยไขควง 11 รู ก่อนตาย 9 รู หลังจากตายแล้วอีก 2 คาดการณ์คนร้ายทั่วไปคงไม่กลับมาแทงซ้ำ
บานเกร็ดที่แม่อ้างว่าคนร้ายงัดเพื่อที่จะเข้ามาในบ้านนั้น จากการตรวจสอบพบว่าบานเกร็ดถูกถอดออกจากด้านในบ้าน ดังนั้นคงไม่มีคนร้ายคนไหนที่เข้าบ้านได้แล้วจะมานั่งถอดบานเกร็ด เพื่อบอกว่าตัวเองงัดบานเกร็ดเข้ามา
อาวุธไขควงที่ใช้แทงเป็นอาวุธที่อยู่ในบ้าน ถ้าเป็นคนร้ายคงไม่ทิ้งอาวุธไว้ในบ้าน เพราะเป็นหลักฐานสำคัญในการฆ่า
เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานและแพทย์สันนิฐานการตายเวลาประมาณ 00.00น. กล้องวงจรปิดจับภายที่แม่ขับรถออกไปสวนยางเวลาประมาณ 01.48 น. และกลับบ้านมาก่อน 09.00 น.นั้น หมายความว่าขณะที่ลูกตาย เป็นไปได้หรือไม่ว่าแม่อยู่ในบ้านด้วย นอกจากนี้ได้มีการสอบพยายนหลายปากยืนยันว่าแม่ทะเลาะกับผู้ตายมานานแล้ว ทั้งเรื่องมรดกที่พ่อทิ้งไว้ให้ และเรื่องเงินที่หายไป ทั้งนี้ยังมีหลักฐานพยานแวดล้อมอีกหลายอย่างในการประกอบสำนวนคดี และนำไปสู่การออกหมายจับครั้งนี้
ขณะที่ นายพิชอบ ช่วยพิทักษ์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 บ้านบางปริก ต.บ้านลำนาว อ.บางขัน บอกว่า แทบไม่เชื่อว่าผู้ที่ก่อเหตุจะเป็นแม่ของผู้ตาย ส่วนตัวยังคิดว่าเป็นคนนอกที่ก่อเหตุ ซึ่งชาวบ้านหลายคนก็ยังแคลงใจว่าเหตุใดเจ้าหน้าที่ถึงออกหมายจับแม่ผู้ตาย แต่ถ้ามองในอีกมุมหนึ่งคือก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุ ผู้ต้องหาเคยไปบ่นกับคนอื่นว่าทะเลาะกับลูกสาว แต่ไม่มีใครคิดว่าจะเป็นมูลเหตุไปสู่การฆ่าลูกสาว
