ร่ำลือ! หนุ่มว่ายข้ามคลองปะเหลียนจมน้ำตาย ชาวบ้านเชื่ออาถรรพ์ตัวตายตัวแทน

26 พ.ค. 63

จากกรณีเมื่อช่วงค่ำของวันที่ 25 พ.ค. 63 พ.ต.ท.ชุมพล ด้วงคง สว.(สอบสวน) สภ.ปะเหลียน จ.ตรัง รับแจ้งเหตุมีคนจมน้ำเสียชีวิต บริเวณลำคลองปะเหลียน หมู่ 3 บ้านบ่อถ่าน ต.ท่าพญา อ.ปะเหลียน จ.ตรัง จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยสว่างภักดี สมาคมกู้ชีพร่วมใจ และหน่วยกู้ภัยทางทะเล จ.ตรัง กว่า 25 ราย

230821

พบชาวบ้านนับ 100 คนมายืนมุงดูเหตุการณ์ เจ้าหน้าที่ช่วยกันดำน้ำงมตามหา ใช้เวลาประมาณ 2 ชม. ก่อนจะพบเป็นศพชายเสียชีวิตกลางคลอง ลึกประมาณ 5 เมตร ทราบชื่อคือนายจักพงษ์ ผ่อนยิ่ง หรือ กรด อายุ 39 ปี สวมเสื้อยืดแขนสั้นสีแดง และกางเกงยีนส์ขายาว หน้าท้องมีรอยสักคล้ายรูปปลา 2 ตัว และบริเวณแขนซ้าย-ขวามีรอยสักดอกไม้

851875

นางปัญญา เอียดมิ่ง อายุ 63 ปี ชาวบ้านในพื้นที่ เล่าว่า ตนเป็นคนที่อาศัยอยู่ที่ตรงนี้มาแต่เดิม ซึ่งมีคนตายมาหลายรายแล้ว เมื่อก่อนเป็นคลองที่มีต้นไผ่ขึ้นสองฝั่งคลอง

555675

เมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา มีโครงการขุดลอกคลอง และทำเขื่อนกั้นตลิ่ง ชาวบ้านร่ำลือกันว่าที่ตรงนี้มีอาถรรพ์ ก่อนหน้านี้มีคนจมน้ำตายมาแล้วถึง 3 ศพ และศพนี้เป็นรายที่ 4 เชื่อกันว่าเป็นตัวตายตัวแทนกัน หากไม่มีใครตายวิญญาณของคนก่อนจะวนเวียนและไม่ได้ไปไหน

159288

นายสายัญ มาลยารม อายุ 65 ปี ชาวบ้านผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ผู้ตายจะเดินไปมาบริเวณนี้เป็นประจำ มักจะมาหาเพื่อนคอสุราอีกฝั่งคลองหนึ่ง ก่อนเกิดเหตุได้ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์เพื่อนบ้านมาที่บริเวณนี้ ซึ่งมีชาวบ้านมารวมตัวกันออกกำลังกายเป็นประจำทุกวัน

923552

ระหว่างนั้นผู้ตายเดินลงบันไดริมตลิ่งอีกฝั่งหนึ่ง ได้นำผักไห่ 1 มัดที่ถือมาบอกว่าจะให้ตน แต่ตนไม่เอา หลังจากนั้น ผู้ตายจึงเดินลงไปทางบันไดริมตลิ่ง แล้วเดินลงไปในน้ำ ขนาดคลองกว้าง 15 เมตร ลึก 3-4 เมตร แล้วว่ายน้ำข้ามไป

108257

ระหว่างทางช่วงกลางคลอง ห่างจากตลิ่งประมาณ 5 เมตร ปรากฏว่าผู้ตายได้จมหายลงไปใต้น้ำ หลังจากนั้นก็โผล่หัวขึ้นมาให้เห็น แล้วก็จมหายไปในน้ำ ตนเห็นตำตา ประมาณ 2 นาทีตนไม่เห็นผู้ตายไปขึ้นฝั่ง คิดจะว่ายน้ำลงไปช่วย แต่ก็ไม่กล้า เพียงแต่บอกเพื่อนบ้านที่มาออกกำลังกายให้ไปช่วย แต่ก็ไม่มีใครกล้าลง เชื่อว่าผู้ตายคงจะเสียชีวิตแล้ว จึงแจ้งไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ย่านตาขาว และหน่วยกู้ภัยช่วยกันค้นหาใช้เวลา 2 ชั่วโมง ก่อนพบศพ

 

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส