ยิ่งกว่าในหนัง! ลูกบุกจับพ่อควงปืนสั้น-ยาวถล่มแม่ ลงเฟซโชว์ “ยังไม่หายสนุก” (คลิป)

กรณีเมื่อกลางดึกวันที่ 3 พ.ค.63 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา นำกำลังสายตรวจชุดสืบสวนและหน่วยกู้ภัยฉะเชิงเทรา เข้าตรวจสอบเหตุยิงกัน มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 คน ถูกยิงที่ไหล่ขวาและกลางหลังจำนวน 2 นัด กระสุนฝั่งใน ทะลุปอดได้รับบาดเจ็บสาหัส ทราบชื่อคนเจ็บ คือ นางประโลม อายุ 51 ปี จึงนำตัวส่ง รพ.บางปะกง 

ทราบชื่อคนก่อเหตุ คือ นายธนโชติ บำรุงญาติ หรือ ป้อม อายุ 44 ปี ก่อนถูกตำรวจไล่ล่า แล้วรถประสบอุบัติเหตุพลิกคว่ำ จึงควบคุมตัวได้ในที่สุด พร้อมของกลางปืนลูกซองสั้นไทยประดิษฐ์ 1 กระบอก และกระสุน อีกทั้งปืนยาวขนาด .22 อีก 1 กระบอก พร้อมกระสุน

ล่าสุดวันที่ 4 พ.ค.63 ทีมข่าวเดินทางลงพื้นที่ไปยังบ้านจุดเกิดเหตุ ในพื้นที่ ต.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นบ้าน 1 ชั้นยกสูง เปิดเป็นร้านขายก็วยเตี๋ยวและของชำ

นางอ้อม (นามสมมติ) อายุ 43 ปี อดีตภรรยาของนายธนโชติ คนก่อเหตุ เปิดเผยว่า ตนกับนายธนาโชติ คบหามานานกว่า 25 ปี แต่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา มักจะถูกนายธนโชติ ทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บบ่อยครั้ง กระทั่งปี 50 ตนกับนายธนโชติ ตัดสินใจเซ็นใบหย่า หลังจากนั้นนายธนโชติ ก็ไปมีแฟนใหม่อีกหลายคน โดยช่วงที่มีแฟนใหม่ ก็จะไม่มายุ่งเกี่ยวหรือพยายามตามง้อ แต่ช่วงไหนที่ไม่มีผู้หญิงมาติดพัน ก็จะพยายามเข้ามาตามง้อและขอคืนดี โดยทุกครั้งที่มาก็จะอยู่ในอารมณ์หัวร้อนอาละวาดส่งเสียงดัง

กระทั่งต้นปี 63 นายธนโชติ ก็เริ่มกลับมาง้อขอคืนดีอีกครั้ง และมีความพยายามหนักมากยิ่งขึ้น แต่ตนตอบกลับไปว่า "เป็นแบบนี้ ก็ดีอยู่แล้ว เป็นเพื่อนกัน ช่วยกันดูแลลูกจะดีกว่า" จึงทำให้นายธนโชติ เกิดความไม่พอใจ และเกิดความเข้าใจผิดว่า ตนไม่ชอบผู้ชายแล้ว แต่หันไปชอบผู้หญิงด้วยกัน เพราะส่วนใหญ่แล้วตนก็จะมีแต่เพื่อนผู้หญิงที่ไปไหนมาไหนด้วยกัน แต่ก็ไม่ได้มีอะไรเกินเลย หรือคิดในแนวเชิงชู้สาว เพราะเป็นพี่น้องด้วยกันทั้งหมด

ทั้งนี้ภายหลังที่นายธนโชติ พยายามขอคืนดี แต่ก็ไม่เป็นผล จึงขู่ไว้ว่า “จะยิงให้ตายยกครอบครัว” ซึ่งคำพูดนี้ไม่ได้เกิดเพียงแค่ครั้งเดียว มีการข่มขู่มาโดยตลอด และยังมีอีกหลายครั้งที่นายธนโชติ นำปืนมาอวดให้เห็นว่ามีปืน พร้อมจะก่อเหตุได้ทุกขณะ จากนั้นเมื่อตนเห็นว่านายธนโชติ มีปืน จึงพยายามวางตัวใหม่ อยู่ให้ห่างมากขึ้น เวลาที่นายธนโชติ มาหาเรื่อง ก็จะพยายามนิ่ง ไม่โต้เถียง ไม่ปะทะคารม เพราะกลัวปืน แต่ก็ถูกนายธนโชติ เข้ามาหาเรื่องแบบรายวัน สุดท้ายลูกชายคนโต วัย 23 ปี ทนกับพฤติกรรมพ่อไม่ไหว จึงมีปากเสียงกับพ่อ “พวกผมจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับพ่อ จะไม่ไปอยู่กับพ่ออีก ถ้ายังมีพฤติกรรมแบบเดิม” จึงทำให้นายธนโชติ เกิดความโกรธ

ในวันที่ 3 พ.ค.63 นายธนัชโชติ ย้อนกลับมาพร้อมกับอารมณ์ดีขึ้น โดยมีการซื้อปลานิลมาให้ครอบครัว แต่ตอนที่มาถึงบ้าน ไม่เจอตน เพราะขณะนั้นตนไปเดินเล่นอยู่ภายในหมู่บ้าน ไปพูดคุยอยู่กับกลุ่มเพื่อนบ้าน ทำให้นายธนโชติ เกิดความเข้าใจผิดว่าตนไปอยู่กับแฟนใหม่ หรือไปเที่ยวกับคนอื่น จึงก่อเหตุทุบกระจกห้องนอน และก่อเหตุดราดยิงคนในบ้านได้รับบาดเจ็บ

โดยร่องรอยความเสียหาย อาทิ กระจกหน้าต่างและตู้ก๋วยเตี๋ยว หน้าร้านขายของชำ แตกเสียหาย จากกระสุนปืน, กระจกหน้าบ้านแตกไป 2 บาน จากกระสุนปืนที่กราดยิงมั่ว และใช้ด้ามปืนมาทุบทำลาย, กระจกห้องนอนหลังบ้านแตกเสียหาย 1 บาน ถูกจอบทุบทำลาย

ส่วนโรงรถหลังบ้าน มีรถกระบะเสียหายรอบคัน เนื่องจากนายธนโชติ ขับชนกำแพงและไฟรถแตกเสียหาย ส่วนเสาปูนขอบวงกบประตู หน้าต่าง และเครื่องใช้ไฟฟ้า ยังมีร่องรอย ของกระสุนปืนอีกหลายจุด

สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนไม่คิดว่านายธนโชติจะตัดสินใจยิงญาติพี่น้องในครอบครัว ยิ่งมั่ว ไม่เลือกหน้า เพราะก่อนหน้านี้ก็ถือว่าเป็นคนดีคนหนึ่ง เพียงแค่เป็นคนอารมณ์ร้อนเท่านั้น แต่หลังจากนี้อยากให้เป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย เพราะไม่คิดว่าอดีตสามีจะก่อเหตุแบบนี้ แม้ที่ผ่านมาเจ้าตัวจะก่อเหตุผิดพลาดอะไรมาแล้วก็ตาม แต่ตนก็ให้อภัยมาโดยตลอด ซึ่งสำหรับเหตุการณ์ครั้งนี้ยืนยันว่าจะไม่ให้อภัย และยังคงโกรธต่อพฤติกรรมที่มีการกราดยิงแบบไม่เลือกหน้า ยิงได้แม้กระทั่งเด็ก หรือคิดที่จะยิงแม้กระทั่งลูกของตัวเอง

ส่วนอาการล่าสุดของนางประโลม พี่สาวของตน หลังจากถูกนายธนโชติยิงเข้าที่ด้านหลังและหัวไหล่ ทำให้ได้รับบาดเจ็บสาหัส ได้รับการผ่าตัดแล้ว แต่ยังคงมีเลือดไหลบริเวณปอด เนื่องจากปอดทะลุ กระสุนยังฝังใน โดยอาการยังคงน่าเป็นห่วง

จากนั้นเมื่อตรวจสอบไปยังเฟซบุ๊กของนายธนโชติ คนก่อเหตุ ได้โพสต์เรื่องราวที่เกิดขึ้น ระหว่างที่มีการกราดยิงดังกล่าว ลักษณะก่อเหตุไปแล้วก็โพสต์ข้อความไป อาทิ ”กูมีปืนของเล่น 2 กระบอก ยังยิงไม่สะใจเลย ขออีกหน่อยได้ปะ”

หรือ “ทำไม พวกมึงวิ่งเร็วจัง” หรือ “วันนี้มึงรอด แต่วันหน้ามึงเจอกู”

หรือ “เดียวพรุ่งนี้กูจะไปมอบตัว กูไม่อยากฆ่าใครอีก เข้าใจตรงกันนะ” และ “รักนะ ความ...ของพวกมึง”

ขณะเดียวกันทีมข่าวยังได้พูดคุยกับนายภูมิ (นามสมมติ) อายุ 23 ปี ลูกชายคนโตของนายธนโชติกับนางอ้อม ในฐานะคนที่พาตำรวจไปไล่จับผู้เป็นพ่อ เมื่อคืนที่ผ่านมา เปิดเผยว่า ตนไม่คิดว่าพ่อจะตัดสินใจไล่ยิงญาติพี่น้อง เพราะก่อนหน้านี้แม้ว่าจะมีการข่มขู่ แต่ก็ไม่คิดว่าจะกล้าก่อเหตุ แต่ก็เชื่อว่าเหตุผลหนึ่งที่ทำให้มีความกล้าในการก่อเหตุนี้ เป็นเพราะอยู่ในอาการมึนเมา ซึ่งเรื่องของอาวุธปืน เป็นสิ่งที่พ่อชอบสะสม และใช้เอาไว้สำหรับป้องกันตัวและดูแลบ่อกุ้งบ่อปลาที่มักจะมีคนเข้าขโมยบ่อยครั้ง แล้วยังเห็นว่าพ่อมักจะเป็นคนชอบซื้อปืนและลูกกระสุนปืนเก็บไว้จำนวนมาก

แต่ภายหลังที่พ่อตัดสินใจก่อเหตุยิงแบบไม่เลือกหน้า ยิงได้แม้กระทั่งคนในครอบครัว และไล่ยิงแม้กระทั่งลูกของตัวเอง ก่อนจะขับรถหลบหนีและเกิดอุบัติเหตุดังกล่าว ส่วนตัวจึงรับพฤติกรรมของพ่อไม่ได้ ไม่เช่นนั้นตนก็คงจะไม่อาสาพาตำรวจไปไล่จับพ่อของตัวเอง ซึ่งพฤติกรรมของพ่อเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ จึงจำเป็นต้องรับโทษตามกฎหมาย กลัวว่าจะกลับมาก่อเหตุซ้ำ แล้วมีผู้เสียชีวิตเกิดขึ้นซ้ำเหตุการณ์ครั้งนี้

นายภูมิ บอกว่า ถ้าหากพ่อพ้นโทษแล้ว จะมีการให้อภัยหรือให้กลับมาคบกับแม่อีกครั้งหรือไม่ ขอให้เป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นหลังจากนี้ และขอให้มีการพูดคุยกันก่อน แต่ตนยืนยันว่า “ยังคงรักพ่อเหมือนเดิม” ส่วนกรณีที่พ่อเกิดความหึงหวง เข้าใจผิดว่าแม่ไม่ได้ชอบผู้ชาย หันไปคบกับผู้หญิงด้วยกันนั้น นายภูมิ ยืนยันว่า แม่ไม่เคยมีพฤติกรรมลักษณะนั้น

อย่างไรก็ตาม นายภูมิ ยังบอกอีกว่า นอกจากพฤติกรรมความรุนแรงของพ่อ ที่มักจะทำร้ายร่างกายแม่ ตนเองและน้อง ยังเคยถูกพ่อเตะ และทำร้ายร่างกายด้วย เพราะบางครั้งตนในฐานะลูกชายคนโต พยายามเข้าไปห้ามปรามไม่ให้พ่อกับแม่ทะเลาะกัน แต่พ่อก็ยังย้อนกลับมาเตะหรือทำร้ายตนเป็นประจำ ดังนั้นจึงอาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้แม่ไม่ทนพฤติกรรมของพ่อ แล้วมีการตัดสินใจแยกทางกัน ซึ่งการตัดสินใจดังกล่าวก็ขึ้นอยู่กับแม่และพ่อ เพราะเป็นเรื่องของคน 2 คน

วันเดียวกันนี้ ทีมข่าวยังได้เดินทางไปที่ ต.พรหมเทพรังสรรค์ จ.ฉะเชิงเทรา พบกับนางปนัดดา พรหมวัง อายุ 41 ปี น้องสาวคนก่อเหตุ บอกว่า ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงประมาณกลางเดือนเม.ย.63 นางอ้อม ก็ยังมานอนที่บ้านหลังนี้ โดยมีลักษณะไปมาหาสู่กันตามปกติ แม้ว่าทั้งคู่จะหย่าร้างกันแล้ว แต่เป็นเพียงแค่ในนามเท่านั้น เพราะเนื่องจากนางอ้อม มีธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ มีการก่อสร้างบ้านจัดสรร ดังนั้นจึงเป็นข้อตกลงระหว่างนายธนโชติ กับ นางอ้อม ที่จะมีการหย่าร้างกัน โดยหลังจากธุรกิจมีปัญหา หรือเกิดการล้มละลาย ก็ยังมีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดอยู่ต่อได้ แล้วไม่กระทบชีวิตครอบครัว จึงได้มีข้อตกลงที่จะหย่าร้างกันเกิดขึ้น แต่ก็ยังรักและไปมาหาสู่กันปกติ

หลังจากที่ธุรกิจของนางอ้อม เริ่มไปได้ดี แล้วมีเงินหมุน มีเงินใช้จำนวนมาก นางอ้อม จึงได้ให้นายธนโชติ ไปลาออกจากงานประจำ ซึ่งเคยทำงานอยู่ในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง เป็นพนักงานขับรถกูชีพฉุกเฉิน มีรายได้เลี้ยงครอบครัว แต่นางอ้อม ให้ไปลาออก แล้วให้มาอยู่ดูแลช่วยเหลือกิจการ กระทั่งช่วงประมาณ 2-3 ปี ญาติของนางอ้อม เริ่มเข้ามาอยู่อาศัยรวมเป็นครอบครัวใหญ่ เพราะเนื่องจากมีฐานะที่ดีขึ้น แล้วเวลาที่นายธนโชติ ไปหาที่บ้านก็ไม่สามารถที่จะหลับนอนหรืออยู่กับนางอ้อมได้ เนื่องจากมีญาติพี่น้องฝ่ายของนางอ้อมจำนวนมาก จึงไม่มีที่เพียงพอ นอนกอดเมียไม่ได้

รวมถึงเรื่องการใช้จ่าย ก่อนหน้านี้หลังจากที่นางอ้อม ให้นายธนโชติ ออกจากงานประจำ จึงใช้กระเป๋าเดียวกันกันนางอ้อม ซึ่งญาติก็เห็นการขอเงินใช้ของนายธนโชติ จึงเกิดความไม่พอใจ มีการใช้คำพูดเหยียดหยาม ทั้งที่ไม่รู้ความเป็นจริงของชีวิตคู่ ประกอบกับเริ่มมีการกีดกันไม่ให้นายธนโชติ เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับครอบครัว ห้ามไปขอเงิน จึงเป็นที่มาของความโกรธที่นายธนโชติ อดทนไม่ไหว แล้วตัดสินใจก่อเหตุดังกล่าว

ก่อนก่อเหตุนายธนโชติ เคยมาบอกกับตนว่า ฝากบ้าน ฝากช่วยดูแลเป็ดไก่ เพราะตนอาจไม่ได้อยู่ หรืออาจตายไปก่อน โดยคำพูดดังกล่าว ตนก็ไม่คิดว่านายธนโชติ จะไปก่อเหตุยิงคนอื่น กระทั่งทราบข่าวก็ค่อนข้างตกใจ แต่หลังจากที่เจ้าตัวไปก่อเหตุมาแล้ว ได้ย้อนกลับมาที่บ้าน มาเล่าความในใจให้ฟังว่า สิ่งที่ตัดสินใจก่อเหตุนั้น ต้องการที่จะยิงนางอ้อมให้ตาย แล้วจะยิงตัวตายตาม แต่ไม่ได้มีเจตนาที่จะยิงคนอื่น เป็นเพียงเพราะปืนสะบัด ทำให้ยิงพลาดไปถูกพี่สาวของนางอ้อมเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม นางปนัดดา น้องสาวของคนก่อเหตุ บอกว่า ขณะนี้ครอบครัวได้เตรียมหลักทรัพย์เอาไว้ 500,000 บาท โดยในวันที่ 5 พ.ค.63 จะยื่นขอประกันตัวและต่อสู้คดี ครอบครัวเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ก็อยากให้เข้าใจหัวอกของคนที่ถูกทำร้ายจิตใจ เพราะที่ผ่านมานายธนโชติ ถือเป็นคนดี มีอะไรไม่ยอมพูดกับครอบครัว แต่ก็ไม่เคยคิดร้ายกับใคร 

นอกจากนี้ยังปรากฏคลิปวิดีโอ ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเจรจากับนายธนโชติ ให้วางอาวุธที่ใช้ก่อเหตุ คือ จอบ แต่นายธนโชติ โต้เตียงและไม่ยอมฟังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก่อนที่นายธนโชติ จะก่อเหตุอีกรอบใช้ปืนกราดยิงคนในครอบครัวดังกล่าว