นับเป็นวันที่ 12 แล้วสำหรับภารกิจใจ ของ2 พี่น้องจิตอาสา "ท็อป-บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ และ ไทด์-เอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์” พร้อมด้วยทีมอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู ออกตระเวนเดินเคาะประตูบ้าน แจกเงินสดจำนวน 500 บาท ให้กับคนในชุมชนแออัดตามพื้นที่ต่าง ๆ ของกรุงเทพมหานคร ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มคนหาเช้ากินค่ำ ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ระบาด
โดยวันนี้ (18 เม.ย.) ทางทีมงานได้เดินลงพื้นที่บริเวณชุมชนวัดกันตทาราราม แขวงตลาดพลู โดยจะมีชุมชนย่อยออกไปอีก 2 ชุมชนคือ ชุมชนโรงเจ 1 และชุมชนโรงเจ 2 ทั้งหมดมีจำนวน 624 ครัวเรือน มีประชากรประมาณ 2,000 กว่าคน โดยที่ทางทีมงานได้เตรียมเงินมาจำนวน 5 แสนบาท
พี่ไทด์ เปิดเผยว่า สำหรับภารกิจวันนี้ก็เป็นเหมือนทุกวันที่ผ่านมา แต่วันนี้แอบเสียความรู้สึกนิดหนึ่ง เนื่องจากพอมาเจอสภาพชุมชนแล้วมองว่าบางบ้านยังสามารถช่วยเหลือตัวเอง ไม่ใช่กลุ่มคนที่เขาหาเช้ากินค่ำ เพราะเจตนารมณ์ของตนเองคือต้องการช่วยเหลือชุมชนแออัด
วันนี้เรามาเดินทางกัน 3 ชุมชน จะเป็นชุมชนพื้นที่ใกล้เคียงกัน ย่านตลาดพลู ธนบุรี โดยเตรียมเงินมาจำนวน 5 แสนบาท โดยบางบ้านเป็นห้องแถว บางบ้านเป็นห้องเช่า พอเราให้เงินห้องเช่า เจ้าของบ้านห้องแถวที่อยู่ติดกันกลับมาถามว่าทำไมถึงไม่ได้ ทั้งที่เขาเป็นเจ้าของบ้าน มันเลยทำมห้รู้สึกส่าเราลำบากใจที่จะแจก เพราะเจตนารมณ์ของเราคือคนที่หาเช้ากินค่ำ และชุมชนที่แออัด โดยที่เห็นภาพแล้วคือให้ทันที แต่วันนี้กลับทำมห้เรามีข้อแม้ในการสอบถามก่อนว่าบ้านนี้จะให้ไหม บ้านนี้ใช่หรือไม่ ซึ่งมันก็ทำให้เสียเวลาไปกับเรื่องดังกล่าว
นางสุจิตรา พรหมจรรย์ หรือ ป้าสุ วัย 67 ปี หนึ่งในชาวบ้านชุมชนดังกล่าว บอกว่า ตื้นตันใจมากแม้ว่าเขาจะเป็นแค่นักแสดงไม่ได้มียศหรือตำแหน่งทางสังคม แต่เขาเองก็ไม่เคยลืมประชาชน โดยตนเคยประกอบอาชีพรับจ้างตัดเย็บเสื้อผ้า ได้ค่าจ้างวันหนึ่งประมาณ 70-80 บาทอย่างต่ำพอซื้อข้าวซื้อไข่มาทอด แต่พอเจอสถานการณ์โควิด-19 ระบาดก็ทำให้ขาดรายได้ เพราะตั้งแต่โควิด-19 ระบาดเพิ่งทำงานได้เงิน 160 บาท
โดยเงินจำนวน 500 บาท ลำพังจะนำไปซื้อข้าวเหนียว หรือ ข้าวสาร มาเก็ยไว้ คาดว่า 500 บาทนี้สามารถใช้ได้เป็นสัปดาห์ เพราะข้าวเหนียวนึ่งทีหนึ่งก็สามารถกินได้หลายวัน ประจวบกับจะนำเงินจำนวนดังกล่าวไปซื้อเครื่องเคียงในการทำเเจ๋วปลาร้า และผักลวก เพราะส่วนตัวเป็นคนทานน้อย วันหนึ่งก็จะทาน 2 มื้อ ช่วงเที่ยงและเย็น
นางสิรีธร วังน้อย อายุ 45 ปี โดยสภาพบ้านที่ทีมข่าวเห็นจะเป็นห้องเช่าเล็กๆ ฝาผนังห้องกั้นด้วยไม่อัด มีเตียงประมาณ 5 ฟุตจำนวน 1 เตียง ข้างเตียงมีเครื่องช่วยพยุงเดินอยู่ข้างๆ โดยทาง "พี่เก๋" เล่าให้ฟังว่า ปกติที่ห้องดังกล่าวพักอาศัยอยู่กับสามี และลูกชาย อายุ 9 ขวบ โดยส่วนตัวป่วยเป็นเส้นเลือดในสมองตีบ และโรคแทรกซ้อนอย่างอื่น จนทำให้ตาข้างขวามองไม่เห็น และไม่สามารถเดินได้มานานกว่า 2 ปีแล้ว ส่วนตัวดำรงชีวิตด้วยการที่สามีเป็นคนเลี้ยงดู เพราะตอนนี้ไม่สามารถเดินและออกไปทำงานไม่ได้ มีเพียงแค่สามีคนเดียวเท่านั้นที่หารายได้ ยอมรับว่าตอนนี้เดือดร้อน เพราะสามีเองที่รับจ้างทั่วไป ก็ไม่มีงานจ้างในช่วงนี้ เนื่องจากสถานการณ์โรคระบาด ทำให้ไม่มีใครกล้าจ้าง
รู้สึกดีใจที่ได้รับเงินจำนวน 500 บาท ที่ "พี่ท็อป-พี่ไทด์" แม้ว่าหลายคนจะมองว่าเงินจำนวนดังกล่าวจะน้อยนิด แต่สำหรับพี่ มองว่ามันมีคุณค่ามาก สามารถเยียวยาชีวิตได้อีกหลายวัน โดยส่วนตัวคาดว่าเงินจำนวนดังกล่าวอาจจะนำไปซื้อข้าวและกับวันละ 100 บาท นำมาแบ่งกินเป็น 2 มื้อ หากคำนวณแล้วก็จะพออยู่ได้ 5 วัน
