จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก อยากดังเดี๋ยวจัดให้ V.Plus+ โพสต์คลิปวิดีโอปรากฏภาพชายรายหนึ่ง โดยที่มือซ้ายถือแท่งเหล็ก ส่วนมือขวากำลังราดน้ำมันบริเวณภายในบ้าน และมีการส่งเสียงด่าท่อ กลายเป็นกระแสวิจารณ์อย่าง ชาวโซเชียลฯ จึงคาดเดากันไปต่าง ๆ นานาว่าเป็นหนุ่มนักแสดงตลกอย่าง จั๊กกะบุ๋ม เชิญยิ้ม หรือไม่
ล่าสุดวันที่ 15 เม.ย.63 ทีมข่าวได้ลงพื้นที่ไปร้านอาหารบ้านสวนนึกสนุก by จั๊กบุ๋ม จ.ระยอง ซึ่งเป็นร้านอาหารกลางสวน ที่เกิดเหตุเป็นบ้านปูนชั้นเดียว
นางลดา เมลิส อายุ 49 ปี อดีตแฟนสาวของนายจั๊กกะบุ๋ม กล่าวว่า ในวันที่เกิดเหตุนั้น ตนไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ เนื่องจากถูกกักตัวอยู่ แต่ทางด้านฝ่ายชายได้ให้พนักงานโทรศัพท์หาตน
ส่วนสาเหตุที่ทะเลาะกันนั้น ไม่ใช่เรื่องหึงหวงตามที่จั๊กกะบุ๋ม คิด แต่ตนคิดในมุมมองของนักธุรกิจที่อยากให้ธุรกิจร้านอาหารดำเนินไปต่อ โดยให้หยุดจ้างพนักงานที่รับมาใหม่ 2 คน เพราะร้านขาดทุนไม่มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการ อีกทั้งเงินเดืนของพนักงานเก่าก็ยังไม่ได้จ่ายให้ครบ ติดค้างมาเป็นเวลา 2 เดือนแล้ว หากรับพนักงานมาใหม่ 2 คน โดยที่ไม่มีงานให้ทำ และตนต้องจ่ายให้ 2 คน วันละ 700 บาท
หลังจากเกิดเรื่องตนก็ไม่ได้เข้ามาที่ร้าน แต่ได้ไปแจ้งความที่สถานีตำรวจภูธรบ้านค่าย หลังจากนั้น 1 วัน ฝ่ายชายก็ได้มาเก็บของออกจากที่ร้านไป โดยนำของที่เป็นของตัวเองออกไป ส่วนข้าวของของตนนั้นเสียหายหมด จากนี้ต้องขายร้านเพราะต้องการเงินไปจ่ายหนี้
โดยก่อนหน้านี้ได้ทะเลาะกันเรื่องเด็กเสิร์ฟมาแล้วประมาณ 3 วัน ตนถูกด่าทอด้วยถ้อยคำที่ไม่สุภาพ และตั้งแต่ครบกันมาจะครบ 3 ปี ตนถูกทำร้ายร่างกายตลอด และยังมีหนี้มีสินเพิ่มมากขึ้น ประมาณ 4.6 ล้าน เรื่องค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ตนเป็นคนรับผิดชอบเองทุกอย่าง ฝ่ายชายอยากได้อะไรตนก็หาให้ ด้วยการนำรถยนต์ไปจำนำหรือบ้านก็นำไปจำนอง
เมื่อวันที่ 14 เม.ย.63 ที่ผ่านมา ฝ่ายชายโทรศัพท์มาด่าทอตนเรื่องรถเบนซ์ ว่าไม่ต้องมายุ่ง แต่ตนต้องยุ่ง เพราะชื่อผู้ครอบครองรถเป็นชื่อตน ทางเร่งรัดหนี้สินหรือบริษัทที่เกี่ยวกับรถต้องโทรศัพท์มาทวงหนี้ที่ตน ตนหวังดีที่จะพักหนี้ให้ ถ้าไม่อยากมีปัญหาก็ให้นำสัญญามาคุยกัน และขณะนี้ฝ่ายชายได้บล็อกทุกอย่างด้วย
อย่างไรก็ตาม ตนยังรักและยังห่วงจั๊กกะบุ๋ม ถ้าไม่รักก็คงไม่ทนจนถึงวินาทีสุดท้าย หรือทนให้ตีเป็นวัวเป็นควายและให้หมดตัว แต่เดิมฝ่ายชายเป็นคนที่น่ารักมาก ช่วงหลังหลับมีการด่าทอ อาจเป็นเพราะเรื่องหนี้สินที่มากขึ้น ทั้งนี้ตนอยากให้แฟนคลับที่มาด่าตน เสพข่าวและข้อเท็จจริงว่าสมควรหรือไม่ที่ฝ่ายชายทำลายข้าวของการทำมาหากินพังเสียหายแบบนี้ ส่วนคลิปที่จั๊กกะบุ๋ม บอกว่าจะออกมาแฉ ตนไม่กลัว เพราะตนพูดความจริง
ด้านจั๊กกะบุ๋ม เชิญยิ้ม เปิดเผยว่า ต้นเรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 23 มี.ค.63 ที่ผ่านมา ขณะนั้นตนกำลังนั่งคุยกันเรื่องงานกับทีมงาน นางลดา ก็ได้มาเซ้าซี้เรื่องมือถือเข้าเฟซบุ๊กไม่ได้ ไม่สามารถเห็นการไลฟ์สดของตน เข้ามาหาเรื่อง ตนเลือกที่จะอยู่เฉย ๆ แต่มาสะดุดหูด้วยถ้อยคำที่หยาบคายที่รุนแรง หลังจากที่ตนได้ยินก็ได้ถามกลับว่าเป็นอะไร ฝ่ายหญิงตอบว่า "มีสิทธิ์พิเศษเหลือเกิน ถึงต้องเติมน้ำมันให้มันกลับบ้าน" ตนจึงได้อธิบายให้ฟังว่า ตนเห็นเด็กเสิร์ฟเลิกงาน แต่ยังไม่กลับบ้าน และกำลังยืนกดมือถือ ตนเห้นจึงเดินเข้าไปถามว่าทำไมไม่กลับบ้าน เด็กเสิร์ฟตอบว่า รอพี่โอนเงินมาให้ เพื่อจะเติมน้ำมัน ตนได้บอกลูกน้องอีกคนไปขอเงินนางลดา มาให้
จากนั้นนางลดา ก็ชวนทะเลาะ ตนจึงโมโห ปาขวดปาแก้วทำร้ายข้าวของ ทั้งนี้นางลดา เดินไปเหยียบเศษขวดแก้วที่แตก จึงร้องให้คนไปช่วย บอกว่าตนไปทำร้ายร่างกาย โดยตนก็ยังได้อาศัยอยู่ที่นั้น แต่นางลดาได้หายไป 2 วัน ไม่รู้ไปไหน โดยเมื่อก่อนนี้ฝ่ายหญิงเป็นคนที่ดี แต่ช่วงหลัง ๆ มักจะเกิดความหึงหวงบ่อยครั้ง สร้างความปั่นป่วนทำลายชื่อเสียงให้กับตน
กระทั่งวันที่ 26 มี.ค.63 เวลา 10.00 น. เมื่อตนได้ตื่นนอนก็สั่งให้แม่ครัวทำกับข้าวเพื่อที่จะได้ทานพร้อมกับนางลดา ตนก็เห็นเด็กเสิร์ฟคนดังกล่าวใส่เสื้อผ้าชุดเดิม จึงได้ถามและทราบว่า เมื่อคืนนอนบ้านเพื่อน ตนก็ได้บอกแค่ให้รีบกลับบ้านไปเปลี่ยนชุดมาทำงาน จากนั้นนางลดา ได้โทรหาตน แต่ตนให้ลูกน้องอีกคนรับสาย โดยนางลดาได้โวยวายว่าเด็กเสิร์ฟ 2 คนนี้ได้สิทธิ์พิเศษกลับไปบ้าน และมีถ้อยคำที่ไม่สุภาพจากนางลดา พูดยั่วให้ตนโมโห ทำให้ตนทุบทำลายข้าวของและราดน้ำมัน แต่น้ำมันมันไม่สามารถติดไฟได้ เพราะเป็นน้ำมันไล่ยุง
ส่วนสาเหตุที่ตนกระทำนั้น เนื่องจากตนทำลายข้าวของให้เห็นตรงหน้าแล้วไม่สนใจ ก็เลยทำลายให้หมด และบ้านสวนหลังนี้ก็ห่างจากถนนใหญ่ประมาณ 5 กิโลเมตร ตนบริหารจนมีลูกค้าเข้ามาในร้าน และลูกค้าที่เข้ามาในร้านเพราะชื่อเสียงของตน แต่หลังจากเกิดเหตุ นางลดาได้นำภาพต่าง ๆ ไปโพสต์ลงเพจเฟซบุ๊กของร้าน ถือว่าทำลายชื่อเสียงของตน และทุบหม้อข้าวตัวเอง
สำหรับเรื่องการเงินนั้น ตนสามารถไปเบิกกับใครได้ เพราะไม่มีบิล ถึงแม้ว่าจะมีคนด่าว่าตนมีแต่สร้างหนี้ หลอกผู้หญิง ตนขอถามกลับ ถ้าใช้หนี้บ้าน ใช้หนี้ร้าน ตนจะได้อะไรกลับมา ส่วนที่มีหนี้สินมากขึ้นมานั้น เนื่องจากนำมาสนับสนุนพนักงานและร้าน ตอนนี้ตนได้รับผิดชอบหนี้สิน จ่ายวันละ 2.4 หมื่นบาท ตนต้องการความสุข ส่วนเงินนั้นไม่เกี่ยว ต้องช่วยกันหา แต่ขณะนั้นตนหาไม่ได้ ไม่ใช่ว่าตนไม่มีเงิน ตนมีงาน มีละคร มีรายการ หลังจากที่ตนมีเงินอยู่ในกระเป๋า 2 หมื่นบาท ตนก็นำเงินไปซื้อของมาแต่งร้าน ตนไม่ได้นำบิลไปเบิกกับใคร เพราะถือว่าที่ร้านเป็นบ้านของภรรยา
จั๊กกะบุ๋ม กล่าวต่ออีกว่า ส่วนที่นางลดา บอกกับทีมข่าวว่าตนเป็นนักธุรกิจ อยากให้ธุรกิจอยู่รอด ตนบอกว่าไม่เกี่ยว เพราะก่อนหน้านี้มีพนักงานออกไป 2 คน ตนจึงรับเข้ามาเพิ่มอีก 2 คน เพียงแต่ว่าเด็กที่ตนรับมาทำงานใหม่นั้นเป็นผู้หญิง ส่วนเด็ก 2 คนที่ออกไปนั้นเป็นสามีภรรยากัน นอกจากนี้จั๊กกะบุ๋ม ยังระบุว่า อย่าโกหกสังคม อย่าใช้มารยาหญิงหลอกสังคม มีอะไรให้มาคุยกับตนตรง ๆ หลังจากที่อยู่กินกันมาเกือบเป็นเวลา 3 ปี ตนไม่ได้ทำร้ายร่างกายนางลดา แต่มีสิ่งของกระเด็นไปโดน และเคยกระชากหัวออกมาถาม เพราะนางลดาหึงตนกับลูกค้า
ทั้งนี้ตนฝากบอกนางลดา ว่าไม่ต้องมารักตน ไปรักต้นไม้ ไปรักสัตว์ป่า ไปรักทุ่งลาเวนเดอร์ คนรักกันไม่ทำลายกัน กี่ครั้งแล้วที่ไปต่างจังหวัด ก็ไปกรี๊ดเสียงดังโวยวายโรงแรมแตกไปหลายโรงแรมแล้ว และมีหลายครั้งที่ชอบนำเรื่องของครอบครัวไปเล่าให้คนอื่นฟัง อย่างไรก็ตามตนได้ขนของออกมาทั้งหมดแล้ว
เมื่อวันที่ 14 เม.ย.63 ที่ผ่านมา นางลดา ได้โทรศัพท์หาตน กดดันตนเรื่องรถเบนซ์ที่ตนได้ไปจำนำไว้ แล้วนางลดา ได้พยายามไถ่ออกมา ถึงแม้รถจะเป็นชื่อของนางลดา แต่ตนเป็นคนจ่ายค่างวดเอง ตอนนี้ตนรอเงินแล้วจะเปลี่ยนสัญญา กดกัดตนต่าง ๆ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนมองว่าเป็นเรื่องของสามีภรรยา