เมื่อวันที่ 14 เม.ย.63 พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป.(ปราบปราม) ร่วมกันจับกุม น.ส.อัญชลีกร จันทร์สมคอย หรือ น.ส.อรพรรณ อายุ 42 ปี ผู้ต้องหา “ฆ่าผู้อื่น (หลบหนีไม่มาศาลตามนัด)” ตามหมายจับศาลจังหวัดชลบุรีที่ 41/2559 ลงวันที่ 4 ก.พ.59 ซึ่งในชั้นฎีกาผู้ต้องหาถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิต โดยจับกุมได้ที่หน้าหอพัก ย่านถนนแหลมฉบังสาย 2 ต.ทุ่งสุขลา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี
สืบเนื่องจากวันที่ 12 ธ.ค.51 เวลา 19.00 น. คนร้ายใช้อาวุธปืน .38 ดักยิงนางนิรมล จันทร์สุวรรณ อายุ 42 ปี อดีตเลขานุการสภา อบต.แห่งหนึ่ง จ.กำแพงเพชร เสียชีวิตที่ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ขณะที่นางนิรมล เดินทางมาหานายสมใจ จันทร์สุวรรณ อายุ 50 ปี ผู้เป็นสามี ส่วนคนร้ายได้ขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมกลุ่มคนร้ายที่ร่วมขบวนการทั้งหมด คือ นายพิพัฒน์พล ชมดี อายุ 22 ปี นายสราวุฒิ ศรีจันทร์ อายุ 24 ปี ส่วนมือปืนที่ลงมือฆ่าคือ นายวัชฤทธิ์ เจตสมมา อายุ 30 ปี ทั้งหมดให้การซัดทอดถึงน.ส.อัญชลีกร (ชื่อเดิม) ผู้ต้องหา ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น น.ส.อรพรรณ ผู้จ้างวานฆ่านางนิรมล
โดยนายวัชฤทธิ์ ทำทีไปสมัครงานบ้านนางนิรมล เมื่อจังหวะเผลอจึงใช้มือที่พกมายิงเข้าที่ศีระของนางนิรมล 3 นัด หลังจากนั้นขี่รถหลบหนี คาดว่าปมสังหารน่าจะเกิดจากอาการหึงหวงของน.ส.อัญชลีกร เป็นหลัก พนักงานสอบสวนจึงเรียกตัวน.ส.อัญชลีกร มาสอบปากคำจนยอมรับสารภาพว่า เป็นผู้จ้างวานฆ่านางนิรมล จริง
ขณะนั้น น.ส.อรพรรณ ให้การอ้างว่า ที่ผ่านมาถูกนางนริมล ต่อว่าและข่มขู่เป็นประจำ ได้รับแรงกดดันมาโดยตลอด เพราะตนนั้นเป็นเมียน้อย จึงตัดสินใจว่าจ้างทีมมือปืนเป็นเงินร่วมแสนบาท แต่เบื้องต้นจ่ายก่อน 60,000 บาท หลังจากนั้นอัยการนำตัวผู้ต้องหาส่งฟ้องศาล แต่ในปี 59 ระหว่างคดีอยู่ในขั้นพิจารณาของศาล น.ส.อัญชลีกร ได้หลบหนี ไม่ยอมเข้าร่วมฟังคำพิพากษาตามนัด
ดังนั้นศาลฯ จึงออกหมายจับ ต่อมามีประชาชนหวังดีแจ้งเบาะแสของ น.ส.อัญชลีกร ผ่านทางเพจกองปราบปราม จึงเข้าจับกุมตัวได้ดังกล่าว หลังจากที่หลบหนีมานาน จึงนำตัวผู้ต้องหาส่งศาล จ.ชลบุรี ดำเนินการตามกฏหมายต่อไป
ล่าสุดวันที่ 14 เม.ย.63 ทีมข่าวอมรินทร์เดินทางไปยังหอพักแห่งหนึ่ง ถนนแหลมฉบังสาย 2 ต.ทุ่งสุขลา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี หอพักที่น.ส.อัญชลีกร ใช้เป็นสถานที่หลบหนีและอยู่อาศัย
ทีมข่าวได้พบกับ นางสาวอ๋อย (นามสมมติ) อายุ 40 ปี ผู้เช่าอยู่ในหอพักดังกล่าว เล่าว่า ตนพบเห็นน.ส.อัญชลีกร มาเช่าอยู่ที่หอพักแห่งนี้กับสามีและลูกอีก 1 คนนานหลายปีแล้ว ทุกครั้งเวลาเจอหน้ากัน น.ส.อัญชลีกร ก็ไม่ได้ดูมีพฤติกรรมหรือมีพิรุธอะไรที่น่าสงสัย แต่ตนก็ไม่เคยพูดคุยอะไรกันแม้แต่ครั้งเดียว เนื่องจากปกติแล้วที่หอพักแห่งนี้ ผู้ที่เข้ามาพักอาศัยต่างก็ทำงาน เวลาเข้าออกไม่ตรงกัน ทำให้ผู้ที่พักอาศัยอยู่ที่นี่ไม่ค่อยได้พูดคุยหรือสุงสิงกันเท่าไหร่นัก
กระทั่งวันที่ 13 เม.ย.63 เวลา 17.00 น. ขณะที่ตนเลิกงานกลับเข้ามาที่หอพัก เห็นน.ส.อัญชลีกร และเจ้าหน้าที่ตำรวจยืนพูดคุยกันอยู่บริเวณหน้าหอพัก แต่ตนก็ไม่คิดว่า น.ส.อัญชลีกร จะโดนเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวไป เนื่องจากคดีเก่าที่มีติดตัวมา ส่วนตัวหลังทราบข่าวก็รู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะไม่คิดว่าจะมีคนที่มีคดีติดตัวมาอาศัยรวมกันอยู่ภายในหอพัก
อย่างไรก็ตามในฐานะเพื่อนมนุษย์ ตนคิดว่าน.ส.อัญชลีกร ทำไม่ถูกต้อง เพราะไม่ว่าจะเกิดปัญหา หรือขัดแย้งอะไรกัน ก็ไม่น่าจะถึงต้องฆ่ากัน
