ยายวัย 70 เปิดใจถูกหนุ่มตะบันหน้าไม่อภัยขอแจ้งจับ - ชาวบ้านสะใจปากดีจนเจอชก (คลิป)

จากกรณีแฟนเพจเฟซบุ๊ก Social hunter  ได้แชร์คลิปวงจรปิด ระบุว่าหญิงชราถูกทำร้ายแบบไร้เหตุผล โดยอธิบายเรื่องราวว่าแม่วัย 70 ถูกชายรายหนึ่งซึ่งลูกผู้มีอิทธิพลต่อยเข้าที่หน้า สาเหตุจากชายคนดังกล่าวไม่พอใจเพราะถูกทวงค่าตั๋วเรือ

วันนี้ (7 ก.ย.60) ทีมข่าวเดินทางมาที่ท่าเรือข้ามฟากวัดคลองเตยนอก ได้พบกับนางสมศรี อุ่นสกุลสุข อายุ 70 ปี หญิงที่ถูกชายในคลิปทำร้ายร่างกาย ซึ่งขณะที่ทีมข่าวเดินทางมาพบ นางสมศรียังคงมาขายตั๋วเรือตามปกติ โดยที่บริเวณดวงตาข้างซ้าย เบ้าตา ยังพบรอยเขียวช้ำและบวม รวมทั้งพบรอยข่วน และรอยถลอกตามแขนทั้ง 2 ข้าง นางสมศรี เผยว่า เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วง 6.00 น.ของวันนี้ ซึ่งตอนนั้นตนนั่งขายตั๋วอยู่คนเดียว ก่อนถึงช่วงเกิดเหตุชายที่ปรากฏในคลิปก็มากับเพื่อนอีก 2 คน ซึ่งชายรายนี้เป็นหลานของเจ้าของเรือ ปกติจะไม่ซื้อตั๋วซึ่งตนก็ไม่เคยว่าอะไร แต่เพื่อนที่มาด้วยกัน จะหยุดเพื่อซื้อตั๋วตามปกติ แต่ชายรายนั้นก็บอกว่าไม่ต้องซื้อแล้วก็เดินไป ตนก็ไม่ได้ว่าอะไร

จากนั้นทั้งหมดก็เดินไปเพื่อขึ้นเรือตามปกติ แต่หลังจากนั้น คนที่เก็บตั๋วเรือคงจะไปเก็บตั๋วพวกเขา จึงเกิดอาการไม่พอใจ จากนั้นก็ไล่ตีกัน จนมาถึงจุดขายตั๋วตรงที่ตนนั่งอยู่ ซึ่งตนเข้าไปรับเคราะห์เพราะตนพูดไปว่า "อย่าตีกันๆ" ชายรายนั้นก็พูดกลับมาว่า"มึงจะเอาไง" แล้วก็ต่อยเข้าที่ตนทันที ซึ่งยืนยันว่าถามแค่นั้น ยังไม่ทันได้คุยหรือถามอะไรนอกเหนือจากนั้น ซึ่งชายรายนี้ยังพยายามเอาขวดน้ำที่เป็นขวดแก้วปาใส่ตน โชคดีที่ตนหลบได้แต่ก็ยังโดนต่อยอีก ยืนยันว่าตนยังไม่ได้ด่าอะไร เท่าที่จำได้ตนถูกชกประมาณ 2-3 หมัด แถมตอนท้ายชายรายนี้ได้เอาขวดสุราขาวตีให้แตกเป็นปากฉลาม พยายามจะเอามาแทงตนอีก แต่โชคดีเพื่อนเขาลากไปก่อน จากนั้นก็ขึ้นเรือไป

นางสมศรี ระบุว่า ตอนนั้นจำอะไรไม่ค่อยได้ รู้แต่ว่าตอนโดนต่อยแทบจะสลบ รู้สึกเจ็บปวดมาก เพราะนอกจากถูกชกแล้ว ยังถูกฉุดกระชากตามตัวด้วย ก่อนจะถูกชกซ้ำอีก ส่วนตัวกับชายรายนี้ตนไม่เคยไปโกรธแค้นอะไรมาก่อน แถมยังรู้จักกันอีกด้วย ตนยังเคยช่วยเขาด้วยประมาณ 10 กว่าปีที่แล้ว ตอนนั้นชายรายนี้เคยถูกคนไล่ทำร้ายมา ซึ่งตนเข้าไปห้ามไว้ แต่ตอนนี้คิดเพียงว่ากรรมใครก่อก็ต้องรับผล ซึ่งตนก็ได้ไปแจ้งความที่ สน.ท่าเรือแล้ว จากนี้ก็จะมาขายตั๋วตรงนี้เหมือนเดิมเพราะไม่กลัว ถึงใครจะบอกให้ตนไม่ต้องมาขายแล้ว แต่ตนก็จะมา ส่วนตัวอยากถามว่ามาทำร้ายตนทำไม เพราะตนไม่ได้ทำอะไรให้ และไม่ได้เป็นคนทวงเงิน เพราะปกติคนมาตีกัน ตนก็จะพูดห้ามแบบนี้ ใครเป็นลมหรือตกน้ำ ตนก็จะช่วยเสมอ ไม่ได้บอกว่าตนใจดีแต่รู้สึกว่า "เพื่อนมนุษย์ด้วยกันต้องช่วย"

นอกจากนี้ทีมข่าวยังได้พบกับ นางมาลี ทิก่ำ อายุ 59 ปี คนเก็บตั๋ว ซึ่งผู้ก่อเหตุเป็นหลานของสามี เผยว่าช่วงเกิดเหตุตนเพียงเข้าไปมองดูตั๋วของเพื่อนผู้ก่อเหตุ เพราะปกติเขาจะซื้อตั๋วทุกครั้ง ซึ่งก่อนหน้าที่คนกลุ่มนี้จะมา ตนไปเข้าห้องน้ำจึงไม่เห็นว่าซื้อตั๋วหรือไม่ ตนเพียงเข้าไปมองดู แต่ยืนยันยังไม่ได้เอ่ยปากถาม แต่ชายผู้ก่อเหตุกลับไม่พอใจ ชักสีหน้าและเริ่มต่อว่าตนพร้อมบอก "มึงจะเก็บตังเพื่อนกูหรอ" และควักเงินออกมาบอก "มึงจะเอาเท่าไร"  ซึ่งตอนั้นเขาจะให้ตน 1,000 บาท ส่วนตัวคิดว่าจะเก็บแค่คนละ 5 บาท ตนจะเอามาเงิน 1,000 บาทมาทำไม ตัวเองไม่ได้ปัญญาอ่อน ส่วนตัวตอนนั้นก็ไม่เข้าใจว่าทำไม่ผู้ก่อเหตุถึงพูดแบบนี้ เพราะว่าเขาก็เป็นหลานของตน ตอนนั้นจึงตัดสินใจเดินหนีกลับไปตรงจุดเกิดเหตุ ตอนนั้นตนไม่ทันได้พูดอะไร เพียงเดินหนีขึ้นไปตรงห้องขายตั๋ว เพราะตอนนั้นตนคิดว่าเขาน่าจะเกรงใจเจ้าของท่าเรือบ้าง แต่ชายคนดังกล่าวก็เดินตามมา แล้วนำขวดน้ำพลาสติกขว้างใส่ตน ยืนยันว่าหญิงชราพูดเพียงว่า อย่าตีกันเท่านั้น หลังจากนั้นก็เกิดเรื่องทันที ซึ่งจากที่ตนสังเกตุชายคนดังกล่าวน่าจะมีอาการเมาเล็กน้อย เพราะปกติก็ไม่เคยมาก้าวร้าวกับตน ส่วนตัวก็กลัวแต่ยืนยันว่าตนไม่ผิด ซึ่งหลังจากนี้ตนคงจะไม่ไว้ใจอะไรหลานคนนี้แล้ว

ในเวลาต่อมาทีมข่าวทราบชื่อผู้ก่อเหตุว่าชื่อ นายวิทยา ดวงดี หรือตุ้ย เป็นคน ต.บางกะเจ้า ซึ่งอยู่อีกฝั่งของแม่น้ำเจ้าพระยา ทีมข่าวจึงได้นั่งเรือข้ามฟากจากท่าเรือวัดคลองเตยนอก ไปยังท่าแพเจี๊ยบ ต.บางกะเจ้า อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ แต่ไม่พบชายคนดังกล่าว แต่ได้สอบถามข้อมูลจาก นางจันทร์ (นามสมมติ) ชาวบ้านในชุมชนเดียวกับผู้ก่อเหตุ ระบุว่า คงเป็นเพราะคนเก็บตัวนิสัยไม่ดี มีปัญหาที่ชาวบ้านไม่ชอบหลายอย่าง ทั้งการใช้ตั๋ววนมานานกว่า 30 ปี  หรือไม่สามารถใช้เหรียญ 50 ที่แพนี้ได้ ทั้งบริการก็ไม่ดีทำให้คนแถวนี้ไม่ชอบ นางจันทร์ยังบอกว่า เหตุที่ยังต้องใช้บริการอยู่เพราะไม่มีทางเลือกอื่น ส่วนข่าวที่มีอยู่ขณะนี้ ที่นางสมศรีถูกชกนั้น ส่วนตัวคิดว่ามันน้อยไป เพราะมีบางกรณีถ้าใครมาขึ้นเรือเป็นกลุ่ม ต้องรวมเงินกันจ่าย จะจ่ายเงินเป็นรายบุคคลไม่ได้ นางสมศรีจะตะโกนร้องตาม เหมือนเรียกวัวเรียกควาย ระบุว่า "ก็ปากมันเป็นแบบนี้มันถึงได้โดน" ส่วนกรณีที่ระบุว่าชายรายนี้เป็นคนมีอิทธิพลนั้น ยืนยันว่าชายที่ก่อเหตุไม่ได้เป็นครอบครัวที่มีอิทธิพล อยู่อาศัยกันแบบพี่น้องทั้งหมด เพราะถ้ามีอิทธิพลจริงคงโดนหนักกว่านี้