ญาติเหยื่อโควิดรายที่ 6 คาใจ รพ.ตรวจไม่เจอเชื้อให้กลับ ทำคนในบ้านเสี่ยง เศร้าวัดไม่รับทำศพ (คลิป)

29 มี.ค. 63

จากกรณีเมื่อวันที่ 27 มี.ค.63 ที่ผ่านมา มีผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิด-19 เป็นหญิงวัย 55 ปี เสียชีวิตเป็นรายที่ 6 ซึ่งเข้ารักษาอาการเบาหวานที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ญาติของผู้เสียชีวิตจึงได้ตั้งข้อสังเกตว่า อาจจะติดเชื้อจากโรงพยาบาลฯ รวมถึงเกิดความแคลงใจปมการตรวจรักษาของแพทย์ที่อนุญาตให้ผู้เสียชีวิตกลับไปพักรักษาตัวที่บ้าน ทั้ง ๆ ที่มีอาการหนัก ล่าสุดศพของผู้เสียชีวิตยังถูกเก็บไว้ที่โรงพยาบาล และยังไม่ได้นำไปทำพิธีทางศาสนา

910286

วันที่ 29 มี.ค. 63 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวีลงพื้นที่ย่านโชคชัย 4 กรุงเทพฯ เพื่อพบกับครอบครัวของผู้เสียชีวิต แต่สามีและลูกทั้ง 3 คน ไม่สะดวกให้สัมภาษณ์ เนื่องจากครอบครัวทั้งหมดเป็นผู้ที่สัมผัสกับผู้เสียชีวิตโดยตรง ซึ่งยังอยู่ระหว่างกักตัว 14 วัน และรอผลตรวจหาเชื้อโควิด-19 มีเพียงน้องสาวของผู้เสียชีวิตที่ไม่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง

815602

โดย น.ส.ส้ม (นามสมมติ) อายุ 45 ปี น้องสาวของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า พี่สาวของตนเป็นโรคเบาหวานมากว่า 10 ปี และร่างกายไม่แข็งแรงมากนัก ประกอบอาชีพเป็นพนักงานบริษัทแห่งหนึ่ง แต่ช่วงประมาณ 1 เดือนก่อนหน้านี้ อาการเบาหวานเริ่มหนักขึ้น เป็นลมบ่อยจนต้องลางานมาพักรักษาตัวที่บ้าน กระทั่งวันที่ 10 มี.ค. 63 พี่สาวมีไข้อ่อน ๆ หนาวจนปวดกระดูก อาเจียน ท้องเสีย จึงเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล เนื่องจากมีสิทธิ์ประกันสังคม ได้เข้าห้องฉุกเฉิน แพทย์จึงได้ส่งตัวเข้าห้องไอซียู โดยได้ให้น้ำเกลือ ยาฆ่าเชื้อและใส่สายออกซิเจนที่จมูก ซึ่งมีแพทย์ดูแลอย่างใกล้ชิด แต่ขณะนั้นญาติยังสามารถเข้าเยี่ยมได้ โดยระหว่างนี้ก็มีสามีและลูก ๆ เข้าไปดูแลอย่างใกล้ชิด

312759

ต่อมาวันที่ 17 มี.ค.63 พี่สาวมีออกซิเจนในเลือดต่ำ แพทย์ได้มีการเอกซเรย์และห้ามไม่ให้กลับบ้าน ถัดมาวันที่ 18 มี.ค.63 ผลเอกซเรย์ออกมาเป็นปกติ แพทย์จึงให้กลับไปพักรักษาตัวที่บ้านในวันที่ 19 มี.ค.63 แต่ใบรับรองแพทย์ระบุไว้ว่า "ติดเชื้อรุนแรง" แต่ไม่ได้ระบุว่าเป็นเชื้ออะไร รวมพักรักษาตัวในโรงพยาบาลเป็นเวลา 9 วัน ซึ่งเมื่อกลับมาที่บ้าน พี่สาวได้ไปหาพี่สาวอีกคน และขอให้สระผมให้ ซึ่งเป็นอีกคนที่สัมผัวกับผู้เสียชีวิต

440534

ช่วงวันที่ 20-21 มี.ค.63 พี่สาวเริ่มมีอาการดีขึ้น ท้องเสียและอาเจียนน้อยลง แต่ผ่านไปแค่วันเดียว ในวันที่ 22 มี.ค.63 พี่สาวเริ่มอ่อนเพลีย หายใจไม่ทั่วท้อง และเข้าโรงพยาบาลอีกครั้งในวันที่ 23 มี.ค.63 เวลา 09.00 น. ซึ่งช่วงที่รอแพทย์ พยาบาลก็เห็นว่าพี่สาวอาการเริ่มหนักขึ้น ต้องนั่งรถเข็น จึงได้ส่งตัวเข้าห้องฉุกเฉินเพื่อตรวจอาการ หลังจากนั้นได้ส่งตัวเข้าห้องไอซียูทันทีและมีคำสั่งงดเยี่ยม จนกระทั่งวันที่ 26 มี.ค.63 ทางโรงพยาบาลโทรศัพท์มาแจ้งญาติว่าพี่สาวติดเชื้อโควิด-19 แต่หลังทราบผลเพียงวันเดียว พี่สาวก็เสียชีวิตลงในวันที่ 27 มี.ค.-63 โดยขณะนี้ศพยังถูกเก็บไว้ที่โรงพยาบาล รอปรึกษากับทางวัดเพื่อฌาปนกิจ

น.ส.ส้ม กล่าวต่อว่า ทางครอบครัวตั้งข้อสงสัยว่า แพทย์รู้ว่าพี่สาวติดเชื้อรุนแรง แต่ทำไมให้กลับไปพักรักษาตัวที่บ้าน ทั้ง ๆ ที่โควิด-19 ระบาดรุนแรง เหตุใดแพทย์ไม่กักตัวพี่สาวดูอาการให้ครบ 14 วัน ทั้ง ๆ ที่ร่างกายอ่อนแอและมีอาการใกล้เคียงกับติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งทางครอบครัวเชื้อว่าพี่สาวน่าจะติดเชื้อมาจากโรงพยาบาล เนื่องจากพี่สาวอ่อนแอและติดเชื้อง่าย อีกทั้งคนรอบข้างพี่สาวไม่มีใครติดเชื้อเลย ซึ่งหลังจากพี่สาวเสียชีวิต ญาติก็กังวลว่าจะติดเชื้อด้วย โดยขณะนี้ทุก ๆ คนได้แยกกันกักตัวเอง

867801

น.ส.ส้ม ยังบอกอีกว่า ขณะนี้วัดยังไม่รับฌาปนกิจ เนื่องจากต้องรอทางสำนักงานเขตมาฉีดยาฆ่าเชื้อที่ศพ ซึ่งเมื่อฉีดยาฆ่าเชื้อแล้วทางครอบครัวจะนำศพเผาทันทีโดยที่ไม่มีการสวดอภิธรรม ซึ่งทางครอบครัวก็ยังมีความเชื่อว่าการไม่สวดอภิธรรมจะทำให้วิญญาณจากไปอย่างไม่สงบ แต่ก็ต้องยอมรับในความเป็นจริง และเพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย เพราะตนก็หวั่นเกรงว่าจะมีผลกระทบต่อวัดและบุคคลรอบข้าง และประชาชนที่ไม่เข้าใจ

อย่างไรก็ตาม ตนก็อยากให้โรงพยาบาลเข้ามารับผิดชอบกับการที่ไม่กักตัวคนไข้ให้ครบ 14 วัน อีกทั้งอยากให้เห็นว่า ผู้ที่มีแค่สิทธิ์ประกันสังคมจะไม่มีสิทธิ์ตรวจเชื้อโควิดเลยหรือ นอกจากนี้ทางครอบครัวยังไม่ได้คำตอบจากทางโรงพยาบาลว่า เหตุใดถึงปล่อยให้พี่สาวของตนกลับไปพักรักษาตัวที่บ้าน เพราะแพทย์ที่ตรวจรักษาพี่สาวถูกกักตัวไปแล้ว

 

advertisement

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส