กรณีนายบุญโชค อายุ 34 ปี เป็นสายให้ตำรวจเกี่ยวกับแหล่งยาเสพติด โพสต์คลิปวิดีโอระบายลงบนโซเชียลฯ ร้องทุกข์และขอความเป็นธรรม อ้างว่าถูกตำรวจนายหนึ่งจ้างกลุ่มวัยรุ่นชาย 4 คน ให้มารุมทำร้ายร่างกายในวันที่ 24 ก.พ.62 หน้าสถานที่ทำงานของนายตำรวจรายนี้ พร้อมใช้ปืนตบที่ท้ายทอยและจี้ที่ศีรษะ และยังจับได้ใส่กุญแจมือซ้อม พาตัวไปกักขังในห้องขังเป็นเวลาครึ่งชั่วโมง อีกทั้งยังอ้างด้วยว่าตำรวจนายนี้แอบชอบภรรยาของเจ้าตัว และพยายามทำให้หย่าขาดกับภรรยา ตามที่ปรากฏบนสื่อออนไลน์นั้น
ล่าสุดวันที่ 23 มี.ค.63 นายบุญโชค เปิดเผยว่า ตนกับภรรยาและตำรวจนายนี้รู้จักกันมาก่อน และเคยมีเรื่องบาดหมางกัน แต่ตำรวจนายนี้จะให้ตนกับภรรยาหย่าขาดจากกัน จึงเรียกไปที่โรงพัก ก่อนจะมีเรื่องทะเลาะกัน แล้วใช้อาวุธปืนจ่อที่ศีรษะและตีท้ายทอยตนจนได้รับบาดเจ็บ ซ้ำยังถูกใส่กุญแจมือพาไปห้องสืบสวน ถูกทำร้ายจนบาดเจ็บตามร่างกาย ภายหลังจากการถูกปล่อยตัวออกมา จึงไปตรวจร่างกายที่ รพ.ตำรวจ รุ่งเช้าจึงไปแจ้งความเพื่อดำเนินคดีกับตำรวจคนดังกล่าว แต่ตำรวจที่รับเรื่องแนะนำให้ลงบันทึกประจำวันไว้เท่านั้น
ส่วนสาเหตุเนื่องจากตำรวจนายนี้เข้ามาในชีวิตส่วนตัวของตนกับภรรยา ซึ่งเวลาตนทะเลาะกับภรรยา ก็จะเข้ามายุ่งเกี่ยวตลอดเวลา จนทำให้เรื่องบานปลายสร้างความแตกแยกภายในครอบครัว อีกทั้งพยายามทำให้ตนและภรรยาหย่าร้างกัน ปัจจุบันตนกับภรรยาจึงต้องแยกกันอยู่ ดังนั้นตนอยากจะร้องขอความเป็นธรรมผ่านสื่อมวลชนไปยัง ผบ.ตร. ให้รับทราบเรื่องที่เกิดขึ้นด้วย
ทีมข่าวได้เดินทางไปพูดคุยกับผู้กองรายหนึ่ง กล่าวให้ฟังว่า นายบุญโชค เป็นสายตำรวจ ซึ่งจะคอยให้ข้อมูลเกี่ยวกับยาเสพติดกับตน เพราะตนรู้จักกับนายบุญโชค ตั้งแต่เดือน ต.ค.62 จนกระทั่งเดือน ธ.ค.62 นายบุญโชคได้จดทะเบียนสมรสกับภรรยา และได้พามาแนะนำตัวให้ตนได้รู้จัก
โดยตลอดระยะเวลาที่ตนได้รู้จักนายบุญโชคและภรรยา นายบุญโชคมักแอบเสพยาเสพติด มีปากเสียงและลงไม้ลงมือบ่อยครั้ง ตนจึงได้ตักเตือน แต่นายบุญโชค กลับคิดว่าตนมีพฤติกรรมแอบชอบฝ่ายหญิง กระทั่งวันที่ 24 ก.พ.63 ที่ผ่านมา นายบุญโชคได้มาหาตนที่ทำงาน ซึ่งตนเพิ่งกลับมาจากงานราชการ ตนจึงได้ว่ากล่าวตักเตือนไป ยืนยันว่าไม่ได้ทำร้ายหรือจ้างผู้ใดรุมทำร้ายนายบุญโชค ตามที่ถูกกล่าวอ้าง
ผู้กองรายนี้ ตั้งข้อสังเกตว่า หากจะรุมทำร้ายกัน คงไม่รุมทำร้ายกันที่ทำงาน ตามที่นายบุญโชค กล่าวอ้างอย่างแน่นอน เพราะเป็นสถานที่ราชการ ตนคงไม่นำตำแหน่งหน้าที่การงานของตนเองมาเสี่ยง
ทีมข่าวได้เดินทางไปยังสถานที่ที่นายบุญโชคและภรรยา เคยพักอาศัยอยู่ในช่วงเกิดเหตุ พบกับนางอุษา (นามสมมติ) ชาวบ้านในพื้นที่ เล่าว่า นายบุญโชค พักอาศัยอยู่ในสถานที่แห่งนี้มานานเกือบ 1 ปี ก่อนจะย้ายออกในช่วงสิ้นปี 62 โดยตลอดระยะที่ผ่านมา นายบุญโชค มักส่งเสียงดังและมีปากเสียงกับภรรยาเสมอ ๆ จนเพื่อนข้างห้องและชาวบ้านในพื้นที่ได้รับความเดือดร้อน เพราะทะเลาะกันเสียงดังมาก
ทั้งนี้ตนไม่รู้ว่านายบุญโชค เสพยาเสพติดหรือไม่ และตนไม่เคยสังเกตว่าภรรยาของนายบุญโชค มีแผลฟกช้ำตามร่างกายหรือไม่ แต่ตนเคยได้ยินเสียงฝ่ายหญิงร้องด้วยความเจ็บปวดเหมือนถูกทำร้าย
อย่างไรก็ตาม ครั้งหนึ่งที่นายบุญโชค ตบตีภรรยาจนสลบนอนแน่นิ่งไป นายบุญโชค จึงต้องวิ่งออกมาขอความช่วยเหลือจากชาวบ้านละแวกนี้ เพื่อขอร้องให้ไปช่วยพาภรรยาไปโรงพยาบาลอีกด้วย