บิ๊กต่าย รุดเยี่ยม ให้กำลังใจ น้อง ตร.หญิง

25 มี.ค. 67

บิ๊กต่าย รุดเยี่ยม ให้กำลังใจ ตร.หญิง ชี้ถูกเตะหัวเป็นอุุบัติเหตุ จากการฝึก กองร้อยน้ำหวาน สั่งตรวจสอบทุกขั้นตอน ชี้น้องยังอยากเป็นตำรวจ 

จากกรณีที่มี ข้าราชการตำรวจหญิงสังกัด กองบัญชาการตำรวจนครบาล โพสต์ข้อความอำลาลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว พร้อมระบุถึงการเข้ามาเป็นตำรวจ 1 ปี ถูกครูฝึกทำร้ายร่างกายจนเป็นจิตเวช และกลายผู้ป่วยโรคซึมเศร้า ตามที่มีการนำเสนอข่าวไป 

วันที่ 25 มี.ค. 67 ที่อาคารคุณวิสาร โรงพยาบาลตำรวจ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. รักษาราชการแทน ผบ.ตร. เดินทางมาเยี่ยม ส.ต.ต.หญิง คนธรส (ขอสงวนนามสกุล) ผบ.หมู่ ฝอ.4 บก.อก.บช.น. 

จากนั้น พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้ตำรวจหญิงคนดังกล่าวอยู่ในความดูแลของแพทย์ สามารถพูดคุยได้ และได้คุยกับตนหลายเรื่อง น้องสามารถโต้ตอบได้ปกติ 

สำหรับเรื่องสาเหตุนั้น ตนได้สั่งการให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว ซึ่งอาการเครียดของน้องมีหลายเรื่องตั้งแต่เด็ก และจากที่ปรากฎในโพสต์ก็เป็นรายละเอียดที่ปรากฎตามนั้น ตนได้บอกให้โฆษกตร. สั่งให้ ตชด.ตรวจสอบ และรายงานให้ทราบ ซึ่งเป็นเป็นกระบวนการตรวจสอบ 

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้การเป็นตำรวจนครบาลจำเป็นต้องมีการฝึก เพื่อไปประจำที่กองร้อยควบคุมฝูงชน เมื่อน้องไม่สามารถไปประจำได้ก็ต้องไปอยู่ฝ่ายอำนวยการของ บช.น. แต่พอน้องมีอาการก็ส่งมารักษาที่แผนกจิตเวช โดยมีอาการซึมเศร้า 

ซึ่งตนก็ได้ให้กำลังใจ เพราะน้องอยากเป็นตำรวจตั้งแต่เด็ก และเรียน รด.ด้วย เป็นคนที่เรียนเก่งมาก ได้เกียรตินิยม และอยากมารับราชการตำรวจ ซึ่งตนก็อยากได้คนแบบนี้มาเป็นตำรวจ ที่อยากเป็นตำรวจด้วยจิตวิญญาณของตัวเอง ตนก็พูดกับเขาว่าจะรอเขามารายงานตัวกับตน 

เมื่อถามว่า ขั้นตอนน้องเข้ามาฝึกก่อนเป็นตำรวจ หรือไปเป็นตำรวจแล้วมาฝึก พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า สอบเป็นตำรวจแล้วไปฝึก เมื่อถามต่อว่า ทำไม บช.น.ต้นสังกัด ต้องส่งไปฝึก ตชด. ในเมื่อ บช.น.ก็มีศูนย์ฝึกอบรม พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า เดี๋ยวตนไปตรวจสอบก่อนดีกว่าแล้เรามาดูกันว่าทุกอย่างเป็นไปตามหลักเกณฑ์หรือระเบียบอะไรอย่างใด ถ้าสิ่งใดไม่เหมาะสม หรือต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลง ก็ต้องปรับปรุงแน่นอน การฝึกอบรมใดๆ ทั้งการกิน การอยู่ การลาของผู้ถูกฝึกอบรมจะต้องอยู่ภายใต้การดูแลของ ผอ.หลักสูตรนั้น ที่ต้องบังคับบัญชาดูแลทั้งหมด 

เมื่อถามว่า จากที่โพสต์น้องระบุว่าถูกเตะที่ศีรษะ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า คุณแม่น้องเองเขาก็พูดว่าเป็นอุบัติเหตุจริงๆ แต่ตนไม่อยากไปถาม หรือพูดย้ำให้เขารู้สึกว่าเขาต้องย้อนกลับไปในภาพนั้น แต่แม่ระบุว่าได้คุยกับลูกทราบว่าเป็นอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจริงๆ ระหว่างจากฝึกจากเพื่อนที่ไม่ได้ตั้งใจ ไม่มีการลงโทษทำร้ายร่างกาย ส่วนการรักษาเรื่องการบาดเจ็บที่ศีรษะเรียบร้อยแล้ว 

เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้น้องเคยพยายามแสดงออกโดยการฟ้องสังคมและผู้บังคับบัญชา แต่มีข่าวว่าถูกผู้บังคับบัญชาระดับสารวัตรกีดกันไม่ให้นำข้อมูลมาเปิดเผยต่อสังคม พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า ตนยังไม่ได้รับการพูดคุยเรื่องนี้กับน้อง น้องไม่พูดเรื่องนี้เลย ส่วนที่พูดกับตนคือการมารับราชการ อยากเป็นตำรวจอย่างไร รู้สึกกดดันจากสภาวะจิตใจที่เป็นอยู่จากอาการซึมเศร้า ตนก็บอกน้องว่าไม่อยากให้เขาพึ่งพายารักษาโรค สิ่งที่ดีที่สุดก็คือตัวเขาเองที่จะรักษาตัวเขาเอง 

เมื่อถามว่า น้องป่วยเป็นโรคซึมเศร้าก่อนเป็นตำรวจหรือเป็นตำรวจก่อนป่วยซึมเศร้า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า ตนไม่ทราบว่าก่อนหรือหลังเป็นตำรวจ แต่ที่พูดคุย ทราบว่าเรื่มเป้นตั้งแต่ปรกฎออกทางสื่องว่ามีการโพสต์และจากการประเมินพบว่ามีอาการซึมเศร้า ตนไม่อยากไปตอกย้ำ หรือนำข้อความใดๆ ไปทำให้เขาถอยหลังความคิด เขาก็สัญญากับตนว่าจะดูแลคุณแม่ และคุณยายของเขาต่อไปให้ได้ และบอกเขาให้มารายงานตัวกับตนที่ทำงาน ซึ่งเขาก็มีรอยยิ้มมาเล็กน้อย ก็เป็นสัญญาณที่ดี เราก็ต้องช่วยกันประคับประคองไป เมื่อตนทราบเรื่องก็รีบมาดูเขาเลย 

เมื่อถามว่า จะมีการพิจารณาทบทวนหลักสูตรการฝึกหรือไม่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่าถ้าจำเป็นต้องเอารายละอียดมาดู และตั้งคณะทำงานขึ้นมาทบทวนปรับปรุงเราก็ต้องทำ เพราะโลกมันเปลี่ยนไปแล้ว

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส