พ่อค้ายาใช้เล่ห์หลอกตำรวจจะไปเข้าห้องน้ำ แล้วหลบหนีออกไปจากโรงพัก เจ้าหน้าที่ตำรวจ 30 นาย ตระเวนหา 3 ชั่วโมง เจอหลบอยู่ในห้องน้ำบ้านร้าง
นายเอกเสนีย์ มะโน ปลัดจังหวัดมหาสารคาม สั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครองจังหวัดมหาสารคาม วางแผนจับกุมตัว นายนิติภูมิ สีตุ้ยเลิง อายุ 22 ปีที่อยู่127หมู่ 12 ตำบลบรบือ อำเภอบรบือ จังหวัดมหาสารคาม หลังจากได้รับแจ้งชาวบ้านว่านายนิติภูมิ มีพฤติกรรมลักลอบขายยาบ้าให้กับกลุ่มวัยรุ่นสร้างความเดือดร้อนให้กับคนในหมู่บ้าน
เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองได้ล่อซื้อยาบ้าจำนวน 400 เม็ด ราคา 7,000 บาทได้นัดส่งยาบ้ากันที่ข้างสถานที่ก่อสร้างแห่งหนึ่งภายในหมู่บ้านโดยเจ้าหน้าที่ได้ปลอมตัวเป็นช่างปูนและดักรอจับกุมตัว
เมื่อนายนิติภูมิ นำยาบ้ามาส่งให้กับสายลับแล้ว จำนวน 400 เม็ดเจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเข้าจับกุมตัว และตรวจค้นตัวยาบ้าพบเพิ่มอีก 204 เม็ด ภายในตัวของนายนิติภูมิ รวมเป็นยาบ้า 604 เม็ด
นายนิติภูมิให้การยอมรับว่าเพิ่งรับยาบ้ามาจากนายสุวัฒนา สลิดกุล อายุ 27 ปี ชาวบ้านดงเค็ง บ้านเลขที่ 44 หมู่ที่ 17 ตำบลบ่อใหญ่ อำเภอบรบือจั งหวัดมหาสารคาม ส่วนเงินสดล่อซื้อได้มอบให้กับนายสุวัฒนาเรียบร้อยแล้ว เจ้าที่จึงให้นายนิติภูมิพาเจ้าที่ไปจับกุมตัวนายสุวัฒนาที่บ้านพัก โดยเมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึงพบนายสุวัฒนายืนอยู่บริเวณหน้าบ้านเจ้าที่จึงแสดงตัวเข้าตรวจค้นพบธนบัตรล่อซื้อจำนวน 5,000 บาท อยู่ที่กระเป๋ากางเกงข้างซ้ายของนายสุวัฒนา เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวทั้ง 2 คนนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.บรบือเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ในระหว่างการควบคุมตัวของพนักงานสวบสวนสภ.บรบือ ปรากฏว่านายนิติภูมิได้ใช้ไหวพริบขอเข้าหัองนํ้า ก่อนหลบหนีไป เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองและเจ้าที่ตำรวจต้องระดมกำลังพลออกติดตามตัวกว่า 30 นาย ใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมง จนพบว่านายนิติภูมิแอบหลบไปอยู่ในห้องน้ำ ภายในบ้านร้างแห่งหนึ่ง บริเวณริมหนองนํ้า เจ้าหน้าที่จึงได้พังห้องน้ำเข้าไปพบนายนิติภูมินั่งอยู่บนอ่างน้ำ เจ้าหน้าที่จึงได้นำตัวนายนิติภูมิออกมาและนำน้ำดื่มให้ดื่ม เนื่องจากนายนิติภูมิมีอาการอ่อนล้า
จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำตัวนายนิติภูมิส่งพนักงานสอบสวน พร้อมแจ้งก็ข้อกล่าวหาเพิ่มข้อหาหลบหนีระหว่างการถูกควบคุมตัวจากพนักงานเจ้าหน้าที่ตำรวจ
สำหรับสาเหตุที่นายนิติภูมิหลบหนีออกมาจากห้องขัง นายนิติภูมิให้การว่าตนเองถูกนายสุวัฒนาเจ้าของยาบ้าตัวจริง พยายามเกลี้ยกล่อมและข่มขู่ให้ตนเองรับว่ากระทำผิดแต่เพียงผู้เดียว ตนเองจึงเกิดความกลัวและหลบหนีออกมา
