พี่ชาย โกหมาส เชื่อน้องตายแล้ว ขอเจอกระดูกหรือร่างไร้วิญญาณมาทำบุญก็ยังดี

21 มี.ค. 67

พี่ชาย โกหมาส เจ้าของบ่อนไก่ชนที่หายตัวไปปริศนา เชื่อน้องชายเสียชีวิตแล้ว ตั้งความหวังไว้กับตำรวจขอเจอกระดูกหรือร่างไร้วิญญาณ มาทำบุญก็ยังดี

 

จากกรณีที่นายสำราญ สมหวัง อายุ 74 ปีร้องเรียนกับสื่อมวลชนว่า นายขนบ สมหวัง หรือ โกหมาส อายุ 56 ปี “เจ้าของสนามชนไก่สเตเดี้ยมสวี” น้องชายหายตัวไปพร้อมกับรถยนต์ฟอร์จูนเนอร์ สีขาว ทะเบียน กท 3424 ชุมพรเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2567 เวลาประมาณ 2 ทุ่มเศษ

ล่าสุด วันนี้ (21 มี.ค.67) ทีมข่าวอมรินทร์ทีวีได้เดินทางมาที่จ.ชุมพร นายสำราญ สมหวัง อายุ 74 ปี พี่ชายของนายขนบ สมหวัง หรือหมาส อายุ 56 ปี ผู้สูญหาย ได้เปิดใจกับทีมข่าวว่า หลังจากที่พบรถของน้องชายในป่าในเขตพิ้นที่ จ.นครพนม เเล้วนั้น พบว่าสภาพรถอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ดี ยังไม่ได้มีการชำแหละแยกชิ้นส่วน ทะเบียนรถยังอยู่ครบและรถมีการถูกล้างทำความสะอาดเเล้ว จึงไม่พบร่องรอยคราบเลือด อีกทั้งยังไม่พบเบาะเเสของน้องชายด้วย ยอมรับว่าตอนแรกตนเองรู้สึกดีใจที่อย่างน้อยพบรถของน้องชายแล้วคาดว่าจะพบตัวของน้องชายด้วย เเต่สุดท้ายก็ไร้วี่เเวว

ซึ่งไม่กี่วันต่อมา ตำรวจก็สามารถจับกุมตัวกลุ่มแก๊งลักรถของน้องชายได้ โดยมีผู้ชายใส่แว่น 1 คน เเละ ผู้หญิง 2 คน โดยผู้ชายคนนั้นชื่อนายชัย ชาวนครศรีธรรมราช ซึ่งตนเองไม่เคยรู้จักและไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน ไม่ทราบว่านายชัย คนนี้เคยรู้จักกับน้องชายของตนเองมาก่อนหรือไม่

ซึ่งจากการสอบถามข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทราบว่ากลุ่มลักขโมยรถให้การว่าในวันนั้นไม่ได้พบกับน้องชายของตน และไม่ทราบว่าน้องชายของตนหายไปไหน และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของน้องชาย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาลักทรัพย์ แต่เท่าที่ทราบเหมือนจะมีทนายมาช่วยในเรื่องการประกันตัวของกลุ่มบุคคลดังกล่าวออกไปแล้ว

ซึ่งตั้งแต่ที่น้องชายของตนหายตัวไปก็ได้สอบถามกับนางอ้วนภรรยาคนที่ 1 ของน้องชาย แต่อีกฝ่ายก็อ้างว่าตัวเองไม่รู้เรื่องและไม่เห็นว่าสามีหายตัวออกจากบ้านไปตั้งแต่ตอนไหน แต่ในคืนวันที่น้องชายของตนหายไปคือคืนวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ในวันนั้นนางอ้วน เล่าให้คนฟังว่า นายชัยเเละพวกมาหาที่บ้านด้วยเเละมานำรถไป ซึ่งตนก็บอกกับนางอ้วนไปตามตรงว่าตนเองรู้สึกติดใจสงสัยเขานะ อย่ามาโกรธกัน เพราะนางอ้วน คือคนสุดท้ายที่อยู่กับน้องชายตน ซึ่งนอกจากนางอ้วน ตนเองก็ติดใจสงสัยนางเก๋ด้วย

หลังจากนั้นตนเองก็พยายามจะติดตามคดีของน้องชายจากทางผู้การจังหวัดชุมพร และจากการสอบถามครั้งล่าสุด คือเมื่อประมาณ 10 กว่าวันที่แล้ว ทราบว่าตอนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ได้ทิ้งคดีของน้องชาย และยังคงพยายามอย่างเต็มที่ ที่จะลงพื้นที่สืบหาเบาะแสและรวบรวมข้อมูลอยู่

จนกระทั่งกลางคืนเมื่อคืนนี้ (20 มี.ค.67) ตนเองทราบข่าวว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายฝ่าย สามารถจับสัญญาณโทรศัพท์ ครั้งสุดท้ายของน้องชายได้คือไปพบอยู่ที่ป่าพื้นที่ ตำบลวังหิน อำเภอบางขัน จังหวัดนครศรีธรรมราช แต่จากการตรวจสอบพื้นที่ในละแวกใกล้เคียงกับพิกัดสุดท้ายกลับไม่พบร่องรอยหรือเบาะแสอะไรของน้องชายเลย ซึ่งตนยืนยันว่าพื้นที่ดังกล่าวไม่มีญาติของพวกตนอยู่ในละแวกนั้น แต่ตนเองก็ไม่ทราบว่าน้องชายจะเคยเดินทางไปละเเวกใกล้เคียงกับพื้นที่ดังกล่าวหรือไม่

ที่ผ่านมาตนเองพยายามทำทุกวิถีทางไปตามหาน้องชายตามที่ต่างๆ ทั้งบ้านญาติมาบ้านเพื่อนฝูงรวมถึงเพิ่งความเชื่อทางไสยศาสตร์หมอดูไปก็ไม่พบร่องรอยหรือเบาะแสอะไรของน้องชายเลย ตอนนี้ความหวังในการตามหาน้องชายของตนยังคงมีอยู่ แต่ตนก็เชื่อมั่นไปเกือบจะ 100% แล้วว่าจนถึงตอนนี้น้องชายของตนคงจะไม่มีชีวิตอยู่แล้ว แต่อย่างน้อยขอแค่ได้เจอร่างหรือโครงกระดูกของน้องชายเพื่อที่ครอบครัวจะได้นำกลับมาทำบุญตามพิธีกรรมทางศาสนาก็ยังดี ตอนนี้ต้องฝากความหวังไว้ที่ตำรวจอย่างเดียว

ทั้งนี้ทีมข่าวได้สอบถามข้อมูลนอกรอบจากญาติคนอื่นๆ ของนายหมาส ทราบว่า จริงๆ เเล้วเมื่อหลาย 10 ปีก่อน นายชัย (คนขโมยรถ) เเละนายหมาส เคยรู้จักกันมาก่อนในคุก ซึ่งนายหมาสออกมาจากคุกก่อน เเต่พอนายชัยออกมาจากคุก ก็เคยเเวะเวียนมาที่บ้านนายหมาสที่ชุมพรด้วย

อีกทั้งก่อนหน้าที่นายหมาสจะหายตัวไปไม่นาน นายชัย เดือดร้อนเรื่องเงินเเละเคยมาขอความช่วยเหลือบ่อยๆ จนกระทั่งญาติทราบมาว่า นายชัย เคยขอให้นายหมาสจัดงานชนไก่นัดพิเศษ เเละจะขอเงินทั้งหมด เเต่เหมือนนายหมาสจะไม่ได้จัดงานให้

ส่วนประเด็นที่นายชัยมาขโมยรถ พวกญาติๆ ก็ยังไม่ทราบว่าเป็นเพราะอะไร สอบถามนางอ้วน ภรรยานายหมาสที่เป็นคนสุดท้ายที่เจอผู้สูญหาย เเละเป็นคนได้เจอกับนายชัย ก็ไม่ค่อยให้ความร่วมมือมากนัก.

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส