“เอ๋ อรชัญญาช์” ภรรยาของ “เมฆ วินัย ไกรบุตร” เผยพระเอกหนุ่มทรมานจากอาการป่วยแต่สู้เพื่อครอบครัวมา 5 ปี เล่าความฝันก่อนวันที่จะจากไปตลอดกาล และคำพูดสุดท้ายบอกลาสามี ยืนยันกับครอบครัว ไม่ต้องกลัวจะตามพี่เมฆไป มีหน้าที่อยู่ดูแลลูกให้ดีที่สุด
วงการบันเทิงสูญเสียพระเอกมากฝีมือ “เมฆ วินัย ไกรบุตร” หลังจากการต่อสู้กับอาการป่วยจากโรคตุ่มน้ำพองมา 5 ปี ได้จากไปอย่างสงบ ด้วยอายุ 54 ปี จากภาวะความดันต่ำ และติดเชื้อในกระแสเลือด เมื่อช่วงกลางดึกของวันที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2567
โดย “เอ๋ อรชัญญาช์” ภรรยาของ “เมฆ วินัย ไกรบุตร” เผยว่า "ก็วันนี้รดน้ำศพวันแรกมันปุบปับ อยากทำให้ดีที่สุด ให้คนมาร่วมส่งพี่เมฆครั้งสุดท้ายค่ะ"
นอกจากนี้ยังเผยว่า "ตอนวันที่ 15 เขาหยุดหายใจไปแปปหนึ่ง แล้วถูกกระตุ้นให้ฟื้น หลังจากวันนั้นเขาก็แปลกไป เรียกมาหอมตลอดเวลา และบอกรักนะๆ แล้วเขาทำแบบนี้อยู่ 2-3 วัน แล้วเขาก็บอก เขาเหนื่อยยมากเลย ก็คิดว่าเขาเหนื่อยจากแผล ก็บอกให้เขานอนพัก เขาเข้ารพ. ล่าสุดวันที่ 18 เขามีอาการเกร็ง พี่ก็เรียกฉุกเฉิน หลังจากวันนั้นพี่กับเขาก็ไม่ได้คุยกันอีกเลย เขาก็ไม่มีสติอีกเลย (ร้องไห้)"
"ก็สังหรณ์ใจเหมือนกัน เพราะปกติพี่เมฆไม่เคยบ่นเหนื่อย จะบอกพี่ให้สู้ไปด้วยกันนะ เราก็ใจไม่ดี แต่ไม่คิดว่าเขาจะไป แค่คิดว่ารอบนี้อาจจะหนัก"
"พี่เมฆก่อนหน้านี้ เขาดีขึ้นช่วงหนึ่ง เขามีแผลเยอะ ก็ไปให้เลือดกับน้ำเกลือที่รพ. สายไหม คืนแรกที่เขาไป เขาฝันว่ามีคนบอกเขาว่า ให้รูดออกให้หมด เขาเลยรูดขาแขน เป็นแผลเต็มไปหมดเลย เขารูดผิวหนังเขาออกหมดเลย พี่ก็เดินไปดู เลือดท่วมเตียง พี่ก็เรียกพยาบาลมาดู ปรากฏว่าถุงให้เลือดก็ถูกดึงออก เขาก็หัวเราะ บอกเขาฝัน เขาขอโทษ"
"เมื่อคืนนี้ ถูกประเมินว่าติดเชื้อในกระแสเลือด เพราะอุณภูมิ 36 องศาตลอด ความดันเขาตก หัวใจเต้นช้าลง น้ำเริ่มท่วมปอด แต่ด้วยความดันตก ไม่สามาราถรีดน้ำออกจากปอดได้ มันอันตราย ก็เลยปล่อย พี่ก็อยู่กับเขาทั้งวัน อยู่จนเขาไป"
"หมอให้พี่เข้าไปคุย พี่ก็บอกกับเขาว่าให้เขาสู้ แต่ถ้าเขาสู้จน....(ร้องไห้) มัน 5 ปีเนอะ มันยาวนานแล้วเขาสู้เพื่อครอบครัวมาตลอด พี่ก็บอกให้สู้ถึงที่สุด แต่ถ้าไม่ไหว เหนื่อย พี่ก็พักนะ ก็พอแล้ว (ร้องไห้)"
"ก็ไม่ต้องห่วงแล้ว ขอให้พี่เมฆไปสู่ภพภูมิที่ดี พี่เมฆทำเพื่อครอบครัวมาเยอะมาก เป็นสามีที่ดี เป็นพ่อที่ดีของลูก พี่เมฆสร้างเป้าหมายที่ดีให้ลูกมาตลอด จากนี้ไปพี่ก็จะทำทุกอย่าง เขาวางแผนก่อนที่จะมีอาการหนัก เช่น วางแผนเปิดบริษัทเพิ่ม เริ่มมีการดิวกันแล้ว"
"สำหรับเรื่องการจัดคอนเสิร์ต ด้วยความที่พี่เมฆเป็นหัวหน้าครอบครัว เมื่อก่อนเขาเคยหาเงินได้ พอวันที่เขาป่วย เขาหาไม่ได้ เขาเครียดมาก เขาไปหยิบยืมเพื่อนบ้าง พี่น้องบ้าง เพราะเขาคิดว่าเขาต้องรับผิดชอบ จนวันหนึ่ง พี่ก็บอกเขาว่า เดี๋ยวพี่รับต่อเอง พี่ก็เป็นแบ็กมาให้มาตลอด เขาเริ่มเหนื่อย แล้วมาทำด้านหน้าแทน ส่วนพี่ก็ทำเพิ่มเพื่อให้มีรายได้"
"ส่วนเขาได้คุยกับพี่หนุ่ม (หนุ่ม คงกระพัน) ในเพื่อนช่วยเพื่อน บางคนบอกว่า ค่ายาของพี่เมฆไม่เยอะ แต่ค่าดูแลเขาแพง เพราะเขามีแผลทั้งตัว ต้องพาสเจอร์ อุปกรณ์ที่บ้านจะเยอะ คนใกล้ตัวจะรู้ พี่หนุ่มรู้ เพื่อนสนิทที่เคยมาบ้านจะรู้ว่ามันหนัก ซึ่งพี่เมฆพี่ไม่เคยให้รับรู้รายจ่าย แต่พอเขามารู้ เขาเครียด พี่หนุ่มเลยหาทางออก ว่าเงินก้อนนี้ จะเป็นค่ารักษาตัว แต่พอเข้ารพ. เอกชน ค่าใช้จ่ายสูง พี่หนุ่มก็บอกไม่ต้องเครียด ก็จัดคอนเสิร์ต"
"พี่เมฆเขาขอบคุณเพื่อนๆ ในวงการบันเทิงเสมอ ถ้าไม่ป่วยเขาไม่รู้เลยว่ามีคนรักเขาขนาดนี้ เพราะเขาเป็นคนไม่ค่อยพูด พูดก็ไม่ค่อยระวังด้วย พี่เมฆพูดเสมอว่าเขาไม่ได้ตั้งใจไม่ดีเลย ณ วันนี้ขอให้แฟนคลับทุกคนอโหสิกรรมให้พี่เมฆเนอะ พี่เมฆอ่ะ เขาอยากอโหสิกรรมด้วยตัวเองด้วยซ้่ำไป ก่อนจะล้ม พี่ก็ขอเป็นตัวแทนเขาขออโหสิกรรมให้ทุกคนที่คิดว่าคำพูดของพี่เมฆไปแทงใจ หรือบั่นทอน (ยกมือไหว้ ร้องไห้)"
"สำหรับเรื่องลูก พี่จะเป็นทั้งพ่อและแม่ให้เขา ทั้งเรื่องการศึกษาและอื่นๆ พี่จะทำให้มากกว่าเดิม อยากให้เขาเข้มแข็ง เพราะสิ่งที่พ่อเขาปูไว้ เขาเห็น และเข้าใจครอบครัว"
"เอาจริงๆ พี่ไหวเป็นช่วงๆ เวลาคิดถึงพี่เมฆ พี่ก็ไม่ไหว แต่เวลาพี่มองครอบครัวพี่ก็ต้องไหว จริงๆ พี่ไมได้เก่งเลยนะ พี่อยากจะปล่อยโฮ อยากจะกอดศพเขาไว้ อยากจะอยู่ข้างๆ ตลอดเวลา แต่พี่รู้ว่ามันจะทำให้คนรอบตัวเขา พี่น้องเขา แม่เขา ลูกๆ และพ่อแม่พี่ มีความเครียด"
"5 ปีที่เขาป่วย พี่ไม่เคยห่างเขาเลย พ่อแม่พี่ก็อาจจะกลัวพี่จะไปตามพี่เมฆ แต่บอกตรงนี้เลย เอ๋ไม่ไปตามพี่เมฆหรอก ไม่ต้องกลัวหรอก พี่มีหน้าที่ต้องดูแลลูกๆ ให้ดีที่สุด"
