นายทหาร-เมีย รวมหัวกับเจ้าหนี้ กักขัง ลูกน้อย 6 ขวบ ไม่ให้เจอแม่ ต่อรองให้ใช้เงิน

26 ก.พ. 67

แม่น้อง 6 ขวบ ร้องเพจเป็นหนึ่ง ถูกนายทหารพร้อมภรรยาและเจ้าหนี้ร่วมกันกักขัง และใช้ลูกของตนเป็นเครื่องมือต่อรองให้ใช้หนี้

วันที่ 26 ก.พ. 67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.ชลิดา พะละมาตย์ หรือต้นอ้อจากมูลนิธิเป็นหนึ่ง พร้อมด้วยนางสาวภัทรานิษฐ์ ก่อกุศล หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดนครราชสีมา นางสาวภัทรานิษฐ์ ก่อกุศล น.ส.ส้ม(นามสมมุติ) อายุ 34 ปี แม่น้อง 6 ขวบ เดินทางไปยังบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดนครราชสีมา เตรียมเดินทางเข้าพบแม่ทัพภาคที่ 2 เพื่อนำตัวเด็กออกมาจากค่ายทหาร

น.ส.ส้ม เปิดเผยว่าหลังจากหย่าร้างกับอดีตสามี ตนได้พาลูกไปฝากเลี้ยงกับเพื่อนของคุณน้าที่ตนรู้จักและสนิทสนมกันมามากกว่า 10 ปี ตนนับถือเหมือนพ่อแม่ของตัวเอง ซึ่งเพื่อนของน้า เป็นผัวเมียอยู่ในค่ายทหารแห่งหนึ่งใน จ.นครราชสีมา

การที่ตนเอาลูกไปฝากสองผัวเมียทหารเลี้ยง ตั้งแต่ต้นปี 2562 ตนมีค่าจ้างเลี้ยงดูแลลูก เฉพาะค่าจ้างเลี้ยงเดือนละ 10,000 บาท จ่ายตรงทุกเดือน ส่วนค่าใช้จ่ายทุกอย่าง ที่เกี่ยวกับลูก ทั้งของกินของใช้ ค่าเทอม ค่าเรียนพิเศษ ค่ากิจกรรม ตนเป็นคนดูแลเองทั้งหมด ไม่เกี่ยวกับค่าจ้างเลี้ยงดูรายเดือน สาเหตุที่ต้องจ้างคนอื่นเลี้ยงลูก เนื่องจากว่าตนต้องบินไปทำงานต่างประเทศทุกเดือน แต่จะกลับมาหาลูกทุกเดือน

ต่อมาปี 2563 ทางสามีภรรยาคู่นี้ ซื้อบ้านใหม่ ตนอยากให้ลูกอยู่สบายอีกทั้งยังอยากตอบแทนที่เลี้ยงดูลูกให้ตน เลยติดแอร์ ติดม่านให้ทั้งหลัง ทำประตูกระจกหน้าบ้าน โซฟาชุดครึ่งแสน บิ้วท์อินชั้นวางทีวี ซื้อบ้านน็อคดาวเงินสดราคา 5 แสนบาท วางในเขตรั้ว พื้นที่บ้านเขา และออกรถเก๋งมาสด้า 2 ให้สองสามีภรรยา ไว้ใช้ขับรับ-ส่งลูกไปโรงเรียน เพราะเป็นห่วงเขาจะเกิดอุบัติเหตุทางรถจักรยานยนต์ และเผื่อเวลาที่ตนกลับมาประเทศไทย อยากพาลูกไปเที่ยว 2-3 วัน ก็จะได้มีรถพาลูกไปพักผ่อน ซึ่งตนเป็นคนดาวน์ และเป็นคนผ่อนงวด แต่ใช้ชื่อนายทหารเป็นคนออกรถ

ทุกอย่างไปได้ด้วยดีทำงานเสร็จบินกลับไทยมาหาลูกอยู่กับลูก 2-3 วัน แล้ว ก็บินกลับไปทำงาน ช่วงหลัง ๆ เวลากลับไปหาลูก ตนขอใช้รถพาลูกไปเที่ยวไปพัก เขาก็บ่ายเบี่ยงที่จะให้ใช้รถ พอเป็นแบบนี้บ่อย ๆ ตนก็รู้สึกรำคาญ เลยออกรถอีกคันยี่ห้อ มาสด้า cx5 โดยที่ตนเป็นคนจ่ายค่าดาวน์และผ่อนเองทุกเดือน ทั้งยังคงต้องจ่ายค่างวดมาสด้า คันแรกที่ซื้อให้สองผัวเมียเหมือนเดิม

จนโควิดเข้ามาไม่สามารถทำงานได้ การเงินติดขัดเริ่มค้างค่างวดรถทั้ง 2 คัน ตอนนั้นทุกประเทศปิด ตนติดอยู่ที่ประเทศมาเลเซีย ก็ได้ปรึกษากับเพื่อนคนนึงชื่อ ม. เพื่อนคนนี้ใจดีมากตอนนั้นเพื่อนให้ตนยืมเงิน 220,000 บาท แต่มีดอกเบี้ยร้อยละ 15 บาทต่อเดือน วันเดียวกัน ม. ก็โอนตังมาให้หลังจากหักดอกเบี้ย และเคลียร์ยอดดอกรายวันอื่น ๆ โอนมาจำนวน138,200 บาท จากที่ตกลงกันยืม 220,000 บาท วันนั้นเราก็รีบโอนให้สองผัวเมียทหารทันทีราว 90,000 บาท เพื่อไปชำระค่างวดรถพร้อมค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ทันที

หลังจากนั้น ตนขาดการติดต่อกับ ม. ไปปีกว่า ๆ แต่ก็มีติดต่อไปบ้างระหว่างที่เงียบไป 6-7 เดือน โดยให้ภรรยาของนายทหารติดต่อให้ ขอผ่อนชำระ ครั้งนั้นได้คำตอบคือ ม.ไม่โอเค พร้อมบอกว่าถ้าเราจะเอารถ ก็เอา 3แสนมา เอารถไปไม่รับผ่อน โดยเสนอขอผ่อนชำระกับม. ทุกเดือน เดือนละ 20,000 บาท จนครบตามยอดที่ม.ต้องการ แต่ม.ไม่ยอมต้องได้280,000 บาท เท่านั้นถึงจะยอมคืนรถให้

หลังจากนั้นเขาไม่ยอมให้ตนติดต่อคุยกับลูก กักขังลูกไว้ กีดกันทุกอย่างข่มขู่อดีตสามี หนำซ้ำหนักกว่านั้นตอนนี้เขาบังคับลูกหนูหยุดเรียนไม่ไปส่งไปเรียนบอกเด็กให้โกหกคุณครูไปธุระต่างจังหวัด ทั้ง ๆ ที่ยังอยู่ที่บ้านหลังจากที่ตนมารู้ว่าทั้ง 3 คนรวมหัวกันใช้ลูกหนูเป็นเครืองมือกดดัน เลยอยากร้องขอความเป็นธรรมให้ลูกหนู ในส่วนหนี้สินตนยินยอมชดใช้ทั้งหมดแต่ไม่อยากให้เเอาลูกมาเป็นเครื่องมือในการต่อรอง

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส