อาการหนักจริง! โฆษกเพื่อไทย เผย อุ๊งอิ๊งค์บอก ทักษิณ ป่วยโรคกระดูกคอเสื่อม-เส้นเอ็นแขนเปื่อยยุ่ย แถมเป็นลองโควิดอีก
วันที่ 20 ก.พ. 67 ที่พรรคเพื่อไทย นาย ดนุพร ปุณณกันต์ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงข่าวถึงอาการป่วยของนาย ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า
ตนได้สอบถาม น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เนื่องจากมีประชาชนจำนวนมากมีความเป็นห่วง เพราะเห็นภาพออกจากโรงพยาบาลตำรวจ ในลักษณะอาการที่ต้องสวมใส่เฝือกดามคอ และคล้องแขนออกมาด้วยนั้น จึงอยากทราบว่าอาการของนายทักษิณนั้นเป็นอย่างไรบ้าง
จากที่ตนได้พูดคุยกับหัวหน้าพรรคเพื่อไทยนั้น ก่อนที่นายทักษิณจะกลับเข้ามาประเทศไทย เคยป่วยเป็นโควิด-19 จำนวน 3 รอบ โดยรอบแรกหนักสุดคือ ช่วงที่อู่ฮั่นกำลังระบาด มีอาการเจ็บป่วยเป็นเดือน อาการหนักเข้าโรงพยาบาล ห้องไอซียู ฉะนั้นการทำงานของปอดจึงไม่เต็ม 100 เปอร์เซ็นต์เหมือนคนทั่วไป และหลังจากนั้นยังได้ป่วยเป็นโควิด-19 อีก 2 รอบ และมีอาการลองโควิด ซึ่งมีอาการเยอะมาก เนื่องจากเป็นผู้ป่วยที่มีอายุ 70 กว่าปีแล้ว ฉะนั้นอาการลองโควิด จึงเป็นหนึ่งอาการที่รุมเร้านายทักษิณมาโดยตลอด
นาย ดนุพร กล่าวต่อว่า จากที่มีภาพนายทักษิณใส่เฝือกดามคอ ตนได้พูดคุยกับหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ซึ่งนายทักษิณ เป็นโรคกระดูกคอเสื่อม จากการตรวจแบบละเอียดที่โรงพยาบาลตำรวจ คือการตรวจแบบ MRI หมอแนะนำให้เข้ารับการผ่าตัด ถือว่าเป็นไปตามวัย แต่อดีตนายกรัฐมนตรีขอให้ออกมาก่อน แล้วค่อยกลับเข้าไปทำ เนื่องจากมีหลายโรคที่รุมเร้าอยู่
ส่วนที่มีภาพปรากฏในการคล้องแขนออกมา ตนก็ได้สอบถามหัวหน้าพรรคเพื่อไทยด้วยเช่นกัน ทราบว่าอดีตนายกรัฐมนตรีเป็นเส้นเอ็นเปื่อยยุ่ย ต้องได้รับการทำกายภาพ หลังจากนี้ไม่ต่ำกว่า 1 ปี จึงจะกลับเข้าสู่สภาวะปกติ โรคนี้เกิดขึ้นกับผู้ที่สูงอายุ และอีกสิ่งที่ทำให้หายช้า เนื่องจากตลอดระยะเวลา 6 เดือน ที่อยู่ภายใต้การดูแลของกรมราชทัณฑ์ที่โรงพยาบาลตำรวจ นายทักษิณแทบจะไม่ได้ออกกำลังกาย ทำให้กล้ามเนื้อต่างๆ ร่วงโรยไปตามวัย และเร็วกว่าคนที่สามารถออกกำลังกายได้ นอกจากนี้ระหว่างที่อยู่โรงพยาบาลตำรวจ นายทักษิณ ได้มีการผ่าตัด เพื่อที่จะทำให้เส้นเอ็นเข้าสู่สภาวะปกติ แต่ด้วยวัยของท่านจำเป็นที่ต้องคล้องแขนออกมา เนื่องจากมีเส้นเอ็นที่เปื่อยยุ่ยตามวัย
นาย ดนุพร กล่าวว่า ฉะนั้นฝากเรื่องนี้ไปถึงหลายท่านที่เป็นห่วงอาการของอดีตนายกรัฐมนตรี โดยท่านพยายามรักษาตัว เพื่อให้กลับมาแข็งแรงอย่างเต็มที่ และยังต้องพบแพทย์อยู่ตลอด เพื่อให้อาการเหล่านี้ได้ทุเลาลง แล้วหวังว่าอาการของท่านจะกลับมาเป็นปกติให้ได้เร็วที่สุด
ตนทราบดีมีคนทั้งชอบ และคนที่จับผิด ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา เพราะท่านเคยเป็นนักการเมือง และอดีตนายกรัฐมนตรี จะมีคนพูดถึงทั้งในแง่ลบและแง่บวก แต่วันนี้ตนขอสื่อสารไปยังคนที่รัก และเป็นห่วงอดีตนายกรัฐมนตรี รวมถึงครอบครัวของท่านว่าท่านมีอาการเจ็บป่วย และอาการนั้นหนักจริง จึงพยายามที่จะรักษาตัว เพื่อที่จะให้แข็งแรงที่สุด เพื่อที่จะใช้ความรู้ความสามารถคอยแนะนำนักการเมืองรุ่นต่อไป ในการทำงานให้กับประเทศชาติต่อไป
