น้องชายช่างกิต เชื่อหากรู้พรมากรักคงอึดอัดและทบทวนและให้การเป็นประโยชน์กับคดี

9 ก.พ. 67

น้องชายช่างกิตเชื่อ พี่ชายเข้มแข็งได้เร็ว เพราะเป็นคนทำผิดแล้วยอมรับได้ เชื่อหากพี่ชายเห็นข่าวสาวพรมากรัก คงอึดอัดและทบทวน อาจพูดอะไรบางอย่างที่เป็นประโยชน์ต่อคดีออกมา เชื่อพี่ชายทำไปเพราะผิดหวังในรัก ไม่ได้ร่วมวางแผนฆ่าหวังเงินประกันตามที่สังคมสงสัย เพราะพี่ชายไม่ได้มีปัญหาทางการเงิน

จากกรณีที่นาย ธนาสันต์ เตอั้น หรือ ใหม่ ถูก ช่างกิต อุ้มไปสังหารอย่างโหดเหี้ยม แล้วนำศพไปทิ้งที่มอเตอร์เวย์ จ.ฉะเชิงเทรา ก่อนจะมีการคลี่ปมพบว่าน่าจะเกิดจากปมรักสามเส้า หลัง น.ส.วรรณพร หรือ น้องพร ภรรยาของผู้ตาย ออกมายอมรับว่ามีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับช่างกิต จนนำมาซึ่งการฆาตกรรมนั้น

ด้านครอบครัวของ “นายกิต” ล่าสุดทีมข่าวมีโอกาสได้คุยกับ “นายพัน” น้องชาย เจ้าตัวบอกว่าตลอด 3 วันที่ผ่านมา พยายามจะเดินทางไปเยี่ยมพี่ชายที่เรือนจำจังหวัดฉะเชิงเทรา แต่ยังไม่มีมีโอกาสได้เข้าเยี่ยม เนื่องจากพี่ชายต้องกักตัวโควิด-19 เป็นเวลา 15 วัน และตนก็เชื่อว่าพี่ชายคงเครียด เพราะไม่เคยเช้าไปอยู่ในนั้นมาก่อน แต่เท่าที่สอบถามกับเจ้าหน้าที่ศาล ก็ทราบว่าพี่ชายมีภาวะเครียดนิดหน่อยจริง ๆ ยังคงกินข้าวได้และนอนหลับปกติ ดังนั้นมองว่าพี่ชายคงจะเข้มแข็งได้ในเร็ววัน เพราะเขาโตแล้ว ต้องคิดได้ บวกกับเป็นคนยอมรับความจริงอยู่แล้ว อะไรที่ทำผิดก็สามารถยอมรับผิดได้  จึงตั้งใจว่าถ้ามีโอกาสได้เจอกับพี่ชายก็คงให้กำลังใจ ขอให้เขาสู้ ให้มีความหวัง เพราะเมื่อไหร่ที่พ้นโทษกลับมาอยู่บ้าน ยังไงครอบครัวก็พร้อมต้อนรับ ยังคงมีหลาน มีทุกคนที่รออยู่

และตนก็เชื่อว่าถ้าเจ้าหน้าที่มีโอกาสให้เปิดคลิปข่าวเกี่ยวกับพฤติกรรมชู้สาวของ “นางวรรณพร” ที่ผ่านมาให้กับพี่ชายดู ก็คงได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์บางอย่างจากปากของพี่ชาย เพราะมั่นใจ เลยว่าพี่ชายคงรู้สึกอึดอัดมากและคงกลับมานั่งทบทวนกับตัวเองว่าถ้ารู้แบบนี้คงไม่ไปหลงรักและก่อเหตุฆ่า “นายใหม่” เนื่องจากพี่ชายเป็นคนรักใครรักจริง เวลาเกลียดใครก็เกลียดสุดยอดเหมือนกัน

แล้วยิ่งการที่ “นางวรรณพร” หนีหายไปแบบนี้ ก็เหมือนมีเจตนาบางอย่างที่ไม่ดี ซึ่งก็ต้องรอดูว่าเมื่อไหร่ที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเขาหาหลักฐานเชื่อมโยงได้ แล้วเรียกให้เข้าพบ “นางวรรณพร” จะเข้าพบหรือไม่ 

ซึ่งจากกระแสข่าวที่มีการตั้งข้อสงสัยว่า “นางวรรณพร” อาจวางแผนใช้ “นายกิต” เป็นเครื่องมือในการฆ่าสามีหรือ “นายใหม่” เพื่อหวังผลประโยชน์จากประกันนั้น ตนมองว่าถ้าเป็นแบบนั้นจริงพี่ชายคงไม่รู้เรื่องของแผนนั้น เพราะจากคำให้การของพี่ชายตอนที่ถูกจับกุม บอกว่ารู้มาก่อนหน้าที่จะก่อเหตุแล้ว ว่า “นางวรรณพร” มี “นายใหม่” เป็นสามีอยู่ เพราะฉะนั้นถ้าพี่ชายคิดจะร่วมมือวางแผนกับ “นางวรรณพร” ในการฆ่า “นายใหม่” เพื่อหวังผลประโยชน์จากเงินประกันจริง คงไม่ปล่อยให้เวลาล่วงเลยถึงขนาดนี้ เพราะฉะนั้นตนก็ยังเชื่อเหมือนเดิมว่าพี่ชายฆ่า “นายใหม่” คงไปเห็นหรือได้ยินอะไรบางอย่างที่ทำให้บาดใจมากกว่า

ส่วนเรื่องหนี้สินของพี่ชาย ทราบว่าคงมีแค่รถกระบะตู้ทึบที่ซื้อมาได้ประมาณ 3-4 ปี ที่ผ่านมาพี่ชายผ่อนเดือนละ 7,000 บาท คงเหลืออีกประมาณ 1-2 ปี ซึ่งตนตั้งใจว่าจะผ่อนต่อให้จนหมด เพราะพี่ชายจะได้ใช้ในวันที่พ้นโทษ  ส่วนหนี้สินอื่นๆ ยืนยันว่าไม่มี กลับกันคือมีคนอื่นที่ติดหนี้พี่ชายมากกว่า ดังนั้นพี่ชายไม่ได้มีปัญหาทางการเงินแน่นอน

นอกจากนี้ “นายพัน” ยังบอกว่าจริง ๆ แล้วพี่ชายเคยวาดฝันไว้ว่าจะเปิดอู่ที่ใหญ่กว่านี้ แต่ด้วยทุนทรัพย์ที่ผ่านมายังมีไม่พอ ก็เลยทำเท่าที่สามารถทำได้ไปเรื่อยๆ ซึ่งหลังจากนี้ ตนก็คงต้องรับไม้ต่ออย่างจริงจัง เพราะอาชีพอู่ซ่อมรถเป็นอาชีพที่ได้รับการตกทอดมาจากพ่อ

ท้ายที่สุด “นายพัน” ก็อยากจะฝากถึงกระแสสังคมว่า “พี่ชายผมผิดไปแล้ว และเขาก็ยอมรับผิดในสิ่งที่ทำแล้ว ตอนนี้มีอะไรสำคัญมากกว่านี้ที่ต้องตามกันต่อ ดังนั้นไม่จำเป็นต้องโจมตีพี่ชายไปเรื่อย ๆ เพราะคนข้างในเขาไม่รู้ แต่คนที่รู้สึกเจ็บลึก นั่นคือครอบครัวที่อยู่ข้างนอก ซึ่งไม่ได้รู้เห็นอะไรเลย” 

นอกจากนี้ยังฝากถึงหลายคนที่มีการเข้ามาคอมเม้นต์ปั่น แล้วเชื่อมโยงให้ตนได้รับความเสียหาย ซึ่งที่ผ่านมาพยายามที่จะมองข้ามและมองว่ามันเป็นช่วงของคดี แต่เมื่อไหร่ที่คดีจบ แน่นอนว่าหากยังมีอะไรที่ทำให้ตนเสื่อมเสียอีกก็จะทำการแคปและดำเนินคดีกับบุคคลเหล่านั้นแน่นอน

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส