พาวัวเดินกินหญ้า ผงะ!ศพริมป่า แต่ผวาหนักหลังถูก ตร.จับทั้งครอบครัว

1 ก.พ. 67

ชาวบ้านพาวัวเดินกินหญ้า ผงะ!เจอศพ แต่ต้องผวาหนัก 1 เดือนผ่านไป 6 คนในครอบครัวถูกตั้งข้อหาร่วมกันฆ่าศพที่เจอในร่องน้ำ 

 

ความคืบหน้ากรณีพบศพ พ่อค้าทอดมัน ถูกฆ่าปาดคอ - แทงซ้ำ รวม 6 แผล เสียชีวิตกลางทุ่งนา ระหว่างเดินออกกำลังกาย ในพื้นที่หมู่ 5 บ้านหนองหว้า ต.นาโยงใต้ อ.เมืองตรัง จ.ตรัง ตำรวจจับผู้ต้องสงสัยได้แล้ว  6 คน ซึ่งผู้ต้องสงสัยทั้ง 6 คนอ้างว่าไม่ได้ทำ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไร จึงต้องออกมาร้องสื่อขอความเป็นธรรม ตอนนี้ครอบครัวต้องหมดตัว เพราะต้องขายของในบ้านที่มีทั้งหมดมาประกันตัวคนในครอบครัวออกมา แต่ก็ประกันตัวได้แค่ 3 คน เพราะไม่มีเงินประกันแล้ว จึงมาขอให้เพจสายไหมต้องรอดช่วย

เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา นางสาวสุจิตรา สิกขาจารย์ อายุ 49 ปี กับนายสมพร ครูอ้น อายุ 50 ปี 2 สามีภรรยา ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ต้องหาในคดีนี้ เดินทางมาพบกับนายนิรันดร์ เกแง้ว ผู้ร่วมก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ใครเข้ามาช่วยเหลือในคดีนี้

นายสมพร ครูอ้น (พ่อ) เล่าให้ฟังว่า เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2566 ช่วง 8 โมงเช้า ตนเองกับนายวุฒิพงศ์ อายุ 18 ปี (ลูกชาย) พาวัวไปเดินกินหญ้าตามป่าข้างทาง ระหว่างทางซึ่งห่างจากบ้านประมาณ 1 กิโล ได้ไปเจอศพผู้ชายนอนตะแคงอยู่ในคูน้ำ ตอนนั้นตนไม่ทราบว่าผู้ตายเป็นใคร เพราะเห็นเพียงครึ่งใบหน้า จึงรีบเดินกลับบ้านเพื่อจะไปแจ้งผู้ใหญ่บ้าน

ระหว่างทางเดินกลับบ้านไปเจอผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านพอดี ตนจึงเล่าเรื่องราวที่ไปเจอมาให้ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฟัง และตนเองได้ให้ลูกจุงวัวกลับบ้านไปก่อน จากนั้นตนได้ย้อนกลับไปดูศพคนตายกับเพื่อนบ้าน พอตนไปถึงจุดที่พบศพอีกรอบ พวกผู้ใหญ่บ้านกับเจ้าหน้าที่ตำรวจก็มาถึงติดๆกัน จากนั้นตนเองก็อยู่ดูเจ้าหน้าที่นำศพขึ้นมาจนเวลาประมาณบ่าย 2 ตนถึงรู้ว่าคนตายคือคนแถวบ้าน ที่ตนรู้จัก ตนจึงกลับบ้านไปพักผ่อน

พอมาช่วงเย็น ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาที่บ้าน มาเชิญตัวให้ไปสอบปากคำที่โรงพัก หลังสอบปากคำเสร็จตนเองก็เดินทางกลับมาที่บ้าน หลังจากนั้น 1 อาทิตย์ ตำรวจได้เรียกไปสอบปากคำอีกครั้ง แล้วก็ปล่อยกลับบ้านมาตามเคย

ต่อมาวันที่ 21 พฤศจิกายน 2566 ได้มีตำรวจได้โทรมาหา บอกให้เข้ามาให้ปากคำเพิ่มเติมที่โรงพักหน่อย แต่วันนั้นตนเองขับรถมาทำงานที่กรุงเทพ จึงตอบปฏิเสธไปว่าไปไม่ได้ พอมาวันที่ 23 พฤศจิกายน 2566 ตนเองได้โทรศัพท์ไปบอกกับตำรวจว่า ตนกลับมาบ้านที่ตรังแล้ว จากนั้นวันรุ่งขึ้นวันที่ 24 ตำรวจเข้ามาจับคนไปทั้งบ้านไปสอบปากคำที่ สภ.เมืองตรัง มีผู้ใหญ่ 7 คน เด็ก 4 ขวบ 1 คน เด็ก 5 ขวบ 2 คน เด็ก 3 ขวบ 1 คน และเด็ก 7 เดือนอีก 1 คน รวมทั้งหมดเป็น 12 คน โดยแยกกันสอบคนละห้อง และเอาเด็ก 4 ขวบกับเด็ก 5 ขวบ ไปแยกสอบเพียงลำพังด้วย

นางสาวสุจิตรา สิกขาจารย์ (แม่) กล่าวว่า หลังถูกตำรวจจับไปสอบปากคำ เมื่อช่วงเที่ยง ตำรวจได้บอกกับตนเองว่า รู้แล้วว่าใครฆ่าผู้ตาย คนฆ่าผู้ตายคือลูกเขยของตน ที่ชื่อว่านายเกรียงศักดิ์ โดยตำรวจบอกสาเหตุว่า ลูกสาวตนเอง คือ นางสาวทิพย์ จันทร์ทา ไปแอบคบชู้กับผู้ตาย ทำให้ลูกเขยตนเองโมโหไปฆ่าผู้ตาย และนำรถกระบะใส่ศพไปทิ้งในป่า ตนจึงบอกตำรวจไปว่าเป็นไปไม่ได้

เพราะลูกสาวตนเองกับลูกเขย ก็นอนอยู่บ้านทั้งคืนในวันเกิดเหตุ แถมกุญแจรถยนต์ก็อยู่กับสามีตนตลอด จะขับออกไปได้อย่างไร ตำรวจจึงออกจากห้องไป จากนั้นตอนเย็นตำรวจเข้ามาสอบปากคำตนอีก และได้บอกว่าสามีตนเองกับลูกตนเอง ยอมรับแล้วว่าเป็นคนฆ่าผู้ตาย โดยเล่าเรื่องประมาณว่า ผู้ตายไปทำไก่ที่บ้านขาหัก นายวุฒิพงศ์ ลูกชายตนเองจึงโมโห จนมีเรื่องมีราวกับผู้ตายในห้องครัว จากนั้นนายสมพร (สามี) ได้เอามีดมาปาดคอผู้ตาย และแทงไปที่ลำตัวหลายแผล และบอกว่าตนเองเป็นคนเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด จากนั้นนายศุภกร เยาดำ (ลูกเขย) กับนางสาวอรัญญา ครูอ้น (ลูกสาว)และนางสาวทิพย์จันทร์ทา ครูอ้น (ลูกสาวคนเล็ก) และหลานวัย 5 ขวบกับ 4 ขวบ ช่วยกันเอาศพขึ้นรถ จักรยานยนต์พ่วงข้าง นำศพไปทิ้งที่ป่า และพยายามบังคับว่าให้ตนบอกว่า เห็นว่าสามีกับลูกฆ่ากูตาย เพื่อจะได้ปล่อยตัวไป แต่ตนไม่ทำตาม จึงถูกตำรวจคุมขัง และทำการส่งไปเรือนจำ

นางสาวสุจิตรา เล่าต่ออีกว่า ตอนนี้ครอบครัวถูกจับดำเนินคดีทั้งหมด 6 คน ข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่น คือนางสาวสุจิตรา สิกขาจารย์ แม่ อายุ 49 ปี  นายสมพร ครูอ้น พ่อ อายุ 50 ปี นายวุฒิพงศ์ ครูอ้น ลูกชายคนเล็ก อายุ 18 ปี นางสาวอรัญญา ครูอ้น ลูกสาวคนกลาง อายุ 28 ปี นางสาวทิพย์จันทร์ทา ครูอ้น ลูกสาวคนโต 29 ปี นายศุภกร เยาดำ อายุ 33 ปี (ลูกเขย )

ส่วนนายเกรียงศักดิ์ (แฟนนางสาวทิพย์จันทร์ทา) ที่ตำรวจกล่าวหาว่าเป็นคนฆ่าเพราะความหึงหวง ตำรวจได้ปล่อยตัวไป โดยไม่ดำเนินคดีอะไร ตอนนี้นายเกรียงศักดิ์ที่เป็นลูกเขยตนเอง ได้ย้ายกลับไปอยู่ที่บ้านเขาแล้ว โดยตนเองติดต่อไม่ได้อีกเลย ไม่รู้ว่าวันที่ได้ปล่อยตัวไปพูดอะไรกับตำรวจ

ตอนนี้ตนเองต้องขายวัวที่มีอยู่ทั้งหมด เพื่อนำเงินมาประกันตัวคนในครอบครัว แต่ก็ประกันตัวได้แค่ 3 คนเท่านั้น คือตนเองกับสามีและลูกชาย ตอนนี้ลูกสาวสองคนก็ได้แต่ภาวนาให้แม่ช่วยประกันตัวให้เร็วที่สุด เพราะลูกสาวรับไม่ได้กับเรื่องที่ตนเองไม่ได้ก่อขึ้น แต่ต้องมาติดคุกอยู่ในเรือนจำ อีกทั้งตอนนี้หลานตนวัย 5 ขวบ ที่ถูกตำรวจสอบปากคำ ต้องผวาทุกครั้งที่เจอตำรวจ กลายเป็นเด็กกลัวตำรวจไปเลย ตนเองตั้งข้อสังเกตอีกอย่าง หลานตนเองวัย 5 ขวบที่ถูกสอบปากคำ มีเงินกลับมาจากโรงพัก 240 บาท เด็กบอกว่าตำรวจเป็นคนให้

ทางด้านนายนิรันดร์ เกแง้ว ผู้ร่วมก่อตั้งเพจสายไหม ต้องรอด กล่าวว่า หลังจากนี้จะ ประสานกระทรวงยุติธรรม เพื่อขอกองทุนในการประกันตัวโทรหาที่เหลือ และหารือในแนวทางการต่อสู้คดี หากพบว่าผู้ที่ถูกกล่าวหาทั้งหมดไม่ได้ทำผิดตามที่ถูกกล่าวหา ตำรวจชุดจับกุมต้องรับผิดชอบ รวมถึงจะตรวจสอบการที่ตำรวจนำเด็กวัย 5 ขวบกับวัย 4 ขวบ ไปสอบปากคำโดยมีผู้ปกครองและสหวิชาชีพร่วมสอบด้วยหรือเปล่า หากไม่มีถือว่าเป็นความผิด.

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส