อรทัย จับได้โรแลนด์ มีชู้อยู่โคราช จนมีปากเสียงทะเลาะบีบคอตาย

30 ม.ค. 67

ตำรวจเผยปมเหตุ อรทัย ถูกฆ่าตายเพราะจับได้ โรแลนด์ มีชู้ เช่าบ้านอยู่โคราช เกิดปากเสียงทะเลาะกันและบีบคออรทัยจนตาย ก่อนนำร่างไปทิ้งป่าข้าวโพด

สำหรับความคืบหน้ากรณี น.ส.อรทัย โพสีงาม ภรรยาชาวไทยที่ได้รับเงินมรดกจากสามีชาวสวิตเซอร์แลนด์ที่เสียชีวิตไปเมื่อปี 2564 มากกว่า 13 ล้านบาท  แล้วแต่งงานใหม่กับชายชาวสวิตเซอร์แลนด์อีกคน ก่อนจะย้ายมาอยู่ประเทศไทย ที่บ้านโคกแขวน หมู่ที่ 5 ต.เฉลียง อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา ได้ประมาณ 2 ปีเศษ แต่มาหายตัวไปอย่างมีเงื่อนงำ ตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค. 67 หลังจากมีปากเสียงกับสามีใหม่ไม่ทันข้ามวัน

กระทั่งเมื่อวานนี้ (วันที่ 29 ม.ค.67)เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเรียกนายโรแลน มาสอบปากคำอีกครั้ง หลังจากพบพิรุธบางอย่าง และน้องสาว น.ส.อรทัย บอกกับเจ้าหน้าที่ว่า นายโรแลน บอกว่าพี่สาวน่าจะหนีไปเอง แต่ถ้าหนีไปเอง ทำไมไม่นำรองเท้าหรือเก็บข้าวของไปด้วย ขอให้เจ้าหน้าที่ฯ ดำเนินการตรวจสอบซ้ำ จนนายโรแลน ยอมรับสารภาพว่า เป็นคนลงมือฆ่าอรทัยที่บ้าน อ้างว่า อรทัย หึงหวงไม่อยากให้โรแลน ไปหาเพื่อนที่พัทยา เพราะเกรงว่าโรแลนจะไปหาชู้และหญิงคนอื่น และไม่พอใจที่ผู้ตายติดล่นการพนัน จึงทะเลาะกันและพลั้งมือบีบคอ อรทัย จนตาย จากนั้นนำร่างขนใส่รถจักรยานยนต์ แล้วนำมาทิ้งที่ไร่ข้าวโพด ห่างจากบ้าน 6 กิโลเมตร

ล่าสุด พล.ต.ท.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์. ผู้ช่วย ผบ.ตร.และตำรวจในพื้นที่ตั้งโต๊ะแถลงข่าวความคืบหน้าคดีนี้ ระบุว่า แรงจูงใจในคดีนี้ เกิดจากผู้ต้องหาและผู้เสียชีวิตมีปากเสียงกันตอนกลางคืน เรื่องจับได้ฝ่ายชายมีผู้หญิงอีกคน ซึ่งหญิงคนดังกล่าว เช่าบ้านอยู่ในนครราชสีมา จนบีบคอเสียชีวิตและนำร่างไปทิ้งป่าข้าวโพด

ซึ่งตำรวจมีหน้าที่พิสูจน์วาสิ่งที่คนก่อเหตุรับสารภาพมานั้นจริงหรือไม่ เบื้องต้นพบว่าผู้ต้องหาก่อเหตุคนเดียว แต่ผลชันสูตรยังไม่ออก ว่าผู้ตาย ตายเพราะถูกบีบคอจริงหรือไม่ คาดว่าที่โกหกดึงเวลา เพราะไม่มีประจักษ์พยานอื่น เพราะคนก่อเหตุลงมือทำเพียงคนเดียว  จึงพยายามหลอกตำรวจ แต่ที่ยอมรับสารภาพต้องชมตำรวจในพื้นที่ ที่หากล้องวงจรปิด จนพบว่ากล้องจุดหนึ่งขัดแย้งกับคำให้การของโรแลนด์ ที่แจ้งตำรวจว่าคืนเกิดเหตุอยู่ในบ้าน แต่กล้องพบว่าโรแลนด์ออกจากบ้านตอนกลางคืน

ส่วนไพ่ที่พบยัดปากผู้ตายนั้น นายโรแลนด์ ผู้ต้องหายังไม่พูดถึงเรื่องนี้ ล่าสุดที่ได้พูดคุยกับโรแลนด์ พบว่าเจ้าตัวเสียใจ และร้องไห้ สำนึกผิดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น.

 

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส