สุดว้าว! “บิ๊กป้อม” กางผลงาน พปชร. หลังร่วมรัฐบาล 3 เดือน

29 ธ.ค. 66

 

สุดว้าว! “บิ๊กป้อม” กางผลงาน พปชร. หลังร่วมรัฐบาล 3 เดือน การันตีทำหน้าที่สร้างสรรค์ มีวุฒิภาวะ เน้นใช้ข้อมูล สติปัญญามากกว่าวาทกรรม 

วันที่ 29 ธ.ค. 66 นายอรรถกร ศิริลัทยากร โฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยว่า ในการเข้าร่วมบริหารงานของพรรคพลังประชารัฐ ที่มีพล.อ.ประวิตร  วงษ์สุวรรณ เป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้เข้าร่วมบริหารงานภายใต้รัฐบาลปัจจุบัน   มาครบ 3 เดือน มีส่วนสำคัญต่อการขับเคลื่อนนโยบายของพรรค ที่สอดคล้องกับเป้าหมายของรัฐบาล  ในการพัฒนาประเทศ ที่ล้วนมุ่งเน้นยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนในทุกมิติ ให้อยู่ดีกินดี โดยเฉพาะการสานต่อนโยบายเรื่องที่ทำกิน การยกระดับราคาสินค้าเกษตร การบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน การดูแลสิ่งแวดล้อม ที่มุ่งเน้นการแก้ปัญหาฝุ่น PM  2.5 รวมถึงการยกระดับสุขอนามัยขั้นพื้นฐานให้ประชาชนเข้าถึงการบริการอย่างทั่วถึง 

ทั้งนี้ พปชร. ได้เข้าไปสนับสนุนการดำเนินงานผ่านทางกระทรวงหลักทั้ง 3 กระทรวง ประกอบด้วย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงสาธารณสุข 

สำหรับการดำเนินงานของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  ในมาตราการสำคัญๆ อาทิการเดินหน้าแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 ให้ลดลง ได้กำหนดให้เป็นวาระแห่งชาติ  ในการนำเสนอ พ.ร.บ.บริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด พ.ศ.  .... เข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยมีสาระสำคัญกำหนดกลไกในการบริหารจัดการและควบคุมกิจกรรมต่างๆ ที่ส่งผลให้สามารถลดมลพิษทางอากาศในทุกมิติ โดยขณะนี้ยังอยู่ในขั้นของคณะกรรมการกฤษฎีกา ในการตรวจสอบความถูกต้อง ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2-3 สัปดาห์ ก่อนส่งกลับมาให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อพิจารณา และนำเข้าสู่ขั้นตอนของรัฐสภาต่อไป 

ขณะเดียวกันมีการทำงานในด้านการป้องกัน เฝ้าระวัง และแก้ไขปัญหา ร่วมกับทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพลังงาน กระทรวงคมนาคม และ กระทรวงมหาดไทย ที่ต้องดำเนินมาตรการลดฝุ่นละอองจากแหล่งกำเนิด ทั้ง ยานพาหนะและโรงงานอุตสาหกรรมรวมถึงการควบคุมการเผาป่า การเผา วัสดุทางการเกษตร เพื่อนำไปสู่การปรับเปลี่ยนระบบการผลิตของภาค การเกษตร และการจัดการพื้นที่ป่าไม้อย่างยั่งยืน รวมถึงการสร้างมาตรการ ร่วมกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างจริงจัง เพื่อลดปัญหาหมอกควันข้ามแดน เพื่อ สุขภาพอนามัยของพี่น้องประชาชนคนไทย 

นอกจากนี้ยังมีแผนรับมือกับปัญหาภัยแล้ง  ขับเคลื่อนผ่านกรมทรัพยากรน้ำ และกรมทรัพยากรน้ำบาดาล บริหารจัดการแหล่งน้ำต้นทุนให้ เพียงพอต่อความต้องการการใช้น้ำของประชาชน มีการเฝ้าระวังคุณภาพน้ำใน แม่น้ำสายหลัก สร้างความเข้าใจกับประชาชนในการวางแผนการใช้น้ำที่มีอยู่อย่างเหมาะสม และแจ้งเตือนสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่อง ติดตามสถานการณ์ในพื้นที่วิกฤต พร้อมมีการจัดตั้งศูนย์ประสานงานและช่วยเหลือผู้ประสบภัยของกระทรวงทรัพยากรฯ เพื่อให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ประสบปัญหาภัยแล้งอย่างทันท่วงที พร้อมทั้งเร่งรัดการดำเนินโครงการจัดหาน้ำบาดาลขนาดใหญ่แก้ปัญหาภัย แล้งอันเนื่องมาจากพระราชดำริ กว่า 47 โครงการ 48 แห่ง เพื่อแก้ไขปัญหา ให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่วิกฤตภัยแล้งรุนแรงได้มีน้ำกินน้ำใช้อย่าง มั่นคงและยั่งยืน 

การดำเนินงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ผลักดันนโยบายสำคัญ การสานต่อนโยบายเปลี่ยนพื้นที่เอกสารสิทธิ์ส.ป.ก. 4-01 เป็นโฉนดเพื่อการเกษตร ทำให้ประชาชนได้มีหลักประกัน ในการประกอบอาชีพที่มั่นคง ได้เริ่มดำเนินการเปิดให้เกษตรกร ใช้สิทธิ์ยื่นลงทะเบียนแจ้งความประสงค์ ขอออกโฉนดเพื่อการเกษตร ตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2566 ที่ผ่านมา ขณะนี้มีเกษตรกร ได้ยื่นเจตจำนงเป็นจำนวนมาก  ปัจจุบันมีเกษตรกรถือครองที่ดิน ส.ป.ก. 4-01 จำนวน 1.6 ล้านราย ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของพรรค ที่ต้องการให้เกษตรกรสามารถเข้าถึงสิทธิ์ และแหล่งเงินทุนมากขึ้นเพื่อให้มีรายได้ และความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น  รวมถึงการผลักดันการช่วยเหลือเยียวให้กับเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2566/67 เพื่อการสนับสนุนค่าบริหารจัดการ และคุณภาพผลผลิต โดยให้เงินอุดหนุน 1,000 บาทต่อไร่ ไม่เกิน 20 ไร่ต่อครัวเรือน หรือไม่เกินครัวเรือนละ 20,000 บาท ซึ่งมีเกษตรกรกว่า 4.68 ล้านครัวเรือนที่ได้รับการเยียวยา ในมาตรการดังกล่าว 

นอกจากนี้ ยังได้มีมาตรการปราบปรามสินค้าเกษตรเถื่อน เข้าไปตรวจสอบห้องเย็นทั่วประเทศ โดยเป็นห้องเย็นด้านปศุสัตว์ 2,437 แห่ง ด้านประมง 2,062 แห่ง มีการบังคับใช้กฎหมาย พร้อมปราบปรามยางพาราผิดกฎหมาย โดยเฉพาะที่ผ่านมาได้มีการจับกุมผู้กระทำผิดลักลอบนำเข้าเนื้อสุกรจากต่างประเทศ เป็นจำนวนมาก พร้อมป้องปรามการกระทำผิดในอนาคต โดยจะขยายผลให้ครอบคลุมสินค้าเกษตรอื่นๆ ทั้งพืชและประมงเพิ่มเติมด้วย เพื่อเป็นการแก้ปัญหากลไกตลาดทั้งระบบอย่างยั่งยืน ให้เกษตรกรได้ลืมตาอ้าปาก มีรายได้ที่มั่นคง รวมทั้งประชาชนได้บริโภคอาหารที่มีคุณภาพและปลอดภัยอีกด้วย 

การดำเนินงานด้านสาธารณสุข ได้ผลักดันด้านการส่งเสริมสุขภาพ การบริการเข้าถึงระบบสาธารณสุขระดับชุมชนทั่วประเทศ เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางมาใช้บริการในเมือง เพื่อลดความแออัดในการรักษาของโรงพยาบาลภาครัฐได้อย่างมีคุณภาพ โดยมีเป้าหมาย ยกระดับมาตรฐานของ รพ.สต. ทั่วประเทศ ให้มีคุณภาพเทียบเท่าโรงพยาบาลขนาดใหญ่ หากเจ็บป่วย เข้ารับการวินิจฉัยและรักษาได้ที่ รพ.สต. ใกล้บ้านทุกแห่ง มีเทคโนโลยีช่วยเชื่อมต่อการรักษา จาก รพ.สต. ถึงโรงพยาบาลใหญ่ ให้มีบทบาทมากขึ้น ทั้งการคัดกรองโรคและส่งเสริมสุขภาพเชิงรุก พร้อมจัดสรรงบประมาณลงสู่ชุมชนเพื่อส่งเสริมสุขภาพอย่างครบวงจร พร้อมสนับสนุนทุนการศึกษาสำหรับบุตรหลาน อสม. หรือเด็กในชุมชน ให้ได้เรียนแพทย์ เรียนพยาบาล เพื่อกลับมาดูแลพ่อแม่พี่น้องในบ้านเกิดตามมาตรการเชิงรุกป้องกันก่อนป่วย และขยายหมอชุมชน หรือ อสม. ให้เพียงพอกับประชาชนในพื้นที่ 

ส่วนการดำเนินงานด้านนิติบัญญัติ ได้มีส่วนร่วมในการผลักดันกฎหมายที่เป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน ผ่านกลไกของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ทั้ง 39 คนของพรรคพลังประชารัฐ ทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียงสำคัญ เพื่อขับเคลื่อนการทำงานในฝ่ายนิติบัญญัติ ด้วยความมุ่งมั่นทำหน้าที่แทนประชาชนอย่างเต็มที่ โดย สส.ของพรรค ได้ร่วมเสนอกฎหมายเข้าสู่ที่ประชุมสภาฯ รวมถึงการทำหน้าที่กรรมาธิการในคณะต่าง เพื่อนำปัญหาของประชาชนในพื้นที่เข้าสู่การแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม โดย พปชร.ทำหน้าที่อย่างสร้างสรรค์ มีวุฒิภาวะ เน้นใช้ข้อมูล สติปัญญามากกว่าวาทกรรม

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวการเมือง เป็นกระแส