รวบหนุ่มแสบ อ้าง ผบช.ก. วิ่งเต้นคดี ลวงเหยื่อสูญเงินกว่า 4.5 ล้าน

21 ธ.ค. 66

 

ตำรวจสอบสวนกลาง รวบหนุ่มแสบ อ้าง ผบช.ก. วิ่งเต้นคดี ลวงเหยื่อสูญเงินกว่า 4.5 ล้าน ตรวจสอบประวัติคดีอาญาย้อนหลัง 10 ปี เจอมากกว่า 20 คดี 

วันที่ 21 ธ.ค. 66 กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ร่วมกันจับกุม นายพรหมพร หรือพัฒน์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 35 ปี ชาวนครศรีธรรมราช ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 5 ที่ 39/2566 ลงวันที่ 6 ธันวาคม 2566 คดีอาญา ที่ 553/2566 สภ.สารภี จ.เชียงใหม่ ที่บริเวณหน้าหน่วยบริการประชาชนตำรวจทางหลวงวังมะนาว ถนนพระราม 2 ต.วังมะนาว อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี 

โดยกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐาน “ฉ้อโกง,เรียกรับทรัพย์สิน เป็นการตอบแทนในการจูงใจหรือจะจูงใจเจ้าพนักงาน โดยวิธีอันทุจริตหรือผิดกฎหมาย” ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 143 

สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ ผู้เสียหายได้ถูกดำเนินคดี ที่ศาลจังหวัดร้อยเอ็ด ในความผิดฐาน “ฉ้อโกง” และอยู่ระหว่างต่อสู้คดีในชั้นศาล ต่อมานายพรหมพร อ้างว่าทำงานที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) สามารถช่วยดำเนินการวิ่งเต้นคดี ยื่นขอประกันตัว ขอถอดกำไลอิเล็กทรอนิกส์ได้ เนื่องจากมีความสนิทสนมกับผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 4 

ต่อมานายพรหมพร ได้ยื่นเรื่องประกันตัวผู้เสียหายตามขั้นตอนของศาล จนผู้เสียหายได้รับการประกันตัว แต่นายพรหมพร ไปแอบอ้างว่าเป็นผลจากวิ่งเต้นคดีของตน ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อว่าผู้ต้องหาสามารถวิ่งเต้นคดีได้จริง พร้อมเรียกค่าใช้จ่ายในการวิ่งเต้นคดีฉ้อโกงก่อนหน้านี้ เป็นเงินจำนวน 3,750,000 บาท​ 

ขณะเดียวกัน ผู้เสียหายทราบว่าตนเองถูกดำเนินคดีในข้อหา “ฉ้อโกงประชาชน และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ” ของกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) ซึ่งอยู่ภายใต้สังกัด กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ซึ่งนายพรหมพร หลอกลวงอ้างกับผู้เสียหายว่า สามารถประสานกับ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. เพื่อช่วยเหลือวิ่งเต้นคดีได้ ผู้เสียหายหลงเชื่อ โอนเงินจำนวน 500,000 บาท ให้กับนายพรหมพร เพื่อเป็นค่าดำเนินการวิ่งเต้นเคลียร์คดี รวมมูลค่าความเสียหาย ที่นายพรหมพร หลอกลวงผู้เสียหายว่าจะนำไปวิ่งเต้นคดี เป็นเงินจำนวน 4,250,000 บาท 

ต่อมาผู้เสียหายมาทราบภายหลังว่าถูกหลอกลวง จึงได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ที่ สภ.สารภี จ.เชียงใหม่ และพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐาน ขอศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 5 ออกหมายจับนายพรหมพร ตามหมายจับที่ 39/2566 ลงวันที่ 6 ธ.ค.2566 ในข้อหา “ฉ้อโกง,เรียกรับทรัพย์สิน เป็นการตอบแทนในการจูงใจหรือจะจูงใจเจ้าพนักงาน โดยวิธีอันทุจริตหรือผิดกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 143” และได้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป. เพื่อดำเนินคดีกับผู้ต้องหาอีกกรณีหนึ่ง 

เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลาง กก.1,กก.4 และ กก.5 บก.ป. ได้ร่วมกันสืบสวนติดตามจับกุมตัวนายพรหมพร จนทราบว่า ในวันที่ 19 ธ.ค. 66 นายพรหมพร ขับรถจะเดินทางจาก กทม. มุ่งหน้าลงใต้ ไปตามถนนพระราม 2 จึงได้ประสานกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 , กก.8 บก.ทล. ให้ติดตามสกัดจับนายพรหมพรได้ที่หน้าหน่วยบริการประชาชนตำรวจทางหลวงวังมะนาว ต.วังมะนาว อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี พร้อมตรวจยึดรถเก๋ง จำนวน 1 คัน ก่อนควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.สารภี จ.เชียงใหม่ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป 

จากการตรวจสอบประวัติคดีอาญา ย้อนหลัง 10 ปี นายพรหมพร หรือนายณฐพนธ  มีประวัติเคยถูกดำเนินคดีในข้อหาฉ้อโกง, พ.ร.บ.เช็ค และคดีอื่นๆ มากกว่า 20 คดี ในหลายท้องที่ โดยแผนประทุษกรรม จากการตรวจสอบ แบ่งได้ 3 กรณี คือ 

กรณีที่ 1 ผู้ต้องหาได้หลอกลวงว่าได้ทำการสั่งจองตั๋วเครื่องบินเดินทางไปต่างประเทศได้ ผู้เสียหายหลงเชื่อ จึงได้จ่ายเงินให้ไป ต่อมาจึงทราบว่า ไม่มีการซื้อตั๋วเครื่องบินจริง ตามที่ตกลงกันไว้ 

กรณีที่ 2 ผู้ต้องหา ได้ออกเช็คชำระหนี้ให้ผู้เสียหาย เมื่อถึงกำหนดเมื่อนำเช็คไปเรียกเก็บเงินจากธนาคาร ปรากฎว่าธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน 

กรณีที่ 3 ผู้ต้องหาหลอกลวง โดยแอบอ้างสามารถช่วยเหลือ วิ่งเต้น เรื่องคดีความและสามารถขอให้ศาลถอดกำไลอิเล็กทรอนิกส์ได้ ช่วยเหลือเรื่องการติดต่อขอประกันตัว จนผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินให้ 

สอบถามปากคำผู้ต้องหาเบื้องต้น ในชั้นจับกุมผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา 

อย่างไรก็ตามตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ขอยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ไม่มีการเรียกรับเงินเพื่อวิ่งเต้น หรือช่วยเหลือในทางคดีแต่อย่างใด หากพบเห็นกรณีดังกล่าวขอให้เชื่อว่าเป็นการหลอกลวงแอบอ้าง และหากมีข้อสงสัยในทางคดีสามารถเข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือพนักงานสอบสวนในสังกัดกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อสอบถาม หรือปรึกษาข้อสงสัยได้โดยตรง

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส