เด็กถูกเครื่องโม่ปูนตัดนิ้วขาด นายจ้างยันคุยจบแล้วและเด็กก็ประมาทเอง

19 ธ.ค. 66

กรณีโจ๋ 17 ปี ถูกเครื่องโม่ปูนตัดนิ้วขาด นายจ้างยันเยียวยาเต็มที่คุยกับครอบครัวเด็กเข้าใจกันดี ชี้เด็กก็ดื้อและประมาท

คืบหน้าเด็กชาย 17 ปี ถูกเครื่องโม่ปูนตัดนิ้วขาด 4 นิ้ว ขณะทาจารบีซ่อมบำรุงเครื่อง ด้านนายจ้างซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้านยืนยันช่วยเหลือเยียวยาเต็มที่คุยกับทางครอบครัวตกลงเข้าใจกันดีจ่ายทั้งหมด5หมื่นโดยมีตำรวจเป็นคนกลางชี้เด็กดื้อรั้นประมาทใช้มือแทน

คืบหน้ากรณี ประธานมูลนิธิดาวเหนือหัวหน้าพรรคชาติรุ่งเรืองพา น.ส.จำปี วงษ์เทเวศ อายุ 40 ปีแจ้งความกับตำรวจ สภ.น้ำพอง เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับนายจ้าง คือ นายสังคม ขาวอรุณรุ่งผู้ ใหญ่บ้านหมู่ 12 ซึ่งเป็นนายจ้างของนายภาณุพงศ์ อายุ 17 ปีลูกชายของ น.ส.จำปี ที่ถูกเครื่องโม่ปูนตัดนิ้วขาด 4 นิ้ว ในความผิดฐานประมาทเลินเล่อทำให้ลูกจ้างได้รับอันตรายทุพพลภาพ

นายสังคม นายจ้างของนายภานุพงศ์ เปิดเผยว่าเครื่องที่เกิดเหตุนั้นเป็นเครื่องผสมปูนหรือเครื่องโม่ปูน ซึ่งตนเองได้สั่งทำมาเป็นพิเศษ หวังมาช่วยทุ่นแรงคนงาน เพราะเห็นทุกคนทำงานเหนื่อย รายได้ก็น้อย เพราะปกติแล้วจะเป็นการทำงานเหมา เราก็อยากจะให้คนงานทำงานได้สบายขึ้น จึงสั่งทำมาโดยเฉพาะ ซึ่งสามารถทุ่นแรงโม่ปูนได้ครั้งละ 1-2 กระสอบ และตัวที่เกิดเหตุที่ตัดนิ้วมือของน้องนั้นเป็นในส่วนของฟันเฟืองที่ใช้โซ่ขับเคลื่อน ซึ่งปกติจะอยู่ด้านใต้ถังโม่ ไม่สามารถเป็นอันตรายได้ หากไม่เอามือเข้าไปขณะที่ฟันเฟืองและโซ่ทำงานอยู่

แต่ในวันเกิดเหตุนั้นเด็กที่ได้รับบาดเจ็บ ได้ทำการซ่อมโม่กับคนงานอีกคน ซึ่งเป็นผู้ใหญ่ โดยได้นำจารบีมาทาใส่ตรงโซ่เรียบร้อยทั้งหมดแล้ว พร้อมเปิดเครื่อง แต่เหมือนเด็กที่ได้รับบาดเจ็บนั้นยังไม่พอใจ นำจารบีมาใส่เพิ่ม จึงเดินไปหยิบเอาจารบีมาใส่เพิ่มอีกครั้ง จนเกิดเหตุการณ์นิ้วขาดเกิดขึ้นซึ่งคนที่อยู่อยู่ข้างๆพยายามช่วยดึงน้องออกมาไม่ให้โซ่ดูดเข้าไปลึกมากกว่านี้ ซึ่งเรื่องของเรื่องคือห้ามเด็กไม่ฟัง เพราะเด็กอยากทำ

ในวันที่ไกล่เกลี่ยกันบนโรงพัก แม่ยื่นข้อเสนอว่าอยากได้เงิน 150,000บาท ซึ่งตนเองบอกว่าเงิน100,000 มันมากเกินไปสำหรับตนเอง เพราะต้องนำมาใช้จ่ายในธุรกิจ อีกทั้งน้องก็ประมาทห้ามไม่ฟัง ถ้าจะเอาเงิน100,000 ตนเองให้ไม่ไหว ขอให้ 20,000 ได้หรือไม่รวมกับของเก่าก็เป็น 40,000บาทจึ งมีการพูดคุยกันต่างฝ่ายต่างลดลงมาเหลือที่ 40,000 บาท แต่ตนเองไม่มีเงินสดจ่ายในตอนนั้น จึงนัดจ่ายวันที่ 15 พฤศจิกายน 2566 แต่ในวันดังกล่าวตนเองมีภารกิจของหมู่บ้านเยอะและต้องวิ่งไปประชุมบริษัทรวมทั้งไประงับเหตุทะเลาะวิวาทในหมู่บ้านด้วย จึงทำให้การโอนเงินล่าช้ารวมเบ็ดเสร็จ 50,000 บาท กับของเดิมด้วย พอหลังจากโอนเงินเสร็จตนเองก็ไม่ได้ไปติดตามอะไรเพิ่ม มีเพียงบอกการตำรวจว่าโอนเงินให้กับทางคู่กรณีแล้ว ก่อนจะเกิดปัญหาขึ้น หลังจากเมื่อวานที่ผ่านมาตนเองกำลังเดินทางกลับบ้านเห็นนักข่าวอยู่ที่บ้านน้องแล้ว จึงได้เข้าไปสอบถามจึงทราบเรื่องว่าครอบครัวของน้องไม่พอใจว่าได้เงินน้อย อยากจะได้เงินเพิ่ม ทำให้ตนเองเกิดความสงสัยว่าทำไมลงบันทึกประจำวันพูดคุยกันเสร็จแล้ว แต่กลับมีเรื่องร้องเรียนกันเกิดขึ้นอีก

ในเรื่องนี้หากจะจบ ตนเองก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าจะจบที่ตรงไหนอย่างไรถึงจะจบ เพราะคุยไกล่เกลี่ยกันในชั้นพนักงานสอบสวนแล้ว มีตำรวจเป็นคนกลางพูดคุยไกล่เกลี่ยทุกอย่างคุยกันจบ ตนเองชดใช้ตามจำนวนเงินที่พูดคุยกัน แต่กลับมาเรียกร้องว่าจะเอาเงิน 100,000 ตนเองมองว่ามันไม่มีที่สิ้นสุด จึงอยากคุยกับทางครอบครัวอีกครั้งว่าจุดสิ้นสุดคืออะไร แต่หากจะให้เงิน 100,000 ตนเองคงหาให้ไม่ได้ เพราะน้องก็ประมาทและถ้าให้เงิน 100,000 ไปจะจบที่เงิน100,000ไหม หรือต่อไป อีกที่ 1,000,000 ก็อยากจะพูดคุยให้จบจริงๆ และเรื่องการไกล่เกลี่ยหากไม่พอใจ ในข้อตกลงก็สามารถยกเลิกกลางคันได้ หรือหากมีการข่มขู่เมื่อกลับถึงบ้านแล้วอยู่ในที่ปลอดภัย ก็สามารถโทรศัพท์ไปบอกตำรวจได้ว่าไม่ตกลงกับการไกล่เกลี่ยนี้ แต่ปล่อยระยะเวลามาหลายวันแล้วบอกว่าตกใจเพิ่งตั้งสติได้ ตนเองมองว่ามันไม่ยุติธรรมกับตนเองอยากจะขอความเป็นธรรมในเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน

อย่างไรก็ตามในวันพรุ่งนี้ทางเจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะลงพื้นที่มาตรวจสอบร้านของนายจ้างดังกล่าวว่าดำเนินการถูกต้องตามกฏหมายหรือไม่.

 

 

 

 

 

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส