แถลงจับต่างด้าวมือยิงสนามฟุตบอล

13 ธ.ค. 66

แถลงจับต่างด้าวมือยิงสนามฟุตบอล

ตามนโยบายของ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. สั่งการให้ สตม. สกัดกั้น ตรวจสอบ ระดมจับกุมคนต่างด้าวที่เข้ามาประกอบธุรกิจผิดกฎหมายในประเทศไทย รวมทั้งให้ดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือ กลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุ หรือโดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ประพันธ์ศักดิ์ ประสานสุข ผบก.สส.สตม., พล.ต.ต.ณัฐกร ประภายนต์ ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.เพลิน กลิ่นพยอม    รอง ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.ภาณุภาคยณ์ จิตต์ประยูรตี ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.สุรศักดิ์ สุรินทร์แก้ว รอง ผบก.สส.สตม. ร่วมแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญ ดังนี้

แถลงจับต่างด้าวมือยิงสนามฟุตบอล

  1. สตม. จับกุมนายคำ Khum (นามสมมุติ-ทราบชื่อภายหลัง) คนร้ายก่อเหตุยิงปืนในสนามฟุตบอล พื้นที่ สภ.คูคต ปทุมธานี ขณะเตรียมหลบหนีอยู่บริเวณท่ารถ ใกล้กับด่านพรมแดนด่านบ้านแหลม อ.เทพนิมิตร อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี สืบเนื่องจากเหตุคนร้ายก่อเหตุยิงปืนในสนามฟุตบอล พื้นที่ สภ.คูคต ปทุมธานี เมื่อวันที่ 10 ธ.ค.66 นั้นพล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม. สั่งการให้ทุกหน่วยในสังกัด สตม. ตลอดจน ด่าน ตม. ทั่วประเทศ ดำเนินมาตรการเข้มเพื่อป้องกันเหตุร้าย สร้างความเชื่อมั่น สร้างความปลอดภัย แก่พี่น้องประชาชน และเมื่อเกิดเหตุ ให้ทุกหน่วยตื่นตัว ขับเคลื่อน ประสานข้อมูล จับกุมคนร้ายให้ได้ต่อมาเมื่อวันที่ 10 ธ.ค.66 ได้เกิดเหตุคนร้าย สัญชาติกัมพูชา ก่อเหตุยิงปืนในสนามฟุตบอลแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ ต.คูคต อ.ลำลูกกา จว.ปทุมธานี ทำให้ผู้มาใช้บริการ รวมถึงการแข่งกีฬากระชับมิตรของแรงงานกัมพูชากว่า 200 คน ต้องหนีตายโกลาหล หลังเกิดเหตุ พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. ได้สั่งการให้ “บก.สส.สตม. , ตม.จว. , ด่าน ตม. ชายแดน ในสังกัด บก.ตม.3” ตลอดจนด่าน ตม.ชายแดนทั่วประเทศ เร่งสืบสวน ติดตามจับกุมตัวคนร้าย ประสานข้อมูลกับทุกภาคส่วน ทุกภาคีเครือข่าย ผู้ประกอบการรถขนส่ง พี่น้องประชาชน เพื่อแจ้งเบาะแส ของทุกพื้นที่ กดดันไม่ให้คนร้ายหลบหนีได้ต่อมาจากการสืบสวนขยายผลทราบว่า คนร้ายคือ นายคำ Khum (นามสมมุติ) สัญชาติกัมพูชา ซึ่งหลังก่อเหตุได้หลบหนีไป “ตำรวจ ภ.1” และ ”สตม.“ ได้ร่วมกันติดตามจับกุมตัวคนร้ายมาโดยตลอด ต่อมาวันนี้ เวลาประมาณ 10.00 น. ตม.จว.จันทบุรี บก.ตม.3 ซึ่งได้รับการประสานข้อมูลจาก ภ.1 , บก.สส.สตม., กก.สส.บก.ตม.3, ตม.จว.ปทุมธานีตม.จันทบุรี จึงได้ประชาสัมพันธ์กับหน่วยงานและภาคเอกชนในพื้นที่ ว่าหากพบบุคคลต้องสงสัยมีสัญลักษณ์รอยสัก BK ที่แขน และมีลักษณใกล้เคียงตามภาพ ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ต่อมา พบชายต้องสงสัยอยู่บริเวณท่ารถ จึงเข้าตรวจสอบ จากการซักถามรับว่าจะหลบหนีข้ามแดน แต่เนื่องจากไม่มีเอกสารจึงไม่สามารถข้ามได้ จนท.ตม. คาดว่าผู้ต้องหาน่าจะรออยู่บริเวณด่านเพื่อหาโอกาสข้ามแดนตามช่องทางธรรมชาติหลบหนีเจ้าหน้าที่ ตม.จันทบุรี จึงได้ซักถาม นาย Khum (นามสมมุติ-ทราบชื่อภายหลัง) รับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุจริง โดยหลังเกิดเหตุได้มี นาย Heng  (นามสมมุติ) สัญชาติกัมพูชา เป็นคนพาหลบหนี ส่วนอาวุธปืน ทิ้งไว้บริเวณที่เกิดเหตุ นอกจากนี้ ยังพบว่า นาย Khum ลักลอบอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด อีกด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้จับกุมตัวดำเนินคดี ตามหมายจับของศาลจังหวัดธัญบุรี ที่ 938/2566 ลงวันที่ 11 ธ.ค.66 ฐานความผิด ”ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่มีเหตุอันควร ยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุในเมืองหมู่ บ้านหรือที่ชุมนุมชนและเป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือการอนุญาตสิ้นสุดหรือถูกเพิกถอน“ทั้งนี้ ได้จัดทำบันทึกซักถามและรายงานการควบคุมตัวตาม พรบ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหายพ.ศ.2565 และนำตัวผู้ต้องหาส่ง สภ.คูคต จว.ปทุมธานี เจ้าของคดีเพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

แถลงจับต่างด้าวมือยิงสนามฟุตบอล

  1. สตม. โดยฝ่ายสอบสวน บก.สส.สตม. เพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร นายหวง หงตา สัญชาติจีน สตม. ได้รับการประสานงานจากสถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย กรณีผู้ต้องหารายสำคัญซึ่งรัฐบาลจีน ได้เพิกถอนหนังสือเดินทางจีน คือ นายหวง หงตา อายุ 30 ปี บุคคลตามหมายจับรัฐบาลจีนกระทำความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชนในลักษณะแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งหลอกลวงชาวจีน โดยมีผู้เสียหายหลายราย ซึ่งมูลค่าความเสียหายกว่า 60 ล้านหยวน และใช้ประเทศเมียนมาเป็นฐานในการกระทำความผิดตั้งแต่ปี 2022 จึงถึงปัจจุบัน โดยปัจจุบันพบว่าหลบหนีมาอยู่ในประเทศไทย จากการตรวจสอบข้อมูลในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ตม. พบว่า ผู้ต้องหารายดังกล่าวได้เดินทางเข้ามาในประเทศไทย ด้วยวีซ่านักท่องเที่ยวและการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรยังไม่สิ้นสุด ผบก.สส.สตม. จึงได้อนุมัติให้เพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร เนื่องจากพิจารณาเห็นว่าเป็นบุคคลซึ่งเจ้าหน้าที่รัฐบาลต่างประเทศได้ออกหมายจับ มีพฤติการณ์ที่สมควรเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรแล้วขึ้นบัญชีเป็นบุคคล เฝ้าระวังไว้ และสั่งการให้ จนท.บก.สส.สตม.สืบสวนติดตามจับกุมเพื่อนำตัวมาดำเนินการส่งกลับไปดำเนินคดีที่สาธารณรัฐประชาชนจีน เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสืบทราบว่า นายหวง หงตา เดินทางไปพักอาศัยอยู่ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ จนท.บก.สส.สตม. จึงได้ร่วมกับ ตม.จว.เชียงใหม่ เข้าตรวจสอบและพบบุคคลซึ่งมีตำหนิรูปพรรณเหมือนกับนายหวง หงตา จึงได้แสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจขอตรวจสอบหนังสือเดินทาง พบว่าเป็นบุคคลเดียวกันกับที่ถูกเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร จึงแจ้งหนังสือเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรให้ทราบ และนำตัวส่ง กก.3 บก.สส.สตม. เพื่อดำเนินการต่อไป

แถลงจับต่างด้าวมือยิงสนามฟุตบอล

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส