4 โจ๋แทงหนุ่มป่วยจิตดับ ลั่นหวังป้องกันตัว

9 ธ.ค. 66

โจ๋ 23 อ้างป้องกันตัวหลังหนุ่มป่วยจิตคลั่งจะทำร้าย พร้อมเผยเหตุการณ์ช่วงเกิดเหตุ

จากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ตะโหมด   จังหวัดพัทลุง ได้รับแจ้งเหตุชายวัยกลางคนถูกทำร้ายร่างกายที่บริเวณริมถนนสายแม่ขรี -ตะโหมด พื้นที่บ้านปลั๊กปอม หมู่ที่  5  ตำบลแม่ขรี  อำเภอตะโหมด จังหวัดพัทลุง  ทราบชื่อคือ “ นายสุรศักดิ์  มณีกุล ” อายุ  40 ปี   ได้รับบาดเจ็บที่บริเวณร่างกายกลางลำตัวและบริเวณเเขน ก่อนที่ทางเจ้าหน้าที่ได้นำตัวส่ง โรงพยาบาลตะโหมดและเสียชีวิตในเวลาต่อมา ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบจุดเกิดเหตุ ไม่พบร่องรอยการรื้อค้นภายในบ้าน โดยผู้เสียชีวิตพักอาศัยอยู่เพียงคนเดียว ไม่เคยมีศัตรูที่ไหน และมีอาการป่วยทางจิตเวช

กระทั้งเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาทาง “นายพิชญุตม์ เจริญศรี หรือ ซอน”  อายุ 23 ปี ผู้ก่อเหตุใช้มีดแทง “นายสุรศักดิ์”   ได้เดินทางเข้ามอบตัวกับตำรวจชุดสืบสวน สภ.ตะโหมดแล้ว โดยมีครอบครัวและแม่เดินทางพาลูกชายมามอบตัว  ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการสอบสวนพร้อมนำตัวผู้ต้องหาและพวกอีก 3 คน ไปทำแผนประกอบรับคำสารภาพ

ซึ่งเหตุการณ์นั้นเริ่มจากที่ “นายพิชญุตม์” ผู้ต้องหา  ได้อธิบายเหตุการณ์เบื้องต้นว่า เมื่อวานนี้เวลาประมาณ 4 โมงเย็น เจ้าตัวพร้อมเพื่อนได้เดินทางไปตกปลาบริเวณคลองใกล้บ้านของนายสุรศักดิ์ โดยตนเองไปตกปลาบริเวณนั้นเป็นครั้งแรก จากนั้นเมื่อไปถึง ได้นำเบ็ดวางเพื่อตกปลา ผ่านไปไม่นาน กระทั่ง “นายจอห์น” 1 ในกลุ่มเพื่อน ซึ่งรู้จักกับ “นายสุรศักดิ์” ผู้เสียชีวิต เนื่องจากเป็นลูกชายของแม่เลี้ยงนายสุรศักดิ์ ได้เดินไปพูดคุยกับนายสุรศักดิ์บริเวณรถมอเตอร์ไซค์ของพวกตนเองที่จอดอยู่ริมคลอง แต่ปรากฏว่าเมื่อ “นายจอห์น”ได้พูดคุยกันได้ไม่นาน “นายสุรศักดิ์” ได้มีปากเสียงกับ“นายจอห์น”  ส่วนตัว พร้อมด้วย นายบูธ และนายกอล์ฟ จึงเดินเข้าไปดู แต่ระหว่างที่ตนเองและเพื่อนกำลังเดินไปถึง นายสุรศักดิ์ผู้ตายได้วิ่งเข้าไปเอามีดพร้าจากภายในบ้าน และวิ่งปรี่จะไล่ฟันพวกตนเอง

พวกตนเองจึงวิ่งหนีด้วยความตกใจ จากนั้นนายสุรศักดิ์ เมื่อเอามีดไล่ฟันพวกตนเองไม่สำเร็จ ได้ใช้มีดพร้าไปฟันรถมอเตอร์ไซค์รถของพวกตนเองจำนวน 2 คันที่จอดทิ้งไว้จนได้รับความเสียหาย หลังจากฟันเสร็จ นายสุรศักดิ์ได้ทิ้งมีดพร้าลงคลอง และเดินเข้าไปในบ้าน

ส่วนพวกตนเองหลังจากเห็นว่า นายสุรศักดิ์ ได้เข้าไปภายในบ้านแล้ว จึงได้กลับมาเอารถมอเตอร์ไซต์ที่จอดทิ้งไว้พร้อมเบ็ดตกปลาเพื่อกลับบ้าน เพราะไม่อยากมีปัญหา แต่เมื่อพวกตนเองได้ย้อนกลับไปรอบที่ 2 ได้เห็นนายสุรศักดิ์ยืนอยู่ไม่ไปไหน โดยถือจอบอยู่ด้วย

ส่วนตัวและนายกอล์ฟ จึงได้เข้าไปสอบถามนายสุรศักดิ์ว่า ทำไมถึงทำลายรถมอเตอร์ไซค์ของพวกตนเอง แต่นายสุรศักดิ์ขณะนั้น พูดจาไม่รู้เรื่องคล้ายคนเมา และได้ใช้จอบจะฟาดนายกอล์ฟเพื่อนของตนเองที่มาด้วย และกำลังจะหันมาทำร้ายตนเองอีกคน  ด้วยความตกใจ จึงใช้มีดที่ตนเองพกติดตัวมาด้วย แทงนายสุรศักดิ์เพื่อป้องกันตัว โดยตอนนั้นคิดว่า ต้องการแทงเฉี่ยวๆ ให้“นายสุรศักดิ์” หยุดคลั่ง และคิดว่า “นายสุรศักดิ์” ไม่เป็นอะไรมาก จึงรีบวิ่งไปเอารถและเบ็ดตกปลาเดินทางกลับบ้านทันที โดยตนเองไม่คิดว่า ต่อมานายสุรศักดิ์จะสิ้นใจตาย

ซึ่งหลังจากรู้ข่าว เนื่องจากแม่ของตนเองโทรศัพท์มาบอก ก็ตกใจมาก และรีบเดินทางเข้ามอบตัวกับตำรวจทันที โดยตนเองอยากขอโทษครอบครัวของคนตาย ยืนยันว่า ไม่มีเจตนาจะแทงให้นายสุรศักดิ์ตายจริงๆ ทำไปเพราะป้องกันตัวเท่านั้น เพราะตนเองไม่เคยรู้จักกับผู้ตาย และเพิ่งเดินทางมากับเพื่อนเพื่อตกปลาเล่นกันเท่านั้น

ทั้งนี้ทางทีมข่าวได้ ได้เดินทางไปที่บริเวณสถานีตำรวจภูธรตำรวจซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการสอบปากคำ ก่อนที่ทางตำรวจแจ้งข้อหาทั้งหมดฐาน ร่วมกันฆ่าผู้อื่น โดยผู้ต้องหาทั้งหมดเดินทางเข้ามามอบตัวกับตำรวจเพื่อต่อสู้คดี จึงได้รับการประกันตัวปล่อยตัวชั่วคราว

ทั้งนี้ภายหลังที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการสอบปากคำแล้วเสร็จ ทางทีมข่าวได้พยายามสอบถาม “ นายพิชญุตม์” ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พูดเพียงสั้นสั้นว่าเหตุการณ์ดังกล่าวส่วนตัวไม่ได้ตั้งใจ เป็นการป้องกันตัว และรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งนี้รู้สึกผิดและช็อคกับสิ่งที่ได้ทำไป  อย่างไรก็ตามทางทีมข่าวได้สอบถามว่าอยากจะบอกอะไรกับทางญาติของผู้เสียชีวิต ทางเจ้าตัวเองก็บอกสั้นๆ ว่าอยากขอโทษและยืนยันคำเดิมว่าไม่ได้ตั้งใจจะให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น

ขณะที่ครอบครัวได้มีการตะโกนย้ำว่า หลานชายไม่ได้ตั้งใจทำ น้องรู้สึกผิดกับเหตุการณ์ดังกล่าว ที่ผ่านมาน้องเป็นคนตั้งใจเรียนไม่เคยมีประวัติอาชญากรรมมาก่อน ทั้งนี้ทางญาติได้มีการขอความร่วมมือและพาตัวหลานชายขึ้นรถคันสีขาว  ออกจากบริเวณบริเวณสถานีตำรวจ อย่างไรก็ตามในช่วงจังหวะที่ทางผู้ต้องหาได้เดินออกมาจากห้องสอบสวน เจ้าตัวมีสีหน้าที่เคร่งเครียด รวมไปถึงมีลักษณะสีหน้าที่กังวลคล้ายจะร้องไห้อยู่ตลอดเวลา ซึ่งทางญาติเองก็บอกว่าทางหลานชายยังคงช็อคและทำใจกับเรื่องดังกล่าวไม่ได้

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส