“ทวี” ลั่นไม่ตั้งธงให้ "เสี่ยแป้ง" เป็นศพ รับสะเทือนทั้งวงการยุติธรรม

25 พ.ย. 66

"พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม" ชี้แจง กรณีเสี่ยแป้ง หากพบพยานหลักฐานใหม่ สามารถขอรื้อฟื้นคดีได้ - ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง

พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมาจากกรณีที่ นายเชาวลิต ทองด้วง หรือ แป้ง นาโหนด (ผู้ต้องขังหลบหนีจากการควบคุมของกรมราชทัณฑ์) ได้มีการเผยแพร่คลิปวีดีโอ โดย พันตำรวจเอก ทวี ระบุว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้เกี่ยวข้อง รวมถึงเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ที่ไปสนับสนุนกำลังติดตามในพื้นที่ จ.พัทลุง ก็ยังอยู่ระหว่างติดตามจับกุมตัวนายเชาวลิตต่อเนื่อง ขณะนี้ ได้สั่งให้ นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ตรวจสอบไปยังบุคคลใกล้ชิดของนายเชาวลิต ซึ่งจะต้องพิสูจน์ให้ชัดเจนว่าคลิปวิดีโอดังกล่าวที่เผยแพร่ออกมาใช่เจ้าตัวหรือไม่ แต่ก็ยังไม่มีข้อมูลที่ปฏิเสธได้ว่าไม่ใช่ หรือใช่ ซึ่งกำลังตรวจสอบ และจะให้ญาติพี่น้องของเขาช่วยดูด้วย อีกทั้งคลิปวิดีโอที่มีการเผยแพร่ออกมา มันได้แสดงให้เห็นว่าตัวเขายังอยู่ หวังว่าเจ้าตัวจะเข้ามาสู่กระบวนการยุติธรรม และเราก็มีหน้าที่จะต้องติดตามจับกุม นอกจากนี้ เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาตนได้มีการหารือกับ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ซึ่งท่านได้ให้ความสำคัญและมอบหมายในการดำเนินคดีติดตามจับกุมตัว

พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวอีกว่า ส่วนในประการที่สอง เรื่องของข้อมูลที่นายเชาวลิตได้ออกมาสื่อสารคล้ายลักษณะกล่าวว่าตัวเองไม่ได้รับความเป็นธรรม โดยระบุว่าในคดีที่ถูกศาลตัดสินจำคุก ได้มีผู้ร่วมกระทำผิดหลายราย แต่เหตุใดผู้ร่วมกระทำความผิดด้วย จึงไม่ถูกฟ้องร้องหรือดำเนินคดีเช่นเดียวกัน ซึ่งในเรื่องนี้ในส่วนของกระทรวงยุติธรรม ตนได้มอบหมายให้นางพงษ์สวาท นีละโยธิน ปลัดกระทรวงยุติธรรม และรองปลัดกระทรวงยุติธรรม รวมถึงอธิบดีกรมราชทัณฑ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และเลขาธิการ ป.ป.ส. ดำเนินการตรวจสอบ เพราะฐานคดีเดิมมันเป็นการที่นายเชาวลิต ไปชิงตัวบุคคลที่ถูกจับกุมเรื่องยาเสพติด ตนจึงให้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งในคดีดังกล่าวจะเป็นไปตามที่เจ้าตัวร้องหรือไม่นั้น จากการตรวจสอบเบื้องต้นทราบว่าเป็นเหตุการณ์ชิงตัวผู้ต้องหาคนหนึ่งที่ถูกตำรวจจับเรื่องยาเสพติด และพอนายเชาวลิตและพวกสามารถชิงตัวบุคคลนั้นออกมาได้ ก็มีการทำร้ายตำรวจ จึงถูกดำเนินคดีร่วมกันปล้นทรัพย์กับพวกรวม 7 คน โดยในจำนวนนี้พบว่านายเชาวลิต กับพวกทั้ง 7 คนถูกตำรวจสั่งฟ้องทั้งหมด ส่วนในชั้นอัยการ ตนยังไม่ได้รับสำนวนมาตรวจสอบ แต่พบว่าในคำพิพากษาจากกระบวนการที่เกี่ยวข้อง มีชื่อนายเชาวลิตเป็นจำเลยของศาลจังหวัดพัทลุง ซึ่งอัยการจั่วหัวว่าเหตุเกิดวันที่ 2 ก.ค. 2562 ในเวลาหลังเที่ยงคืน จำเลยกับพวกประมาน 20 คนที่หลบหนี ยังไม่ได้นำตัวมาฟ้อง ได้ร่วมกันใช้อาวุธปืนกล M16 เป็นต้น ไปชิงตัวบุคคลที่ถูกตำรวจจับกุมมา จึงเป็นเรื่องที่เข้าใจนายเชาวลิตได้ว่า เนื่องจากมีผู้ร่วมกันตั้งเยอะแต่ทำไมไม่ถูกดำเนินคดีด้วย

พันตำรวจเอก ทวี กล่าวต่อว่า ในเรื่องนี้ ในส่วนของกระทรวงยุติธรรม เนื่องจากเป็นเรื่องที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม เราจึงจะตั้งคณะกรรมการเข้าไปตรวจสอบว่าในคดีเดิม สามารถมีพยานหลักฐานใหม่อันสำคัญต่อคดีเพื่อที่จะรื้อฟื้นคดีได้หรือไม่ โดยจะหารือใกล้ชิดกับ ผบ.ตร. ว่า ถ้ามันรื้อฟื้นคดีใหม่ จะให้เป็นคดีที่ดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือหากเห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญ จะให้เป็นคดีพิเศษ ซึ่งจะดำเนินการโดยกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ก็ได้ เพราะว่าในคดีดังกล่าวทราบว่ามีการฟ้องไป 7 รายหรืออาจจะมากกว่านั้น แต่เท่าที่ไปตรวจสอบจากคำพิพากษาในคดีเกี่ยวเนื่องกับตัวบุคคล เช่น บุคคลที่อ้างชื่อว่า นายสิทธิเดช หรือจรวด ก็มีคดีที่ศาลตัดสินลงโทษเหมือนกัน ซึ่งศาลตัดสินในเดือน ธ.ค.65 ในคดีพยายามฆ่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเหตุการณ์ก็เกิดวันที่ 2 ก.ค.62 เช่นเดียวกัน อัยการอาจจะแยกฟ้องก็ได้

พันตำรวจเอก ทวี กล่าวด้วยว่า ส่วนของนายเชาวลิต ทราบว่ามีคดีอื่นที่อาจจะเป็นคดีร่วมกันพยายามฆ่าผู้ช่วยเหลือเจ้าพนักงานที่เป็นข่าวดัง ๆ ที่ร้านเติมสุข จ.พัทลุง ได้ร่วมกับพวกจำนวนมาก ทราบว่ามีการฟ้องร้อง ซึ่งตนคิดว่าในเรื่องนี้อาจจะเป็นเรื่องสะเทือนขวัญ เป็นเรื่องที่ประชาชนสนใจ ตนก็ได้ให้ปลัดกระทรวงยุติธรรมและคณะฯ ประสานกับ ผบ.ตร. อย่างใกล้ชิด เพื่อทำความจริงให้ปรากฏ เพราะว่าในความรู้สึกของนายเชาวลิต ที่เขาได้ระบายถึงกระบวนการยุติธรรมและความยุติธรรมนั้น เราก็ไม่ได้ต้องเชื่อเขาแต่จะต้องนำข้อมูลที่เขาระบุ รวมถึงคำพิพากษาของศาลว่ามีบุคคลที่เกี่ยวข้องถึงประมาณ 20 รายดังกล่าว จะต้องไปสอบสวนเพิ่มเติมพร้อมกับหลักฐานต่าง ๆ อาจจะต้องมีการตรวจเส้นทางการเงิน ก็เป็นเรื่องที่จะต้องทำให้เร็วในส่วนของกระทรวงยุติธรรม

พันตำรวจเอก ทวี กล่าวเสริมว่า การจะรื้อฟื้นคดีขึ้นมาใหม่นั้น ตามหลักประมวลวิธีพิจารณาความอาญา คดีที่อัยการสั่งไม่ฟ้องจนถึงที่สุด จะต้องมีพยานหลักฐานใหม่ แต่คำพูดของนายเชาวลิตในคลิปวีดีโอ ยังไม่ใช่หลักฐานใหม่ แต่บุคคลที่นายเชาวลิตระบุถึงในจดหมายร้องเรียน หรือบุคคลที่ไม่ได้ถูกสอบปากคำเป็นพยาน รวมถึงเรื่องต่าง ๆ โดยเฉพาะหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ถ้าหากรวบรวมได้ เราถือว่าเป็นพยานหลักฐานใหม่ และตนทราบว่าอัยการสูงสุดท่านปัจจุบันเป็นคนตรงไปตรงมาก็คงจะต้องไปประสานกับท่านว่ามีบุคคลใดในวงการที่ไปเกี่ยวข้องบ้าง ยอมรับว่าสะเทือนไปหมดทั้งกระบวนการยุติธรรม

พันตำรวจเอก ทวี กล่าวทิ้งท้ายถึงนายเชาวลิต ว่า ตนอยากจะเรียนว่าในกระบวนการยุติธรรม เราไม่มีใครตั้งธงว่าจะต้องให้เขาเป็นศพ เพราะเราอยากได้ตัวเขากลับเข้ามา ส่วนในคดีที่เขาร้องเรียนว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม อีกทั้งเขาก็ไม่ได้ปฏิเสธเรื่องที่ติดคุก แต่คนที่ควรจะติดคุกมากกว่าเขานั้นมีอยู่ เราก็รับว่าจะมาทำให้ นับว่าเป็นโอกาสที่ดีเมื่อมีเรื่องต่าง ๆ รัฐบาลประกาศว่าต้องมีหลักนิติธรรม โดยหลักนิติธรรมนั้น พยานหลักฐานและกฎหมายต้องเป็นใหญ่ไม่ใช่คนเป็นใหญ่กว่ากฎหมายในกระบวนการยุติธรรม ยืนยันว่าเราจะตรวจสอบความจริงให้

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส