ตำรวจอุดรฯตามจับโจรบาป วิ่งราวต้นกฐินแม่ค้าส้มตำ

ตำรวจอุดรฯตามจับโจรบาป วิ่งราวต้นกฐินแม่ค้าส้มตำ ร่ำไห้น้ำตายกมือไหว้ขอโทษสังคม อ้างตกงานแต่มีเงินซื้อยาบ้าเสพ 

จากกรณีมีคนร้ายเป็นชาย 1 คน ขี่รถจักรยานยนต์ ก่อเหตุวิ่งราวต้นเงินกฐินสามัคคี วัดป่าดงหนองตาล ที่มีเงินที่ชาวบ้านมาร่วมทำบุญด้วยประมาณ 700 บาท ตั้งไว้บนโต๊ะ หน้าร้านส้มตำและไก่ปิ้ง ริมถนนเลียบทางรถไฟ ตรงข้ามแฟลตตำรวจรถไฟอุดรธานี ชุมชนหนองเหล็ก ม.9 เขตเทศบาลนครอุดรธานี 

ซึ่งเป็นของ น.ส.เนาวรัตน์ ศักรบุตร อายุ 41 ปี โดยมีภาพกล้องวงจรปิดสามารถบันทึกภาพขณะคนร้ายซิ่งจักรยานยนต์หลบหนีในชุมชนหนองเหล็ก โดยมีนายวัฒนา จุฑาสมิต อายุ 41 ปี สามีน.ส.เนาวรัตน์ขี่รถจักรยานยนต์พ่วงข้างไล่ติดตามคนร้าย แต่ก็ตามไม่ทัน ก่อนโทรแจ้งตำรวจ 

ความคืบหน้าเมื่อเวลา 21.00 น. วันที่ 16 พ.ย.66 พ.ต.ท.บรรจง พาโคตร สว.สส.สภ.เมืองอุดรธานี ร.ต.อ.บรรเทิง ทัพโยธา รองสว.สส. พร้อมด้วยตำรวจชุดสืบสวนเข้าจับกุมตัวคนร้ายที่ก่อเหตุคือ นายวรวิทย์ หรือ โดโด้ อายุ 27 ปี ที่หน้าบ้านพัก ต.สามพร้าว อ.เมืองอุดรธานี 

พร้อมด้วยของกลางรถจักรยานยนต์ที่ใช้ก่อเหตุ และหลักฐานจากภาพจากกล้องวงจรปิด บริเวณหน้าบ้านเรือนประชาชนในชุมชนหนองเหล็ก และกล้องวงจรปิดของเทศบาลนครอุดรธานีที่สามารถบันทึกตำหนิรูปพรรณคนร้าย และยานพาหนะได้อย่างชัดเจนขณะขี่รถหลบหนี 

ควบคุมตัวมาสอบสวนที่โรงพักให้การรับสารภาพเป็นคนก่อเหตุจริง เพราะจำนนด้วยหลักฐาน ตรวจปัสสาวะพบมีผลเป็นบวกจากการเสพยาเสพติด ตำรวจจึงแจ้งข้อกล่าวหาว่า “ลักทรัพย์ผู้อื่นโดยใช้ยานพาหนะในการพาทรัพย์นั้นหลบหนีและเสพยาเสพติดให้โทษประเภท1(ยาบ้า)โดยผิดกฎหมาย” ควบคุมตัวส่ง พ.ต.ต.วัฒพงศ์ จำนงอุดม สว.สอบสวนสภ.เมืองอุดรธานี ดำเนินคดีตามกฎหมาย 

จากการสอบสวนนายโดโด้ให้การรับสารภาพทั้งน้ำตาว่า ปัจจุบันตนมีอาชีพรับจ้างทั่วไป และตกงานมา 4-5 เดือน เพราะลาออกจากงานโรงผลิตน้ำดื่มในพื้นที่ อ.พิบูลย์รักษ์ จ.อุดรธานี มาทำงานก่อสร้าง แต่ช่วงนี้ไม่มีงาน ที่ตนทำไปเนื่องจากไม่มีเงินซื้อข้าวสาร และนมข้นให้ลูกชาย 2 คนอายุ 4 ขวบและ 5 ขวบ ซึ่งเป็นลูกติดภรรยา แต่ตนเลี้ยงมาตั้งแต่ยังแบเบาะ และรักเขาเหมือนลูกในไส้ 

นายวรวิทย์ ให้การสารภาพอีกว่า ก่อนก่อเหตุได้ขี่รถจักรยานยนต์ของแม่ยายออกมาจากบ้าน ขี่เข้ามาในตัวเมืองอุดรธานี เห็นต้นเงินกฐินของแม่ค้าส้มตำจึงอยากได้ และก่อเหตุอุ้มต้นเงินกฐินซิ่งรถจักรยานยนต์หลบหนีไปขึ้นสะพานข้ามคลองเลียบทางรถไฟท้าย ซอยหนองเหล็ก 4 และไปถอดและแกะเอาเงินต้นกฐินนับได้ 280 บาท มีธนบัตร 100 บาท 1 ใบนอกนั้นเป็นธนบัตร 20 บาทก่อนถึงโรงเรียนอุดรบอสโกวิทยาที่ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 3 กิโลเมตร ก่อนมาถูกตำรวจตามมาจับกุมตัวที่บ้านหลังกลับจากรับจ้างเกี่ยวข้าว 

“ผมไม่อยากทำเลย แต่ที่บ้านไม่มีข้าวสารหุงและนึ่งกินเลยสักเม็ดเดียว อยากขอโทษผู้เสียหายและสังคมผ่านสื่อ ขอชดใช้กรรมในสิ่งที่ตนเองก่อเอาไว้ รู้ว่ามันเป็นบาปกรรมหนักที่ไปขโมยต้นเงินกฐิน และวันนี้ไปรับจ้างเกี่ยวข้าวได้เงินมา 400 บาท นำไปซื้อข้าวสารและนมข้นให้ลูกชายทั้ง 2 คนได้กิน และนำไปซื้อยาบ้าจากวัยรุ่นในหมู่บ้าน 1 เม็ด ราคา 40 บาท มาเสพและติดเสพมาตั้งแต่เรียนอยู่ชั้น ม.3 ถูกจับเสพมา 2 ครั้ง ปัจจุบันนานๆ จะเสพสักครั้ง เพื่อแก้เหนื่อย หากมีเงินซื้อมากก็จะเสพมากเป็นธรรมดา และเมื่อพ้นโทษออกมา ตนขอสัญญาว่าจะเลิกเสพยาและไม่ก่อเหตุแบบนี้แล้ว”