วัยรุ่นเปิดศึก ปาระเบิด-ยิงถล่มใส่อริ กระสุนโดนโจ๋วัย 15 เสียชีวิตกลางถนน ย่านประเวศ
เมื่อเวลา 02.00 น. วันที่ 13 พ.ย.2566 ร.ต.ท.จักราช ธนวชิรากร รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ประเวศ รับแจ้งเหตุวัยรุ่นถูกยิงด้วยอาวุธปืนเสียชีวิต 1 ราย ใกล้ปากซอยพัฒนาการ 53 ถนนเลียบคู่ขนานมอเตอร์เวย์ กรุงเทพ-ชลบุรี แขวงและเขตสวนหลวง กทม. จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมฝ่ายสืบสวน สน.ประเวศ เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) แพทย์นิติเวชโรงพยาบาลตำรวจ และอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ้ง
ที่เกิดเหตุเลยปากซอยมาเล็กน้อยช่องเลนซ้ายสุดพบศพนายแมน (นามสมมติ) อายุ 15 ปี
นักเรียนชั้น ม.5 โรงเรียนแห่งหนึ่ง สภาพนอนหงายมีเลือดไหลจากหัวเปื้อนเสื้อแขนยาวลายสก๊อต สีดำแดง ทับเสื้อยึดคอกลมสีขาว กางเกงยีนขายาวสีดำ ใส่ถุงเท้ารองเท้าแตะ ตรวจสอบตามร่างกายบริเวณใต้คิ้วมีร่องรอยถูกยิงด้วยกระสุนปืนไม่ทราบขนาดเข้าที่คิ้วซ้าย ใกล้กันมีรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ สีดำแดง ทะเบียน กรุงเทพมหานคร จอดอยู่กลางถนน เป็นรถจักรยานยนต์ของกลุ่มผู้ก่อเหตุ ห่างไปอีก 50 เมตร พบรถจักรยานยนต์ สีน้ำเงินแดง ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ของผู้ตายจอดชิดริมฟุตปาธ นอกจากนี้ยังพบปลอกกระสุน 6 ปลอก จำนวน 2 ขนาด อยู่ระหว่างนำไปตรวจสอบว่าเป็นชนิดใด
จากการสอบถามนายเอ็กซ์ (นามสมมติ) อายุ 16 ปี เพิ่งเรียนจบม.3 ยังไม่ได้ประกอบอาชีพ กลุ่มผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้พวกตนมีปัญหาขัดแย้งกับกลุ่มวัยรุ่นย่านรามคำแหง 60 มานานหลายปี มีเรื่องบาดหมางกันมาตลอดรวมถึงมีการท้าตีท้าต่อยผ่านเฟซบุ๊กบ่อยครั้ง ล่าสุดกลุ่มพวกตนมีเรื่องกันจนกลุ่มอริได้รับบาดเจ็บเข้าโรงพยาบาล กระทั่งถูกเอาคืนด้วยการมาปาระเบิดใส่บ้านรุ่นพี่พวกตน ย่านพัฒนาการ 53 ถึง 4 วันติดกัน วันนี้เป็นวันที่ 5 ก็ถูกปาอีกครั้ง โดยกลุ่มอริมากันราว 20 คน รถจักรยานยนต์เกือบ 10 คัน และรถกระบะ 1 คัน เมื่อก่อเหตุแล้วมาจอดรถริมถนนรวมตัวกันใกล้ปาก ซ.พัฒนาการ 53 เลียบมอเตอร์เวย์ รุ่นพี่จึงโทรเรียกพวกตนราว 10 คน จักรยานยนต์ 5 คัน ให้มาช่วยกันไล่ให้ออกพื้นที่โดยพวกตนมีแต่มีดดาบ เมื่อพวกตนมาถึงจุดเกิดเหตุทั้งสองฝั่งเจอหน้ากันต่างวิ่งเข้าหากันอย่างชุลมุน แต่ฝั่งอริได้ปาระเบิดปิงปอง 4-5 นัด และยิงปืนใส่เกือบ 10 นัด จนรุ่นน้องตนเสียชีวิต 1 คน
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวกลุ่มผู้เสียชีวิตไปสอบปากคำอย่างละเอียด และจะนำรถจักรยานยนต์กลุ่มผู้ก่อเหตุไปตรวจสอบก่อนจะรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับนำตัวมาดำเนินคดีต่อไป
