พบไอ้"เอ็ม"เคยบังคับน้องสาวกินยาพิษ ถ้าไม่ทำจะทำร้ายร่างกาย

23 ก.ย. 66

ตำรวจเร่งตรวจศพไร้ญาติหาร่างลูกชาย"เจษฎา" พบไอ้"เอ็ม"ไม่ชอบลูกชาย น้องโมเดลหน้าคล้ายลูกชายจึงตกเป็นเหยื่อรายล่าสุด อึ้งซักประวัติพบเคยบังคับน้องสาวกินยาพิษ


พลตำรวจ ตรีนพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พร้อมด้วยพลตำรวจตรีธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล และพลตำรวจตรีอรรถพล อนุสิทธิ์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 เรียกประชุมชุดทำงานคดีพ่อฆ่าลูก 5 ศพ ที่สน.บางเขน เพื่อหารือแนวทางการสืบสวนหาพยานหลักฐาน หลังจากที่ผลการตรวจพิสูจน์ชิ้นส่วนกระดูกที่ขุดพบจากบริเวณริมถนนพหลโยธิน ช่วงกิโลเมตรที่ 25 ตามคำกล่าวอ้างของนายส่องศักดิ์ ส่งแสง หรือ เอ็ม และนางสาวเจษฎา มีเพียร ไม่ใช่ชิ้นส่วนกระดูกมนุษย์

หลังประชุมนานกว่า 1 ชั่วโมง พลตำรวจตรีนพศิลป์ เปิดเผยว่า หลังจากที่ผลการตรวจพิสูจน์ชิ้นส่วนกระดูกที่พบไม่ใช่กระดูกมนุษย์ เมื่อวานนี้จึงจำเป็นต้องมีการนำตัวนางสาวเจษฎาไปชี้จุดทิ้งศพในท้องของ สน.สายไหม อีกครั้ง เพราะมีความคลาดเคลื่อน ที่อาจเกิดจากลักษณะทางกายภาพของพื้นที่ที่เปลี่ยนแปลงไป

โดยนางสาวเจษฎาจำได้ว่าตอนที่นำมาทิ้งนั้นลักษณะเป็นป่ากกและมีศาลพระภูมิ แต่เมื่อเทียบพิกัดพบว่าปัจจุบันพื้นที่ดังกล่าว เปลี่ยนเป็นปั๊มน้ำมันไปแล้ว ดังนั้นการจะแสวงหาหลักฐานเพิ่มเติมหลังจากนี้จะมุ่งไปที่การหาข้อมูลจากสถานพยาบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อตรวจสอบหาประวัติศพทารกไร้ญาติ เพื่อนำ DNA ของนายส่องศักดิ์ กับนางสาวเจษฎา ไปเทียบเคียง

แต่เบื้องต้นได้ตรวจสอบกับนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ สถาบันนิติวิทยาศาสตร์กระทรวงยุติธรรม และโรงพยาบาลภูมิพล ในห้วงปีที่เกิดเหตุแล้ว ไม่พบข้อมูลดีเอ็นเอที่ตรงกัน ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบข้อมูลจากรถเก็บขยะอีกทางหนึ่ง ซึ่งรถที่เก็บขยะย่านพหลโยธิน กิโลเมตรที่ 25 จะถูกไปรวมไว้ที่ท่าแร้ง จากนั้นจะส่งต่อไปยังกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม จึงอยากฝากถึงประชาชนที่อาจจะพบเห็นเหตุการณ์หรือพบเห็นข่าวสารในการพบศพไร้ญาติในช่วงปี 2559 และปี 2561 เข้าให้ข้อมูลกับตำรวจ เพื่อเป็นประโยชน์ในทางการสืบสวนคดี

ขณะที่ข้อมูลจากทางเจ้าหน้าที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หรือ พม.ที่ได้สอบถามน้องปิ่น ลูกสาววัย 12 ขวบของนางสาวเจษฎา ทราบว่า ทุกครั้งที่ไปทิ้งศพได้เดินทางไปกับนายส่องศักดิ์ และนางสาวเจษฎาด้วย และเท่าที่จำได้คือเป็นการนำใส่ถุงสีดำไปวางไว้ไม่ได้ฝัง แต่ลูกสาวของนางเจษฎา บอกว่าจุดที่เดินไปเมื่อปี 2559 และ ปี 2561 อยู่ใกล้กับโรงพยาบาลประชาธิปัตย์ ซึ่งชุดสืบสวนได้ไปตรวจสอบเพิ่มเติมด้วย

พลตำรวจตรีนพศิลป์ กล่าวอีกว่า ชุดสืบสวนสอบสวน ยังได้ลงพื้นที่ไปสอบถามประวัติของนายส่องศักดิ์กับบุคคลที่เกี่ยวข้อง ซึ่งพ่อของนายส่องศักดิ์ ให้การยืนยันว่ ในช่วงปี 2540-2546 ลูกชายได้มีพฤติกรรมบังคับน้องสาวให้กินสารพิษ ถ้าไม่ทำก็จะถูกทำร้ายร่างกาย เมื่อพ่อทราบเรื่อง ก็ได้เข้าไปว่ากล่าวตักเตือน แต่กลับถูกลูกชายใช้มีดไล่แทง จึงมีการไปแจ้งความและประกาศตัดพ่อตัดลูกกันตั้งแต่ตอนนั้น

ส่วนข้อมูลทางการสืบสวนที่พบว่า นายส่องศักดิ์มีภรรยา 5 คน ภรรยาคนที่ 1 นางสาวศิรินันท์ ชาวจังหวัดตรัง มีลูกด้วยกัน 1 คน คบหากันช่วงปี2545-2549 ไม่มีเหตุการณ์อะไรผิดปกติ ภรรยาคนที่ 2 นางสาวจิตรตรา ชาวจังหวัดกระบี่ คบหากันปี 2552 ไม่มีลูกด้วยกัน แต่ได้ถูกนายส่องศักดิ์ ใช้มีดจี้บังคับให้ไปจดทะเบียนสมรส และยังมีพฤติกรรมเตะ ต่อย ตี จนเจ้าตัวต้องแกล้งสลบ เพื่อไม่ให้ถูกทำร้ายจนตาย แล้วต่อมาก็ได้แยกทางกันแต่ยังไม่ได้จดทะเบียนหย่า ภรรยาคนที่ 3 นางสาวศรินญา ชาวจังหวัดตรัง มีลูกด้วยกัน 1 คน ระหว่างนั้นไม่มีเหตุการณ์อะไรผิดปกติ กระทั่งนายส่องศักดิ์ มาคบกับภรรยาคนที่ 4 คือ นางสาวเจษฎา มีลูก 5 คน เสียชีวิต 4 คน และภรรยาคนที่ 5 คือ นางสุนัน มีลูก 3 คน

โดยจากการสอบถามแม่ของนางสาวสุนัน ให้การว่า นายส่องศักดิ์และนางสุนัน ได้นำน้องโตโต้ ลูกชายคนสุดท้องมาฝากเลี้ยงไว้ ที่จังหวัดกำแพงเพชร ตอนพามาก็มีร่องรอยบาดแผล ที่จากการสอบถามทราบว่า ถูกนายส่องศักดิ์ ทำร้าย เพราะโมโหง่าย และยังเคยได้ยินนายส่องศักดิ์ พูดกับนางสุนันว่า “ กูไม่ชอบ ไม่สนเด็กผู้ชาย ” ซึ่งหลังจากฝากเลี้ยงไว้นายส่องศักดิ์ ก็ไม่เคยมาเยี่ยมหรือส่งเสียค่าเลี้ยงดู ซึ่งคำให้การนี้สอดคล้องกับมูลเหตุว่าทำไมเด็กชายถึงเสียชีวิต

ส่วนประเด็นที่หลายคนสงสัยเกี่ยวกับการเสียชีวิตของลูกสาวนายส่องศักดิ์ กับ นางสุนัน คือ น้องโมเดล วัย 2 ขวบ ที่ถือเป็นรายล่าสุด พลตำรวจตรีนพศิลป์ บอกว่าจากการสอบสวนพบว่าน้องโมเดล มีใบหน้าคล้ายกับเด็กผู้ชาย

พลตำรวจตรีนพศิลป์ ยังได้พูดถึงเรื่องการดำเนินคดีกับนายส่องศักดิ์ และนางสาวเจษฎา ในความผิดเรื่องการค้ามนุษย์ จากการทำร้ายลูกสาว คือ น้องมายมิ้นท์ วัย 4 ขวบ ลูกของนางสุนัน จนปากแหว่ง ก่อนนำไปเปิดรับบริจาค ระบุว่า พนักงานสอบสวนได้ประสานกับ พม.แล้ว โดยเด็กยังไม่พร้อมให้ปากคำ

แต่จากการรวมรวมพยานหลักฐานของตำรวจ และจากการสอบปากคำนางสาวเจษฎา ยืนยันว่า ช่วงปี 2564-2565 ที่นายส่องศักดิ์ นำน้องมายมิ้นท์ มาให้เลี้ยงดู เด็กยังปกติ แต่มีเชื้อราที่ปาก ซึ่งนางสาวเจษฎา ได้หายาม่วงมาทารักษาให้ ขณะที่นายส่องศักดิ์และนางสุนัน ยังไม่เปิดปากตอบเรื่องนี้ ซึ่งพนักงานสอบสวน จะเข้าไปสอบปากคำเพิ่มเติมในเรือนจำ หลังได้ผลตรวจจากแพทย์ว่าสาเหตุเกิดจากอะไร หากพบว่ามีการทำร้ายจริงและอาศัยความพิการไปแสวงหาผลประโยชน์ จะประสานกับเจ้าหน้าที่กระทรวง พม. ทำการคัดแยกเหยื่อ และพิจารณาเอาผิดกับบุคคลที่เกี่ยวข้องต่อไป ซึ่งรวมถึงนางสาวเจษฎา ที่มีความผิดด้วย เพราะเป็นผู้เปิดเฟซบุ๊กโพสต์ขอรับบริจาค

พลตำรวจตรีนพศิลป์ บอกด้วยว่า วันจันทร์ที่ 25 กันยายนนี้ พนักงานสอบสวนสน.บางเขน จะเดินทางเข้าพบนายส่องศักดิ์ ส่งแสง หรือ เอ็ม ในเรือนจำ เพื่อแจ้งข้อหาเพิ่มเติมในส่วนคดีการเสียชีวิตของลูกชาย 2 คน ในท้องที่สน.บางซื่อ เมื่อปี 2559 และ ปี2561 ประกอบด้วยข้อหา ร่วมกันทำร้ายผู้อื่นให้รับอันตรายสาหัส ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย ซ่อนเร้น ทำลายศพ ช่วยเหลือผู้อื่ให้มิต้องรับโทษ และทำลายศพที่ต้องชันสูตรพลิกศพ ส่วนพฤติการณ์ของนายส่องศักดิ์ เข้าข่ายเป็นคดีฆาตกรรมต่อเนื่องหรือไม่ ตำรวจอยู่ระหว่างพิจารณาตรวจสอบหลักฐานทางคดี เพื่อแจ้งข้อหา “ ร่วมกันฆ่าผู้อื่น “.

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส