สายไหมต้องรอดพาแพะคดีขับเสพติดคุกฟรี 80 วัน ร้องยธ.ขอความเป็นธรรม

31 ส.ค. 66

สายไหมต้องรอดพาแพะคดีขับเสพติดคุกฟรี 80 วัน ร้องยธ.ขอความเป็นธรรม ด้านผู้ต้องหาตัวจริงลั่นไม่คิดว่าเรื่องจะบานปลายก่อนหนีหายติดต่อไม่ได้

 

วันนี้ (31 ส.ค. 2566) เวลา 10.00 น. ที่กระทรวงยุติธรรม นายนิรันดร์ เกแง้ว ทีมงานเพจสายไหมต้องรอด พร้อมนายกำพล และนางดวงพร ครอบครัวของนายอนุชา ผู้ต้องหาที่ถูกตำรวจกองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษหรือ 191 ออกหมายจับและจับกุมผู้ต้องหามาผิดคน ก่อนจะถูกส่งตัวเข้าไปยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร จากนั้นครอบครัวจึงได้รวบรวมพยานหลักฐาน ก่อนที่ศาลจะพบว่าเป็นการออกหมายจับผิดตัวจึงอนุญาตให้ปล่อยตัวนายอนุชาออกมาเมื่อวันที่ 29 สิงหาคมที่ผ่านมา

 

นายกำพล กล่าวว่า นายอนุชาลูกชายถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สปพ.(191) จับผิดตัวเมื่อวันที่ 13 มิ.ย.66 ที่ร้านแอร์ ซอยหทัยราษฎร์ 9 เขตและเขตมีนบุรี กทม. ตามหมายจับศาลอาญารัชดา ข้อหาไม่มารายงานตัวศาลตามที่กำหนดในคดีเสพยาเสพติดประเภท 1 ขณะขับขี่รถ และได้นำตัวส่งดำเนินคดีพื้นที่เกิดเหตุที่สน.โคกคราม ส่งผัดฟ้องฝากขังศาลอาญารัชดา นำตัวไปคุมขังเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร โดยที่ผ่านมาพ่อแม่นายอนุชายื่นขอประกันตัว 7 ครั้ง ศาลไม่อนุญาต ให้เหตุผลว่าผู้ต้องหาหลบหนีมา 3 ปี ทำให้ต้องติดคุกฟรี 80 วัน

 

ซึ่งผู้ต้องหาตัวจริงทราบชื่อนายภูวดล อายุ 26 ปี เป็นเพื่อนนายอนุชา โดยเหตุการณ์กระทำผิดเกิดขึ้นเมื่อคืนวันที่ 23 ส.ค.63 นายภูวดล ขับรถยนต์ไม่ติดแผ่นป้าย ถูกตำรวจ บก.สปพ. เรียกตรวจค้นพบพิรุธรถไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ตรวจปัสสาวะเป็นสีม่วงส่งตรวจหาเสพติดพบมีสารเสพติดประเภท1อยู่ในร่างกาย

 

เจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาเสพสารเสพติดประเภท 1 ขณะขับขี่ วันเกิดเหตุนายภูวดลอ้างไม่ได้นำบัตรประชาชนติดตัว อ้างว่าตัวเองชื่อนายอนุชา ถูกพิมพ์ลายนื้วมือ วันรุ่งขึ้นเจ้าหน้าที่นำตัวไปผัดฟ้องฝากขังที่ศาล และทราบภายหลังว่าแม่ของผู้ต้องหาไปขอบัตรประชาชนของนายอนุชามา อ้างว่าเพื่อมาใช้เป็นหลักฐานประกันลูกชาย แต่เมื่อได้บัตรมาแล้วนำให้นายภูวดลให้เป็นหลักฐานว่าชื่อนายอนุชาตามที่ระบุไว้ครั้งแรกและวันนั้นมีนายประกันมาขอยืนประกัน 2 หมื่นบาท นายภูวดลถูกปล่อยตัวชั่วคราว ต่อมาไม่มารายงานตัวตามศาลนัด ศาลออกหมายจับชื่อในบัตรประชาชน

 

นายกำพล กล่าวอีกว่า ผู้ต้องหาตัวจริงนั้น หลังจากเกิดเรื่องพ่อแม่ก็พยายามโทรหา แต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้ จึงให้เพื่อนอีกคนโทรไปหา แล้วเล่าทุกอย่างให้ฟัง ผ่านไปไม่กี่วันผู้ต้องหาตัวจริงก็ติดต่อกลับมาหาพี่สาวของนายอนุชาเพื่อขอโทษ และตอนนี้ก็ไม่สามารถทำงานได้ แม่ก็ป่วย แถมยังต้องเป็นเสาหลักของครอบครัวดูแลลูก พร้อมกับถามด้วยว่าทำไมต้องหลบหนี ซึ่งผู้ต้องหาตัวจริงบอกว่า ไม่คาดคิดว่าเรื่องจะบานปลายขนาดนี้จึงได้แต่กล่าวขอโทษ แต่ล่าสุดในวันนี้ไม่สามารถติดต่อได้แล้ว และไม่ทราบว่าอยู่ที่ไหน

 

ส่วนนายอนุชานั้นอยู่ในสภาวะค่อนข้างเครียด นอนร้องไห้มา 2 คืน และไม่สะดวกให้ไปถ่ายทำชีวิตการเป็นอยู่ จึงอยากมาร้องขอความเป็นธรรมให้กับตนเอง

  

ทางด้าน นางสาวศกลวรรณ ชัยภักดี หัวหน้ากลุ่มงานแผนและพัฒนางานบริการศูนย์บริการ กระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า เบื้องต้นต้องตรวจสอบว่าอัยการจะยื่นอุทธรณ์หรือไม่ ถ้าหากว่าไม่ยื่นอุทธรณ์นั่นหมายความว่าคดีถึงที่สุดแล้วก็จะเริ่มดำเนินการเยียวยา ส่วนกรอบวงเงินนั้นเป็นไปตามข้อเท็จจริง โดยอ้างอิงจากการที่ต้องสูญเสียรายได้ในแต่ละวัน.

 

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส