"สนธิญา"รุดให้กำลังใจแพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ หลังถูกกดดันรักษา"ทักษิณ"

25 ส.ค. 66

"สนธิญา"รุดให้กำลังใจแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ หลังถูกกระแสกดดันเหตุรับการรักษาตัว"ทักษิณ"

 

นายสนธิญา สวัสดี เดินทางมาที่โรงพยาบาลตำรวจเพื่อให้กำลังใจ พลตำรวจโทโสภณรัชต์ สิงหจารุ แพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ  หลังมีกระแสกดดันการดำเนินการรับตัวนายทักษิณ เข้ารับการรักษาในความรับผิดชอบของโรงพยาบาลตำรวจ

 

โดยนายสนธิญา ระบุว่า ตนเองมองว่าการปฎิบัติหน้าที่ของทางแพทย์ใหญ่และทางโรงพยาบาลตำรวจ เป็นการปฎิบัติหน้าที่ตามหลักจรรยาบรรณของแพทย์ และขั้นตอนการดำเนินการรับตัวเป็นไปตามขั้นตอนอย่างถูกต้อง ส่วนตัวเชื่อว่าตัวนายทักษิณอยู่ในการดูแลของโรงพยาบาลตำรวจจริง ไม่ได้เป็นไปตามข้อสันนิษฐานของบางกลุ่ม

 

ในวันนี้จึงอยากมาให้กำลังใจต่อนายแพทย์ใหญ่ โรงพยาบาลตำรวจและบุคลากรทางการแพทย์ทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการดูแลนายทักษิณในครั้งนี้

 

นายสนธิญา ยังระบุอีกว่า ตนเองยืนยันว่า ตนเองยังเดินหน้าร้องเรียนเรื่องที่เกี่ยวข้องกับพรรคเพื่อไทย และบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางไปเยี่ยมตัวนายทักษิณก่อนหน้านี้มาโดยตลอด ซึ่งคดียังคงอยู่ในชั้นศาลที่ยังอยู่ระหว่างการดำเนินคดี แต่ในวันนี้ที่เดินทางมาให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์ เพราะตนเองเชื่อมั่นในจรรยาบรรณทางการแพทย์ของหมอที่ต้องดูแลคนป่วยตามหลักสิทธิมนุษยชน ไม่ได้มีนัยะใด เพราะสังคมต้องเข้าใจว่าขั้นตอนการรับตัวนายทักษิณ ถือว่าเสร็จสิ้นเป็นนักโทษชายเป็นที่เรียบร้อย และหากนักโทษมีอาการเจ็บป่วยก็ต้องได้รับการรักษา

 

ส่วนการที่นายทักษิณป่วยกะทันหัน ตนเองมองว่าเป็นเรื่องปกติของคนสูงอายุ ที่มีฐานะร่ำรวย โดยปกติจะพักอาศัยอยู่ในสถานที่สุขสบาย แต่เมื่อต้องไปอยู่ในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยอย่างเช่นในคุก ก็อาจจะเป็นการทำให้เกิดภาวะเครียด จนนำไปสู่การเจ็บป่วยฉุกเฉินได้ ซึ่งในเรื่องนี้ตนเองยังคิดถึงแม่ของตนเองที่เป็นผู้สูงอายุก็ดูเหมือนจะปกติ แต่อยู่ๆก็ต้องเข้าห้องไอซียูรับการรักษาเช่นกัน

 

ส่วนที่สังคมมีการตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับการดูแลแบบสองมาตรฐานหรือไม่ตนเองมองว่าเป็นเรื่องความพร้อมทางฐานะของครอบครัวผู้ต้องขังเพราะถ้าครอบครัวผู้ต้องขังมีความสามารถ ในการดูแลหรือจัดหา สถานที่ในการรักษาได้ก็ถือเป็นสิทธิ์ที่ทำได้ สังคมต้องยอมรับในประเด็น ความแตกต่างทางฐานะนี้ให้ได้ เพราะจากเท่าที่เห็นคนสูงอายุในเรือนจำถ้าครอบครัวมีฐานะก็จะรับการปฏิบัติเช่นนี้เหมือนกัน แต่หากใครไม่พร้อมก็รักษาไปตามระบบของกรมราชทัณฑ์

 

ส่วนประเด็นที่มีการตั้งข้อสงสัยว่าเป็นการป่วยการเมืองหรือไม่ ตนเองมองว่าก็อาจจะเป็นการป่วยการเมืองได้ แต่ตนเองเชื่อมั่นในจรรยาบรรณทางการแพทย์ของโรงพยาบาลตำรวจ

 

ยืนยันว่าตนเองไม่เคยเปลี่ยนแปลงท่าทีในการดำเนินการใดๆ กับพรรคเพื่อไทย และบุคคลที่เกี่ยวข้องโดยตนเองยืนยันว่าหากต่อไปพบว่าการเจ็บป่วยหรือการรับการรักษาในครั้งนี้เป็นเรื่องโกหกก็พร้อมที่จะเดินหน้าฟ้องร้อง และร้องเรียนบุคคลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการโกหกในครั้งนี้ทั้งหมด

 

ส่วนประเด็นเกี่ยวกับการเมืองยืนยันว่าตนเองไม่ได้สังกัดพรรคการเมืองใดๆ ทั้งสิ้นยังคงทำหน้าที่ในการร้องเรียนความไม่ถูกต้อง

 

ส่วนประเด็นที่นายศรีสุวรรณเดินหน้าร้องเรียนในประเด็นที่ทิศทางตรงกันข้ามกับตนเองเมื่อวานนี้ ส่วนตัวไม่เคยพูดคุยกับนายศรีสุวรรณและไม่ได้เกี่ยวข้องกัน ซึ่งการร้องเรียนของนายศรีสุวรรณก็ถือว่าเป็นสิทธิ์ที่นายศรีสุวรรณสามารถทำได้.

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม