ระทึก! ตาวัย 86 ปี ขับเก๋งพุ่งเข้าศาลาเมรุเผาศพ ได้รับบาดเจ็บอาการสาหัส คาดอาจเกิดจากเข้าเกียร์รถผิดหรืออาการวูบจากโรคประจำตัว
วันที่ 22 ส.ค. 2566 เวลา 21.00 น. พ.ต.ต.บุญเอก สรรพคง สารวัตรเวร สภ.ปากท่อ จ.ราชบุรี ได้รับแจ้งเหตุรถเก๋งพุ่งเข้าไปในศาลาเมรุเผาศพ มีผู้ได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดที่วัดวิมลมรรคาราม หมู่ 4 ต.บ่อกระดาน อ.ปากท่อ จึงเดินทางไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่มูลนิธิประชานุกูลราชบุรี
ในที่เกิดเหตุพบรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อ โตโยต้า สีบรอนซ์ หมายเลขทะเบียน กค- 5689 ราชบุรี สภาพด้านหน้ารถพังยับเยิน ชนอัดติดกับราวบันไดทางขึ้นเตาเผาศพ นอกจากนี้ยังมีข้าวของเครื่องใช้ โต๊ะ และเก้าอี้ไม้ถูกชนกระจัดกระจายได้รับความเสียหายหลายตัว ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลราชบุรี ไปก่อนหน้านี้แล้วทราบว่าอาการสาหัส ซึ่งทราบชื่อต่อมาคือ พ.ท.สง่า สงวนนามสกุล อายุ 86 ปี เป็นอดีตนายทหารเกษียณอายุ และเป็นประธานชมรมผู้สูงอายุตำบลบ่อกระดาน
จากการสอบถามชาวบ้านหลายคนก็ทราบว่า ที่วัดมีการจัดงานศพของคนในชุมชน โดยนำศพไปตั้งด้านข้างแต่อยู่ในศาลาเดียวกัน เนื่องจากตัวศาลาเมรุนั้นในวันเสาร์จะมีการเผาศพของคนในชุมชนอีกคน ซึ่งตอนนี้ตั้งบำเพ็ญกุศลอยู่ที่บ้าน ทำให้บริเวณศาลาเมรุนั้นมีการจัดตั้งโต๊ะ เก้าอี้ ไว้รองรับชาวบ้านที่มาร่วมงาน ทั้งมาฟังพระงานศพที่อยู่ที่วัด และศพที่จะนำมาเผา แต่ในช่วงที่เกิดเหตุนั้น พระสวดจบแล้วและชาวบ้านที่มาฟังพระได้ทยอยกลับ แต่ยังมีบางส่วนที่นั่งพูดคุยกันอยู่ในศาลา
ส่วน พ.ท.สง่า นั้นก็มาร่วมเป็นเจ้าภาพงานศพที่วัดด้วย และกำลังจะขับรถกลับบ้าน ซึ่งรถเก๋งของ พ.ท.สง่า จอดอยู่หน้าศาลาเมรุ หลังจาก พ.ท.สง่า สตาร์ทรถรถก็พุ่งเข้ามาในตัวศาลาโดยชนโต๊ะ เก้าอี้และข้าวของเครื่องใช้ที่วางอยู่ ก่อนจะพุ่งไปชนอัดก๊อปปี้อยู่ที่บันไดทางขึ้นเตาเผา ทำให้ พ.ท.สง่า ได้รับบาดเจ็บสาหัสดังกล่าว
และโชคดีที่ช่วงนั้นไม่มีชาวบ้านยืนอยู่ในบริเวณนั้น ทำให้ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บเพิ่มเติม แต่เสียงเครื่องยนต์ที่ดังมากนั้น ทำให้ชาวบ้านต่างก็ตื่นตกใจและวิ่งมาดูเหตุการณ์ ก่อนจะแจ้งเจ้าหน้าที่ให้มาช่วยเหลือดังกล่าว ซึ่งมีชาวบ้านบางคนก็บอกว่าความเร็วของรถนั้นหากไม่ติดที่หน้าบันไดก็อาจจะพุ่งเข้าไปในเตาเผาศพได้
ซึ่งเบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า อาจจะเป็นการเข้าเกียร์ผิดเนื่องจากรถเป็นเกียร์ออโต้ หรืออาจจะเกิดจากโรคประจำตัวซึ่งทำให้เกิดอาการวูบ จนทำให้รถพุ่งเข้าไปในศาลาเมรุ แต่ทั้งนี้ก็จะต้องทำการสอบสวนหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไปด้วย
