ศึกสองพรรค “ศุภณัฐ” ตอกกลับ “เอกนัฏ” เลิกแถให้ 250 สว.

7 ส.ค. 66

เอกนัฏ” สส.รทสช. ร่ายยาว ขั้นตอนเลือกผู้นำในระบบรัฐสภา ด้าน “ศุภณัฐ” สส.ก้าวไกล แชร์โพสต์ตอกกลับ เลิกแถให้ 250 สว. 

วันที่ 7 ส.ค. 66 นาย เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ สส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการ พรรครวมไทยสรางชาติ (รทสช.) โพสต์ข้อความตอนหนึ่งว่า “ด้วยความเคารพ เสียงของประชาชนคนไทยตามระบอบประชาธิปไตยรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ปี 2560 เป็นรัฐธรรมนูญที่ผ่านการทำประชามติด้วยเสียงส่วนใหญ่ของคนไทยทั้งประเทศ ถือเป็นกระบวนการการหยั่งเสียงในระบอบประชาธิปไตย และหลังจากที่รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันมีผลบังคับใช้ ประเทศไทยก็ผ่านการเลือกตั้งไปแล้ว 2 ครั้ง ในปี 2562 และล่าสุดในปี 2566” 

“การที่พรรคการเมืองสามารถออกมานำเสนอจุดยืน พูดอย่างเปิดเผยบนเวที ออกสื่อได้ทุกช่องทาง ไม่ว่าเนื้อหาจะรุนแรงเพียงใดก็ตาม ถือเป็นสิ่งพิสูจน์ว่าการเลือกตั้งนั้นเสรีและเป็นธรรม (Free and Fair) ไม่ได้ถูกปิดกั้นแต่อย่างใด เป็นไปตามหลักประชาธิปไตย แต่กองเชียร์เองก็ต้องยอมรับฟังข้อเสนอของพรรคการเมืองอื่นๆ ที่สะท้อนความต้องการที่หลากหลายของประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งด้วย” 

“การออกมาคุกคามบูลลี่คนที่เห็นต่างผ่านสื่อฯ บีบบังคับให้สังคมต้องบิดเบี้ยวไปตามความต้องการของตัวเอง อาจบานปลายกลายเป็นการคุกคามละเมิดสิทธิของคนอื่น ซึ่งไม่เป็นไปตามหลักประชาธิปไตย” 

นาย เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ สส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการ พรรครวมไทยสรางชาติ

“วันนี้การเลือกตั้ง สส.ที่เป็นประชาธิปไตยก็จบไปแล้ว พรรคก้าวไกลมาเป็นอันดับหนึ่ง ได้จำนวนสส. 151 คน พรรคเพื่อไทยมาเป็นอันดับสอง ได้จำนวนสส. 141 คน และมีพรรคอื่นๆ รวมแล้ว ได้จำนวนสส. อีก 208 คน รวมทั้งหมดเป็น 500 คน พรรคก้าวไกล เป็นพรรคอันดับหนึ่งก็จริง แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะเป็นเสียงข้างมากที่จะโหวตนายกฯ หรือตั้งรัฐบาลได้ในระบบการเลือกตั้งที่เป็นระบบรัฐสภา” 

“ระบบของไทยโดยหลักแล้วเป็นระบบรัฐสภา แต่เนื่องจากมีข้อกำหนดต้องเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีก่อนการหาเสียงเลือกตั้ง จึงเสมือนเป็นระบบผสมหรืออาจจะเรียกว่าเป็น Hybrid System ก็น่าจะได้ ซึ่งอาจจะทำให้คนสับสนนึกว่าเป็นการไปเลือกแคนดิเดตนายกฯโดยตรง” 

“อันที่จริงแล้ว ไม่มีการกำหนดหลักเกณฑ์ในกติกาว่าแคนดิเดตนายกฯของพรรคที่ได้เสียงมากที่สุดจะได้เป็นนายกรัฐมนตรี และในระบบรัฐสภาที่เป็นสากลก็ไม่มีการกำหนดหลักเกณฑ์ในกติกาว่าพรรคอันดับหนึ่งจะได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล หากแต่เป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่จะให้โอกาสพรรคอันดับหนึ่งไปดำเนินการก่อนเท่านั้น 

“ขณะนี้ ยังอยู่ในช่วงเวลาที่บทเฉพาะกาลในรัฐธรรมนูญที่ให้สว. เข้ามามีส่วนร่วมในการเลือกนายกฯ ยังมีผลบังคับใช้ ซึ่งเป็นผลพวงของคำถามเพิ่มเติม ที่ผ่านการทำประชามติเมื่อปี 2559 ด้วยเสียงถึง 15.1 ล้านเสียง หรือคิดเป็นสัดส่วน 58% ของผู้ที่ไปลงคะแนน” 

“พอใจ หรือไม่พอใจ แต่ก็ผ่านการทำประชามติ ซึ่งถือเป็นการหยั่งเสียงด้วยเสียงส่วนมากของคนทั้งประเทศ เปรียบเทียบได้กับกรณีการทำประชามติ Brexit ในสหราชอาณาจักร ที่ฝ่าย Leave เอาชนะ ฝ่าย Remain เพียงนิดเดียว 52% ต่อ 48% ถึงแม้ว่าการตัดสินใจนั้นจะสร้างความแตกแยกทางความรู้สึกและส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศ แต่รัฐบาลก็ต้องปฏิบัติตาม ด้วยความเคารพต่อเสียงส่วนมากในระบบการหยั่งเสียงในระบอบประชาธิปไตย” 

“มาวันนี้ในประเทศไทย การใช้เสียงในรัฐสภาโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ก็ถือเป็นขั้นตอนการเลือกผู้นำในระบบรัฐสภา ผลออกมาอย่างไร รูปร่างหน้าตาออกมาแบบไหน พอใจหรือไม่พอใจ ก็เป็นกระบวนการที่เป็นประชาธิปไตย ควรมีน้ำใจนักกีฬา ให้ความเคารพต่อเสียงส่วนมากของประชาชนและการตัดสินใจของผู้แทนราษฎรในสภาที่มาจากการเลือกตั้งด้วยเช่นกัน” 

นาย ศุภณัฐ มีนชัยนันท์ ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล

ต่อมา นาย ศุภณัฐ มีนชัยนันท์ ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล ได้แชร์โพสต์ของ นาย เอกนัฏ ลงเฟซบุ๊ก “ศุภณัฐ มีนชัยนันท์ - Suphanat Minchaiynunt” พร้อมระบุข้อความว่า “เลิกแถ เพื่อสร้างความชอบธรรมให้ สว.250 และโหนประชามติ รธน.ปี60 ได้แล้วไหมครับ? ทุกการทำประชามติ และการเลือกตั้ง สิ่งที่สำคัญที่สุด คือต้องมีเสรีภาพทางความคิด การแสดงออก และการรณรงค์ทางการเมือง ต้องเป็นไปอย่างเท่าเทียม โปร่งใส รับรู้ข้อมูลทั้ง 2ด้านเท่าๆกัน แต่รัฐบาล คสช. ปิดปาก คนเห็นต่างทั้งหมด แล้วจะ free and fair ตรงไหน?” 

“ไปเรียนถึงอังกฤษ แม่แบบประชาธิปไตยโลก แถมเอาเรื่องประชามติ Brexit ของอังกฤษ มาหลอก voter แต่ไม่บอกหละครับว่าที่อังกฤษ เขารณรงค์สนับสนุน และคัดค้านกันอย่างเสรี ข้อมูลตัวเลขออกมาเพียบ นักวิชาการ นักข่าววิเคราะห์กันได้ทุกมุม ไม่มีใครโดนปิดปาก ไม่มีใครโดนจับ ไม่มีใครโดนขู่ฆ่าเพราะ รณรงค์คัดค้าน เมื่อลงคะแนนเสร็จประชาชนเขาเลยยอมรับผลประชามติไง แต่ประชามติไทยมันไม่ free and fair” 

“รังสิมันต์ โดน “ทหาร” จับกุม เพราะรณรงค์ไม่รับร่าง แต่ทำไม ประยุทธ์ ไม่โดนจับเพราะเชียร์ให้รับ? (และประเทศปกติที่ไหนให้ทหาร ไล่จับกุมคนอื่น) มันยากมากหรือครับ ที่เราจะเลิกบิดเบือน ข้อมูลที่บอกประชาชน เลิกใช้ตรรกะผิดๆ และ แถไปวันๆ เพื่อรักษาอำนาจ สร้างการยอมรับจอมปลอม ทุกวันนี้ประชาชนมีอินเตอร์เน็ต ตรวจสอบข้อมูลได้หมด ไม่แปลกใจที่ “ฝ่ายอนุรักษ์ (อำนาจ)” จะแพ้เลือกตั้งกระจุย”

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม