สะเทือนขวัญ! หลานทาสยาเสพยาบ้าจนหลอน คว้ามีดเชือดยายดับ

13 มิ.ย. 66

สะเทือนขวัญ! หลานทาสยาเสพยาบ้าจนหลอน คว้ามีดจ้วงใส่ยายบังเกิดเกล้าดับ เผย" ลูกหลานเคยชวนยายไปอยู่ที่อื่น แต่ยายไม่ไปเพราะห่วงหลานคนนี้มาก"

วันที่ 13 มิถุนายน 2566 เวลา 14.46 น. ร.ต.อ.เจนวัธน์ วิทยารติโชติตระกูล รอง สว. สอบสวน  สภ.เมืองอุดรธานี ได้รับแจ้งเหตุ หลานเสพยาบ้าหลอนคุ้มคลั่งใช้มีดแทงยายเสียชีวิต ชาวบ้านช่วยกันจับผู้ก่อเหตุไว้ได้ เหตุเกิดที่บ้านเลขที่ 39 หมู่ 9 บ้านตูม ต.หนองนาคำ จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.จามร อันดี ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี พ.ต.ท.บรรจง พาโคตร สว.สส.สภ.เมืองอุดรธานี แพทย์เวร รพ.ศูนย์อุดรธานี อาสากู้ภัยอุดรสว่างเมธาธรรม กู้ชีพ อบต.หนองนาคำ รุดไปตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุเป็นบ้านปูนชั้นเดียว พบศพนางสมุทร สงวนนามสกุล อายุ 79 ปี เจ้าของบ้าน ถูกของมีคมปาดและแทงเสียชีวิตอยู่ในห้องน้ำ สวมเสื้อคอกระเช้าสีเขียว กางเกงขาสามส่วนสีน้ำเงิน พบกองเลือดอยู่หน้าซิงค์ล้างจาน มีมีดทำครัวปลายแหลมเปื้อนเลือดยาวประมาณ 1 ฟุตวางอยู่ และมีรอยลากเป็นคราบเลือดเข้าไปในห้องน้ำ  จากการชันสูตรพบถูกมีดปาดบริเวณลำคอจนหลอดลมขาด บริเวณใบหน้าและริมฝีปากถูกปาดหลายแผล หลังศีรษะถูกเฉือน หน้าท้องด้านขวา และใต้ราวนมด้านขวาถูกปาดเป็นแผลยาว และถูกแทงบริเวณลิ่นปี่

ส่วนผู้ก่อเหตุคือนายศิริ สงวนนามสกุล อายุ 28 ปี หลานชายผู้ตาย ถูกนายไพบูลย์ พลโต อายุ 58 ปี  ผู้ใหญ่บ้านตูม  และชาวบ้านช่วยกันจับกุม ใช้เชือกมัดมือไขว้หลังนอนคว่ำหน้าอยู่บริเวณหน้าบ้าน มีแผลมีดบาดที่มือซ้าย โดยยังมีอาการมึนเมา ให้การ “ไม่รู้เรื่อง ตื่นมายายก็ตายแล้ว ยิงผมเลยจะได้ไปอยู่กับยาย”

 จากการตรวจค้นห้องนอนนายศิริ พบยาบ้า 2 เม็ด และอุปกรณ์การเสพ พร้อมกับกัญชาจำนวนหนึ่ง ตำรวจได้ควบคุมตัวนายศิริไปโรงพัก ซึ่งญาติและชาวบ้านพยายามเข้าไปรุมประชาทัณฑ์ และบอกให้นำไปฆ่าทิ้ง แต่เมื่อมาถึงโรงพักนายศิริมีอาการสงบลงมาก “ผมไม่มีสาเหตุที่จะต้องฆ่ายาย” แต่ตามหลักฐานตนเป็นคนฆ่ายาย ตนไม่เข้าใจว่าฆ่ายายทำไม อยากบอกว่าผมรักยายตลอด อยากขอโทษยาย จากใจเลย สิ่งที่ตนทำไปผิดแน่นอน

น.ส.โสรยา สงวนนามสกุล อายุ 34 ปี บ้านอยู่ตรงข้ามกับบ้านหลังที่เกิดเหตุ และเห็นเหตุการณ์ เล่าว่า พวกตนกลับมาจากเก็บเห็ด  เลยมานั่งกินข้าวบนโต๊ะ ผู้ก่อเหตุขี่ จยย.เข้าไปในบ้าน ไม่นานเดินกลับมาลักษณะหน้าตาตื่น ตัวสั่น หน้าซีด จึงถามว่าเป็นอะไร ผู้ตายก็วิ่งรอบบ้านไปหมอบ ไปซ่อน ไม่นานก็เห็นผู้ตายเดินตามหลังผู้ก่อเหตุมา สักครู่เห็นผู้ตายเดินตามหลังหลานเข้าไปในบ้าน ต่อมาได้ยินเสียงลักษณะคล้ายคนทำร้ายกัน จึงหันไปดูก็พบยายล้มลง  ผู้ก่อเหตุใช้มีดฟันและแทงยาย ก่อนลากยายเข้าไปในห้องน้ำ พวกตนมีแต่ผู้หญิง ไม่กล้าเข้าไปช่วย ได้แต่ร้องกรี๊ดๆ ให้ชาวบ้านมาช่วย แต่ยายก็ถูกฟันแทงหลายแผล ผู้ใหญ่บ้านนำผู้ชายเข้ามาช่วยกันจับตัวผู้ก่อเหตุ และนำยายส่งโรงพยาบาล

นางปุ่น สงวนนามสกุล อายุ 48 ปี ที่เห็นเหตุการณ์ที่อยู่หลังบ้านเล่าว่า ในขณะที่ตนปิดประตูรั้วหน้าบ้าน เห็นผู้ก่อเหตุทั้งแทงและปาดยายหลายครั้ง แต่ไม่เสียงยายร้องเลย มีแต่เสียงหลานชายผู้ก่อเหตุฆ่ายายร้องเท่านั้น ในตอนแรกไม่คิดว่าจะเป็นยายโดนฆ่า จึงได้วิ่งไปบอกเพื่อนบ้านให้ช่วยกันเข้าไปดู ทำให้ตนถึงกับขาอ่อน ที่ผ่านมาเคยเห็นหลานชายมีปากเสียงกับยายเท่านั้น ลูกหลานก็บอกให้ยายไปอยู่ที่อื่น แต่ไม่ยอมไปเพราะยายรักหลานชายคนนี้มาก ถึงแม้ว่าหลานชายจะฆ่าตนเองก็ยอม

น.ส.ทิพวรรณ สงวนนามสกุล อายุ 33 ปี หลานสาวผู้ตายเล่าว่า นายศิริไม่ยอมไปทำงาน ตนอยู่บ้านติดกันกับยาย ก่อนเกิดเหตุยายเดินไปหาตนที่หลังบ้าน ถามว่ายายกินข้าวหรือยัง ยายบอกว่ากินแล้ว และได้ถามว่าอาการนายศิริเป็นอย่างไร ยายบอกว่าอาการนายศิริยังคุ้มดีคุ้มร้าย ตนจึงเอาน้ำมันไปส่งพ่อที่กระท่อมนา

สักพักชาวบ้านมาบอกว่านายศิริฆ่ายายตาย ตนจึงรีบกลับมาดู ซึ่งเมื่อคืนนายศิริจับยายขังไว้ในห้อง  จับยายกระแทกถามหาเอกสารทางราชการ หาว่ายายไปซ่อนไว้ เพราะจะเอาไปสมัครงาน ตนจึงไปห้ามว่าอย่าทำยาย นายศิริเสพยาบ้าจนหลอนและเสพหลายอย่างรวมกัน คนที่อยู่บ้านด้วยกลัวจนหนีไปอยู่ที่อื่น  พวกตนอยากให้ยายไปอยู่ที่อื่นแต่ยายไม่ยอมไป เหลือยายอยู่กับนายศิริแค่ 2 คน ไม่คิดว่ามันจะฆ่ายายเร็วขนาดนี้

ส่วนนางจันทร์เพ็ญ สงนนามสกุล อายุ 45 ปี แม่นายศิริและลูกสาวผู้ตาย เล่าว่า  ลูกชายเสพยาบ้ามาหลายเดือนแล้ว  ไม่คิดว่าจะฆ่ายาย ตนคงไม่อภัยลูกชายไม่ไปประกันตัวด้วย โดยตนทำงานเป็นแม่บ้านที่ห้างแห่งหนึ่ง ส่วนนายศิริทำงานรับจ้าง เคยมีภรรยาและลูก 1 คน แต่ภรรยาได้หอบลูกหนีไป 7-8 เดือนแล้ว  ทำให้นายศิริหันมาเสพยาบ้าจนมีอาการหลอน และไม่ยอมไปทำงาน  คนที่อาศัยอยู่ในบ้านก็หนีหมดเพราะกลัวจะไม่ปลอดภัย ก่อนเกิดเหตุนายศิริเสพยาบ้าและกัญชาจนมีอาการหลอน 3 วัน ตนกลัวจึงหนีไปเช่าห้องอยู่ ตนชวนแม่ไปอยู่ด้วย แต่แม่ไม่ยอมไป บอกให้ไปอยู่บ้านญาติที่หนองหินก็ไม่ไป เพราะห่วงนายศิริหลานชาย กระทั่งมาถูกหลานชายหลอนยาฆ่าตาย ซึ่งตนเสียใจมาก จะไม่ยอมให้อภัยลูกคนนี้เด็ดขาด

พ.ต.อ.จามร อันดี ผกก.สภ.เมืองอุดรานี เปิดเผยว่า จากการสอบสวนเบื้องต้น สาเหตุเกิดจากความเครียด นายศิริได้เลิกกับภรรยา และ มาเสพยาเสพติดจนเกิดอาการคุ้มคลั่ง ซึ่งจากการตรวจค้นพบยาบ้าในตัว 2 เม็ด  เบื้องต้นแจ้งข้อหา “ฆ่าบุพการี” ไว้ก่อน เนื่องจากเป็นยายที่เลี้ยงผู้ต้องหามาตั้งแต่เด็ก

 

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส