“เรืองไกร” ตามหลอน “พิธา” จ่อร้อง กกต. ขย่มปมถือหุ้นสื่อ

23 พ.ค. 66

เรืองไกร” ตามหลอน “พิธา” จ่อร้อง กกต. ขย่มปมถือหุ้นสื่อ ขณะเลือกตั้ง –เสนอชื่อเป็นนายกฯ เข้าข่ายมีลักษณะต้องห้ามตาม รธน.หรือไม่

วันที่ 23 พ.ค. 66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นาย เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ และสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะผู้ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง เตรียมส่งหนังสือคำร้องถึง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในวันที่ 24 พ.ค. 66

เพื่อขอให้ตรวจสอบเพิ่มเติมว่า นาย พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลและ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของ พรรคก้าวไกล ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) จำนวน 42,000 หุ้น ในขณะที่สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. และยินยอมให้เสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี

จะเข้าข่ายมีลักษณะต้องห้ามตามความในรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 (3) หรือไม่  และขอให้ กกต.ส่งคำร้องให้ ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยต่อไปว่านาย พิธา มีลักษณะต้องห้ามในการเป็น ส.ส. หรือรัฐมนตรี ตามความในรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 (3) ประกอบมาตรา 160 หรือไม่

โดยนาย เรืองไกร ได้แนบ เอกสารหลักฐานเป็นตารางชื่อนาย พงษ์ศักดิ์ ลิ้มเจริญรัตน์ กับนาย พิธา ถือหุ้น ITV ปี 49 ถึงปี 66, สำเนารายชื่อผู้ถือหุ้น บมจ.ไอทีวี ปี49-66 (บางส่วน), สำเนาวัตถุประสงค์ของ บมจ.ไอทีวี, ตารางรายได้รวมของ บมจ.ไอทีวี ปี64-65, สำเนารายได้รวมของ บมจ.ไอทีวี ปี 64-65 และ สำเนา พ.ร.บ.บริษัทจำกัดมหาชน (บางส่วน)

ทั้งนี้เอกสารคำร้องของนาย เรืองไกร ระบุว่า การถือหุ้นในนามนาย พิธา มีการแจ้งที่อยู่แตกต่างกัน 3 ครั้ง การแจ้งเปลี่ยนที่อยู่ ทำให้น่าเชื่อว่านาย พิธา รู้หรือควรรู้ถึงการถือหุ้น 42,000 หุ้นมาโดยตลอด แต่นาย พิธา ไม่เคยมีการระบุเงื่อนไขเกี่ยวกับการเป็นผู้จัดการมรดกตามที่กล่าวอ้างไว้แต่อย่างใด อีกทั้งตามหนังสือรับรองที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้าออกให้ พบว่าบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) มีวัตถุประสงค์เกี่ยวกับสื่อมวลชนใดๆ ตามความในรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 (3) และมีรายได้ตามงบกำไรขาดทุนมาทุกปี

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม