เปิดปูมหลังชีวิต "แอม ไซยาไนด์" ครอบครัวเก็บตัวเงียบ รั้วเหล็กกั้นหน้าบ้าน

27 เม.ย. 66

ชีวิตแบบใด? "แอม ไซยาไนด์" เพื่อนสมัยเด็กปูดนิสัย ด้านครอบครัวเก็บตัวเงียบ รั้วเหล็กกั้นหน้าบ้าน ไม่ให้สัมภาษณ์

ความคืบหน้าคดีการเสียชีวิตปริศนาของ นางสาวศิริพร ขันวงษ์หรือ น้องก้อย อายุ 32 ปีที่เสียชีวิตหลังไปปล่อยปลากับ "แอม" เพื่อนสนิทที่ท่าน้ำ ริมแม่น้ำแม่กลองอำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี ซึ่งครอบครัวของน้องก้อยติดใจในสาเหตุการเสียชีวิตจึงได้เข้าร้องขอความเป็นธรรมและขอให้มีการตรวจหาสารพิษในศพของน้องก้อยจนมีกระแสข่าวว่ามีการตรวจพบ ไซยาไนด์ ในศพของน้องก้อยและนำไปสู่การออกหมายจับและการจับกุมตัวนางสาวแอมนั้น

ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้เดินทางลงพื้นที่บ้านของ พ่อนางสาวแอม ซึ่งอยู่ในพื้นที่หมู่ 1 ตำบลท่ามะกา อำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี โดยพบว่าบ้านทาวน์เฮ้าส์หลังสีเขียวซึ่งเป็นบ้านของนางสาวแอมป์ถูกปิดเงียบ ลักษณะคล้ายไม่มีคนอยู่มาเป็นเวลานาน ส่วนบ้านพ่อของนางสาวแอมนั้นมีการนำรั้วเหล็กมากั้นทางเข้าด้านหน้า

ผู้สื่อข่าวพยายามโทรศัพท์เพื่อจะขอเข้าไปพูดคุยกับพ่อของนางสาวแอมแต่ถูกปฏิเสธ โดยบอกว่าไม่พร้อมที่จะให้สัมภาษณ์และให้ข้อมูลใดๆ กับผู้สื่อข่าว

ผู้สื่อข่าวได้เดินทางลงพื้นที่ไปยังที่ทำการผู้ใหญ่บ้านหมู่1 ตำบลท่ามะกา อำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี และได้พูดคุยกับ นายศักดิธัช อารีรอบ ผู้ใหญ่บ้านหมู่1 ตำบลท่ามะกา โดยนายศักดิธัชให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวว่า ไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัวกับนางสาวแอม เพิ่งจะมารู้จักกันเมื่อประมาณ 2 ปีก่อนที่นางสาวแอมพร้อมด้วยพ่อและแม่มาขอให้ตนเซ็นเอกสารรับรองเรื่องการทำธุรกรรมเกี่ยวกับที่ดิน

ซึ่งหลังจากตนเซ็นเอกสารไปให้ นางสาวแอมก็ยังเคยคุยว่าตัวเองมีสามีเป็นตำรวจหากมีอะไรให้ช่วยเหลือก็สามารถบอกได้ ก่อนจะให้เบอร์โทรศัพท์สำหรับติดต่อไว้ แต่ปัจจุบันก็ไม่สามารถติดต่อในเบอร์โทรศัพท์ดังกล่าวได้แล้ว

ในส่วนของพ่อและแม่นางสาวแอมนั้นเป็นคนที่มีพื้นเพอยู่ในพื้นที่หมู่ 1 ตำบลท่ามะกามา ยาวนาน มีอาชีพขายไข่ตามตลาดนัด ส่วนตัวของนางสาวแอมหลังจากเรียนจบและมีครอบครัวก็ไม่ได้อยู่กับพ่อแม่ นานๆ ครั้งจึงจะแวะมาทำธุระและเยี่ยมหาพ่อแม่เท่านั้น

ด้านเพื่อนสนิทพ่อของนางสาวแอมให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวว่า ตั้งแต่เด็กๆ นางสาวแอมเป็นคนเงียบๆ เก็บตัวไม่ค่อยยุ่งเกี่ยวกับใคร เมื่อโตขึ้นเรียนจบและแต่งงานมีครอบครัวก็ย้ายไปอยู่กับสามีและลูก ไม่ได้อยู่บ้านเดียวกับพ่อแม่ เคยพบหน้ากันครั้งล่าสุดเมื่อประมาณ 2 ปีก่อนที่นางสาวแอมมาเซ็นเอกสารกู้เงินกองทุนหมู่บ้านหลังจากเซ็นเอกสารเสร็จก็กลับไปทันทีไม่ได้อยู่พูดคุยกับคนอื่นแต่อย่างใด ยอมรับว่าเมื่อเห็นข่าวเกี่ยวกับการวางยาก็รู้สึกตกใจและไม่คิดว่านางสาวแอมจะมีพฤติกรรมที่โหดเหี้ยมเช่นนี้

นอกจากนี้ผู้สื่อข่าวยังได้เดินทางลงพื้นที่ไปยังแฟลตตำรวจของสถานีตำรวจภูธรเมืองกาญจนบุรี ซึ่งนางสาวแอมและสามีเคยพักอาศัยอยู่ ผู้สื่อข่าวได้พูดคุยกับ คุณบี แม่ค้าส้มตำที่อยู่หน้าแฟลตตำรวจได้ให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวว่า นางสาวแอมและสามีเคยพักอาศัยอยู่ที่แฟลตแห่งนี้จริง โดยพักอาศัยอยู่ที่บ้านพักซึ่งเป็นบ้านเดี่ยวปลูกอยู่ติดกับแฟลตตำรวจ ซึ่งหลังจากสามีของนางสาวแอมมีคำสั่งให้ย้ายไปเป็นรองผู้กำกับที่จังหวัดราชบุรีทั้งสองคนก็ย้ายออกไปทันที แต่ยังคงมีข้าวของอยู่ในบ้านพักหลังดังกล่าวอยู่

นอกจากนี้ที่แฟลตตำรวจแห่งนี้ก็ยังมีสารวัตรนุ้ย ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้เสียชีวิตที่คาดว่าน่าจะถูกวางยาอาศัยอยู่ด้วยเช่นกัน โดยคุณบีซึ่งเป็นแม่ค้าส้มตำให้ข้อมูลว่าตามปกตินางสาวแอมจะไม่ค่อยสุงสิงกับใคร เวลาลงมาซื้อส้มตำที่ร้านก็จะพูดคุยกับคนอื่นแบบถามคำตอบคำไม่ได้สนิทกับใครเป็นพิเศษนอกจาก สารวัตรนุ้ย ที่เป็นระดับนายตำรวจเหมือนกับสามีของนางสาวแอมเท่านั้น

ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวได้พูดคุยกับพ่อของสารวัตรนุ้ยหนึ่งในผู้เสียชีวิตที่เสียชีวิตในขณะขับรถในพื้นที่จังหวัดนครปฐม เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2565 โดยพ่อของสารวัตรนุ้ยยอมรับว่าหลังทราบข่าวที่ลูกสาวเสียชีวิตก็ไม่ได้ติดใจสงสัยอะไรเพราะคิดว่าเสียชีวิตจากอาการหัวใจวายตามที่มีการชันสูตรพลิกศพ

แต่หลังจากได้เห็นข่าวของนางสาวแอมก็เริ่มมีข้อสงสัยในสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงของลูกสาวตนซึ่งล่าสุดทางพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีที่จังหวัดนครปฐมได้ติดต่อขอนำเอาโทรศัพท์มือถือพร้อมด้วยคอมพิวเตอร์ Notebook และ smartwatch ของสารวัตรนุ้ยไปตรวจสอบหาข้อมูลความเชื่อมโยงกับนางสาวแอม ซึ่งเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีนี้อีกครั้ง ทางตนก็ได้นำไปมอบให้เพื่อให้ทางตำรวจตรวจสอบหาข้อมูลเรียบร้อยแล้วเช่นกัน

 

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส